ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อูล์ฟฮิลด์ โฮกุนสด็อทเทอร์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Novaskosia (คุย | ส่วนร่วม)
Kpbayernmunich (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 19:
|father=[[โฮกุน ฟินน์สัน ท็อตตา]]
|mother=ไม่ปรากฎนาม
|issue = ทั้งหมดประสูติแต่กษัตริย์พระเจ้าสแวร์เกอร์:<br>{{plain list|
* [[เฮเลนาแห่งสวีเดน (ศตวรรษที่ 12)|เจ้าหญิงเฮเลนา สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก]]
* [[เจ้าชายโยฮันแห่งสวีเดน (ศตวรรษที่ 12)|เจ้าชายโยฮัน สแวร์เกอร์สัน]]
บรรทัด 40:
อูล์ฟฮิลด์อภิเษกสมรสครั้งแรกกับ[[พระเจ้าอิงเงอร์ที่ 2 แห่งสวีเดน]] ราวปีค.ศ. 1116/17 ทั้งสองพระองค์ไม่ทรงมีทายาทด้วยกัน สวีเดนมีพระมหากษัตริย์ครองราชย์สองพระองค์ กษัตริย์อิงเงอร์ที่ 2 เป็นยุวกษัตริย์ แต่เมื่อ[[พระเจ้าฟิลิปแห่งสวีเดน]] พระเชษฐาเสด็จสวรรคตในปีค.ศ. 1118 อย่างเป็นปริศนา ทำให้กษัตริย์อิงเงอร์กลายเป็นพระมหากษัตริย์แต่เพียงผู้เดียว พงศาวดารสั้นใน''[[เวตเกิตทาลาเกิน]]'' ระบุว่า กษัตริย์อิงเงอร์เสด็จสวรรคตหลังจากทรงเสวย ''เครื่องดื่มแห่งความชั่วร้าย'' ใน[[เอิสเตร์เยิตลันด์]] บ้างก็ว่าทรงถูกลอบปลงพระชนม์ใน[[อารามวเรตา]] ไม่ทราบปีที่แน่ชัด แต่ไม่เกินปีค.ศ. 1129<ref>Peter Sawyer. ''När Sverige blev Sverige''. Alingsås: Viktoria, 1991, pp. 38-9.</ref> นักเขียน [[โอเก โอห์ลมาร์ค]] คาดการณ์ว่า สมเด็จพระราชินีอูล์ฟฮิลด์ทรงสนิทสนมคุ้นเคยกับผู้ที่จะเป็นพระสวามีในอนาคต คือ ขุนนางชื่อ [[พระเจ้าสแวร์เกอร์ที่ 1 แห่งสวีเดน|สแวร์เกอร์]] และพระนางทรงบัญชาให้สแวร์เกอร์วางยาพิษกษัตริย์อิงเงอร์<ref>Åke Ohlmarks, ''Alla Sveriges kungar''. Stockholm; Gebers, 1972, p. 36.</ref>
 
บางทีหลังจากกษัตริย์อิงเงอร์สวรรคต สมเด็จพระพันปีหลวงอูล์ฟฮิลด์เสด็จไปยังเดนมาร์กมากกว่าที่จะเสด็จกลับนอร์เวย์ บ้านเกิด บางทีการที่พระนางทำเช่นนั้นเพื่อจะลี้ภัย ดูเหมือนว่าจะทรงมีญาติและพันธมิตรในเดนมาร์ก ในขณะที่ความวุ่นวายทางการเมืองได้สร้างความปั่นป่วนในสวีเดน<ref>Dick Harrison, ''Sveriges historia [tel:600-1350 600-1350]''. Stockholm: Norstedts, 2009, p. 210.</ref> พระนางได้อภิเษกสมรสกับ[[พระเจ้านีลส์แห่งเดนมาร์ก]] หลังจากพระมเหสีพระองค์แรกคือ พระราชินี[[มาร์กาเรธา เฟร็ดคูลลา]]สิ้นพระชนม์ ในราวปีค.ศ. 1130 การอภิเษกสมรสครั้งนี้ ช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่พระโอรสของกษัตริย์นีลส์ได้เป็นพระมหากษัตริย์สวีเดนในพระนาม [[พระเจ้ามักนุส ผู้แข็งแกร่ง]] แต่ถึงกระนั้นพระราชินีอูล์ฟฮิลด์ก็ทรงคะยั้นคะยอยุยงให้กษัตริย์มักนุส พระโอรสเลี้ยง ต่อต้านเจ้าชาย[[คนุต ลาวร์ด]] ผู้เป็นพระญาติและเป็นศัตรูของกษัตริย์มักนุส<ref>Adolf Schück, "Drottning Ulvhilds härkomst", ''Personhistorisk tidskrift'', 1953, p. 27. http://personhistoriskasamfundet.org/1950-1970/</ref> ในที่สุดเจ้าชายคนุตก็ทรงถูกสังหารโดยกษัตริย์มักนุสในปีค.ศ. 1131 สงครามกลางเมืองเกิดขึ้นในเดนมาร์ก เมื่อกษัตริย์นีลส์และกษัตริย์มักนุสทรงต่อต้าน[[พระเจ้าอีริคที่ 2 แห่งเดนมาร์ก|เจ้าชายอีริค]] ผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์ ยิ่งกว่านั้น พระชนมชีพสมรสของพระนางก็ไม่ราบรื่น โดยกษัตริย์นีลส์ทรงมีพระชนมายุมากกว่าพระนางถึง 20 - 30 พรรษา นักพงศาวดารอย่าง [[แซ็กโซ แกรมมาติคัส]] ได้บรรยายถึงชีวิตครอบครัวช่วงนี้ว่า
:"ในขณะที่ชาวสวีเดนเมื่อทราบว่า กษัตริย์มักนุสกำลังทรงวุ่นวายอยู่ในเดนมาร์ก พวกเขาจึงเชิดชูขุนนางร่วมชาติอย่าง สแวร์เกอร์ ที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อย ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ แต่ไม่ได้เป็นเพราะพวกเขาเห็นคุณค่าในตัวของพระองค์ พวกเขาเพียงแค่ไม่ยอมรับชาวต่างชาติเท่านั้น เนื่องจากพวกเขาเคยชินกับการมีหัวหน้าเป็นของตัวเอง พวกเขาจึงไม่อาจยอมรับชาวต่างชาติเป็นหัวหน้าได้ กษัตริย์นีลส์อภิเษกสมรสกับอูล์ฟฮิลด์จากนอร์เวย์หลังการสิ้นพระชนม์ของพระราชินีมาร์กาเรธา กษัตริย์สแวร์เกอร์เดินทางไปพบพระราชินีอูล์ฟฮิลด์และขอความรักจากพระนาง หลังจากนั้นไม่นานพระองค์ก็ลอบพาพระนางออกจากพระสวามี และอภิเษกสมรสกัน พระองค์เรียกนางหญิงชู้คนนี้ว่าเป็นพระมเหสี แต่อภิเษกสมรสกันแบบผิดผี พระองค์มีพระโอรสหนึ่งพระองค์คือ คาร์ล ผู้ซึ่งต่อมาเป็นพระมหากษัตริย์ต่อจากพระองค์"<ref>Saxo Grammaticus, ''Danmarks krønike''. København; Asschenfeldt's Stjernebøger, 1985, II, pp. 81.</ref>
 
เหตุการณ์นี้ไม่ได้ลงวันที่ไว้ แต่คาดว่าเกิดในระหว่างปีค.ศ. 1132 และ 1134 เรื่องราวการลอบหลบหนีที่น่าสงสัยนี้อธิบายได้ด้วยสถานะของพระนางอูล์ฟฮิลด์ ในฐานะเป็นสมเด็จพระพันปีหลวงที่ตกพุ่มหม้ายของกษัตริย์อิงเงอร์ที่ 2 พระนางจึงเป็นผู้ครอบครองที่ดินและอิทธิพลของ[[ราชวงศ์สเตนคิล]]ที่สูญสิ้นแล้ว การอภิเษกสมรสกับพระนางอูล์ฟฮิลด์ ทำให้การครองราชย์ของกษัตริย์สแวร์เกอร์ที่ไม่ได้มีชาติกำเนิดเป็นเชื้อพระวงศ์ได้รับความชอบธรรม ในตอนนี้พระโอรสเลี้ยงของพระนางคือ กษัตริย์มักนุสได้ถูกขับไล่ออกจากสวีเดน เท่าที่ทราบคือไม่มีการคัดค้านใดๆ (นอกจากงานเขียนของแซ็กโซบางส่วน) ต่อการอภิเษกสมรสครั้งที่สามของพระนาง หรือ ความชอบธรรมในราชบัลลังก์ของเหล่าโอรสธิดาของพระนาง ในทางกลับกัน พระราชินีอูล์ฟฮิลด์ได้รับการยกย่องจากหลักฐานบางแหล่งว่าเป็นผู้อุปถัมภ์คริสต์ศาสนา พระนางอูล์ฟฮิลด์ทรงริเริ่ม[[คณะซิสเตอร์เชียน]] และทรงจัดตั้ง[[อารามอัลวาสตรา]]และ[[อารามนูดาลา]]ในปีค.ศ. 1143<ref>Sven Tunberg, ''Sveriges historia till våra dagar. Andra delen. Äldre medeltiden''. Stockholm: P.A. Norstedt & Söners Förlag, 1926, p. 41; Dick Harrison, ''Sveriges historia [tel:600-1350 600-1350]''. Stockholm: Norstedts, 2009, p. 174.</ref> นอกจากนี้อารามอัลวาสตรายังก่อตั้งขึ้นบนที่ดินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของของกำนัลที่กษัตริย์สแวร์เกอร์พระราชทานให้พระราชินีอูล์ฟฮิลด์<ref>Sven Tunberg, ''Sveriges historia till våra dagar. Andra delen. Äldre medeltiden''. Stockholm: P.A. Norstedt & Söners Förlag, 1926, p. 41.</ref>
 
หลังจากทรงเป็นสมเด็จพระราชินีมาอย่างน้อยสิบปี สมเด็จพระราชินีอูล์ฟฮิลด์สิ้นพระชนม์ในช่วงระหว่างปีค.ศ. 1143 และ 1150 กษัตริย์สแวร์เกอร์อภิเษกสมรสครั้งที่สองกับเจ้าหญิง[[รีเชซาแห่งโปแลนด์ สมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน|รีเชซาแห่งโปแลนด์]] พระมเหสีม่ายในกษัตริย์มักนุสแห่งสวีเดน ซึ่งเป็นอดีตศัตรูของกษัตริย์สแวร์เกอร์ การอภิเษกสมรสครั้งนี้ก็เป็นเรื่องการเมืองด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจมีเป้าหมายเพื่อชักจูงกลุ่มพรรคพวกสุดท้ายของอดีตกษัตริย์มักนุสให้มาสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์สแวร์เกอร์<ref>Sawyer, Peter. ''När Sverige blev Sverige''. Alingsås: Viktoria, 1991, p. 42.</ref>