ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลิลิธ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Chainwit. (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: เครื่องมือแก้ไขต้นฉบับปี 2560
บรรทัด 1:
{{สั้นมาก}}
'Lilith' (ลิลิธ) ลิลิธ เป็นผู้หญิงที่พระเจ้าสร้างให้ 'อดัม' ก่อนจะสร้าง 'อีฟ'
{{Infobox person
({{lang-he|לילית}}; ''lilit'' เป็นชื่อใน[[ภาษาฮิบรู]]สำหรับรูปลักษณ์ใน[[เทพปกรณัมยิว]] มีการกล่าวถึงในหลายตำนาน โดยมีการบันทึกกล่าวถึงแรกสุดใน [[ทัลมุด]][[บาบิโลเนียน]] ซึ่งกล่าวในลักษณะของ[[ปีศาจ]]สาว ''Līlīṯu'' ในข้อความของชาว[[เมโสโปเตเมีย]]
| name = ลิลิธ
| image = Lilith (John Collier painting).jpg
| caption = ''[[Lilith (painting)|ลิลิธ]]'' (1887) โดย [[John Collier (painter)|จอห์น คอลเลียร์]] ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่[[Atkinson Art Gallery and Library|หอศิลป์แอทคินซัน]] ประเทศอังกฤษ
| imagesize = 250px
| birth_place = [[สวนเอเดน]]
}}
'''ลิลิธ''' ({{lang-he|לילית}}; ''lilit'') เป็นชื่อใน[[ภาษาฮิบรู]]สำหรับรูปลักษณ์ใน[[เทพปกรณัมยิว]] มีการกล่าวถึงในหลายตำนาน โดยมีการบันทึกกล่าวถึงแรกสุดใน [[ทัลมุด]][[บาบิโลเนียน]] ซึ่งกล่าวในลักษณะของ[[ปีศาจ]]สาว ''Līlīṯu'' ในข้อความของชาว[[เมโสโปเตเมีย]]
 
หลักฐานอื่นที่ปรากฏในเอกสารของชาว[[ยิว]] ซึ่งเกี่ยวโยงกับปีศาจสาวลิลิธแห่ง[[อาณาจักรอัคกาด]] ในขณะเดียวกันนักวิชาการได้ตั้งมีการแย้งว่าลิลิธที่ปรากฏในบาบิโลเนียน และลิลิธที่ปราฏในอัคกาเดียนเป็นคนละตนกัน<ref>Freedman, David Noel, ed., [[Anchor Bible Dictionary]], (New York: Doubleday) 1997, 1992. "Very little information has been found relating to the [[Akkadian Empire|Akkad]]ian and [[Babylonia]]n view of these demons. Two sources of information previously used to define Lilith are both suspect."</ref>
 
==เรื่องราวของลิลิธในตำนานต่าง ๆ==
[[ไฟล์:Lilith (John Collier painting).jpg|thumb|ลิลิธ (1892) ปรากฏในภาพวาดของ จอห์น คอลลีเออร์]]
[[ไฟล์:Burney Relief Babylon -1800-1750.JPG|thumb|รูปปั้นยุคบาบิโลเนียน ซึ่งหลายคนระบุว่าเป็นลิลิธ แต่ในขณะเดียวกันมีการระบุว่าเป็น[[อิชตาร]]]]
 
ลิลิธ เป็นผู้หญิงที่พระเจ้าสร้างขึ้นก่อนหน้า 'อีฟ' หรือ 'อีวา' ซึ่งไม่ปรากฏเนื้อหาเกี่ยวกับเธอในพระคัมภีร์[[ไบเบิล]]ฉบับ [[พันธสัญญาเดิม]]ของชาว[[ยิว]]มากนัก พบว่ามีชื่อเธอปรากฏอยู่แค่ครั้งเดียวใน พระธรรมอิสยาห์ บทที่ 34 ข้อที่ 14 แต่กลับพบชื่อและเรื่องราวของเธออยู่มากมายในคัมภีร์อรรถกถา[[ทัลมุด]]แทน ทั้งจากในบท Erubin 18b และ Erubin 100b และ Nidda 24b และ Shab. 151b และ Baba Bathra 73a–b ซึ่งกล่าวในทำนอง[[ปกรณัม]]ว่า ลิลิธ คือผู้หญิงคนแรกของโลกจากการทรงสร้างของพระผู้เป็นเจ้า โดยถูกสร้างขึ้นด้วยดินเช่นเดียวกับอาดัม และเป็นภรรยาคนแรกของ[[อาดัม]] ผู้หญิงคนแรกก่อนหน้าที่พระเจ้าจะสร้างอีฟ เธอถือว่าตนเองมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับอาดัมและเรียกร้องความเสมอภาคเท่าเทียมกับเขา เธอจึงไม่ยอมสนองความต้องการของอาดัมและไม่ยอมอยู่ภายใต้คำสั่งของอาดัม ซึ่งเธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนเกรี้ยวกราดและชอบใช้อำนาจ เมื่อเขาบอกให้เธอนอนลงเบื้องล่างเขาในการร่วมเพศท่ามิชชันนารี ลิลิธปฏิเสธพร้อมทั้งสาปแช่งอาดัมและได้ทิ้งอาดัมและสวนอีเดนไปอยู่ที่ริมทะเลแดง (Red Sea) เธอได้กลายเป็นคนรักของจอมปีศาจและผลิตลูกวันละ 100 คน ในวงการนักเทววิทยาว่ากันว่าทะเลแดงของลิลิธ ([[Lilith's Red Sea]]) นั้นสามารถเปรียบเทียบได้กับมหาสมุทรเลือดของกาลี ([[Kali Ma]]'s [[Ocean of Blood]]) อันเป็นจุดกำเนิดของสรรพสิ่ง แต่ต้องแลกมาด้วยการสังเวยชีวิต
 
อาดัมโกรธลิลิธมากจึงนำเรื่องไปฟ้องพระเจ้า พระเจ้าจึงได้ส่งเทวทูต 3 องค์ (Sanvi, Sansanvi and Semangelaf) ให้ไปตามลิลิธกลับมายังสวนอีเดน แต่ลิลิธปฏิเสธพร้อมทั้งสาปส่งเทวทูตทั้ง 3 องค์นั้น เทวทูตแจ้งสารจากพระเจ้าถึงลิลิธว่าถ้าเธอไม่ยอมกลับสวนอีเดน พระเจ้าจะพรากลูก ๆ ทั้งหมดของเธอไป แต่ลิลิธก็ไม่ยอมกลับ พระเจ้าจึงได้ทำตามคำขู่นั้นโดยการสังหารลูก ๆ ทั้ง 100 คนของเธอในทุก ๆ วัน และได้สร้างภรรยาใหม่ให้แก่อาดัม ซึ่งก็คืออีฟ ขึ้นมาจากกระดูกซี่โครงของอาดัม เพื่อที่เธอจะได้ยอมสยบอยู่ภายใต้อำนาจของเขา
 
เพื่อตอบโต้การกระทำของพระเจ้า ลิลิธได้กลายเป็นปีศาจ เธอใช้ปีกของเธอบินออกไปลักพาตัวเด็ก ๆ ในยามค่ำคืน รวมทั้งล่อลวงเหล่ามนุษย์เพศชายเพื่อที่จะผลิตลูก ๆ ขึ้นมาใหม่ สิ่งนี้เองจึงเป็นจุดกำเนิดของตำนานเรื่อง [[Succubus]] มารดาของเหล่า [[Succubi]]
 
บรรดารับไบในศาสนายิวและพระในศาสนาคริสต์ต่างคัดค้านโดยการอ้างว่า คำเรียกลิลิธไม่ได้มีความหมายบ่งชี้ถึงหญิงคนหนึ่งคนใด แต่อุปมาเป็นคนซึ่งไม่เป็นที่ปรารถนาและพวกนอกรีต เช่นเดียวกับที่พวกคริสเตียนเชื่อว่า ลิลิธมิใช่คนหากแต่เป็นเครื่องล่อลวงใจมนุษย์ของจอมปิศาจ
 
ลิลิธคงจะเป็นตำนานอันเก่าแก่เกินไปของบรรดาชาวยิว และคริสเตียน ในขณะที่เรื่องราวของเธอปรากฏมากมายและโดดเด่นตลอดระยะเวลาในตำนานโบราณหลากหลายฉบับ เช่น ในความเชื่อของอารยธรรมซูมาเรียน และบาบิโลเนียน ราว 3,500 ปีก่อนคริสตกาล เธอปรากฏในตำนานฐานะจอมปิศาจ ลามาซตู (Lamashtu) ผู้ถูกเนรเทศออกจากสรวงสวรรค์ เนื่องจากเพราะความร้ายกาจของตนเอง
 
ส่วนในตำนานอื่น ๆ ของซูมาเรียน เธอมีชื่อหลายอย่าง อาร์ดัท ลิลิ่ (Ardat Lili) หรือ ลีลีตู (Lilitu) เทพยดาผู้เป็นคู่ครองของจอมปิศาจ ลีลู (Lilu) สำหรับตำนานบทนี้เธอถูกวาดภาพเป็นหญิงปราศจากศีลธรรม เต็มไปด้วย ตัณหาราคะ คือหญิงสวยยั่วใจในเรื่องเพศ เธอจะใช้มารยาล่อลวง ชายขณะหลับใหล ทั้งยังชอบสังหารเด็ก ๆ
 
การตีค่าว่าการเรียกร้องสิทธิแบบสตรีนิยมคือความชั่วร้ายและมารยา ซึ่งแสดงออกเป็นนามธรรมในภาพของปีศาจสาวที่ใช้เสน่ห์ยั่วยวนล่อลวงผู้ชาย ชี้ให้เห็นถึงนัยยะทางด้านสังคมและการเมืองของยุคสมัยนั้นปัจจุบันถึงแม้ลิลิธจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของความดื้อรั้นขัดขืน แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง เธอก็ยังเป็นสัญลักษณ์ของอิสรภาพ ความเท่าเทียมทางเพศ และการยืนหยัดที่จะเลือกเส้นทางชีวิตด้วยตนเอง
 
== อ้างอิง ==
เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/wiki/ลิลิธ"