ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อาสนวิหารวินเชสเตอร์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Mattis (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 10:
 
==ประวัติ==
ตัวมหาวิหารปัจจุบันเริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1079 ภายใต้การนำของบาทหลวงวอล์คลิน (Bishop Walkelin) เมื่อวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 1093 พระก็ย้ายจากมหาวิหารเดิมไปสู่มหาวิหารใหม่ต่อหน้าผู้มาเข้าร่วมพิธีจากทั่งทั่วอังกฤษ
 
บริเวณที่เก่าที่สุดของมหาวิหารปัจจุบันคือที่ฝังศพภายใต้วัด (crypt) ซึ่งสร้างเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 11 ในสมัย[[สมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 2 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าวิลเลียมที่ 2]] ที่รู้จักกันในนามวิลเลียม รูฟัส (William Rufus) ผู้เป็นราชโอรสของ [[สมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าวิลเลียมที่ 1]] ผู้ซึ่งต่อมาถูกฝังไว้ในมหาวิหารเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 1100 หลังจากที่สิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุจากการล่าสัตว์ที่ [[:en:New Forest|New Forest]]<!---ชื่อเฉพาะไม่ควรแปล--->
บรรทัด 19:
วัด[[ลัทธิเบ็นนาดิคติน|เบ็นนาดิคติน]]เซ็นต์สวิทเธิร์นถูกยุบเลิกตาม[[พระราชกฤษฎีกายุบอาราม]]เมื่อปี ค.ศ. 1539 ระเบียงและหอประชุมสงฆ์ถูกรื้อทิ้งแต่มหาวิหารยังเป็นมหาวิหารต่อมา
 
ระหว่างปีค.ศ. 1905 - ปี ค.ศ. 1912 มีการปฏิสังขรณ์โดย ที จึ แจ็คสัน (T.G. Jackson) ที่สำคัญคือการป้องกันไม่ให้มหาวิหารทรุดลงมาทั้งหลัง พื้นที่สร้างมหาวิหารเป็นพื้นที่ที่มีน้ำขังทางกำแพงด้านใต้และด้านตะวันออกซึ่งต้องให้นักประดาน้ำวิลเลียม วอลคเคอร์ (William Walker) เอาถุง[[คอนกรีต]]เข้าไปอัดไว้ใต้ฐาน 25,000 ถุงและ ก้อน คอนกรีตอีก 115,000 ก้อน และ [[อิฐ]]อีก 900,000 ก้อน วอลคเคอร์ใช้เวลาดำน้ำ 6 ชั่วโมงต่อวันเป็นเวลา 6 ปี (ค.ศ. 1906 - ปี ค.ศ. 1912) ในสภาพที่มืดมิดและมีความลึกถึง 6 เมตร วิลเลียม วอลคเคอร์จึงเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญมากในการอนุรักษ์มหาวิหารที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนคุณความดีของวอลคเคอร์ [[สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร|สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย]]ทรงพระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์อิสริยาภรณ์ Royal Victorian Order ชั้น MVO ให้แก่วิลเลียม วอลคเคอร์
 
==สิ่งที่น่าสนใจ==
บรรทัด 27:
* สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือมหาวิหารใช้เป็นฉากของนวนิยายเรื่อง “Chronicles of Barsetshire” (จดหมายเหตุของบาร์เซ็ทเชอร์) โดย แอนโทนี ทรอลล็อพ (Anthony Trollope) ที่เขียนเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 19
* เมื่อปีค.ศ. 2005 มหาวิหารใช้เป็นฉากถ่าย[[ภาพยนตร์]]เรื่อง[[รหัสลับดาวินชี]] โดยใช้ด้านเหนือแขนกางเขนเป็นฉาก[[นครรัฐวาติกัน|วาติกัน]] หลังจากนั้นมหาวิหารจึงเป็นเจ้าภาพในการจักการจัดการอภิปรายหนังสือเล่มนี้เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าความคิดหรือความเชื่อจากหนังสือนั้นเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง
 
* มหาวิหารนี้คงเป็นมหาวิหารเดียวที่มีคนเขียน[[เพลง]]สมัยนิยมให้ เพลง “Winchester Cathedral” ของ The New Vaudeville Band ขึ้นอันดับหนึ่งในสิบที่อังกฤษ และอันดับหนึ่งที่[[สหรัฐอเมริกา]] เมื่อปีค.ศ. 1966 และอีกครั้งหนึ่งเมื่อปีค.ศ. 1977 ในเพลง “Cathedral” เขียนโดย Crosby, Stills & Nash เป็นเพลงในแผ่น[[อัลบั้ม|อัลบั้ม]] CSN
บรรทัด 35:
* ภายในบริเวณร้องเพลงสวดมีระฆังจากเรือรบหลวง Iron Duke ซึ่งเป็นเรือนำทัพของแม่ทัพเรือจอห์น เจลลิโค (John Jellicoe) ที่ศึกจั๊ทแลนด์ (Izaak Walton) เมื่อปีค.ศ. 1916
 
* ภายในชาเปล “Epiphany” มีหน้าต่างประดับกระจกสีแบบ Pre-Raphaelite ออกแบบโดยเซอร์เอ็ดเวิร์ด โคลี เบิร์น-โจนส์ (Sir Edward Coley Burne-Jones) ทำที่เวิร์คช็อบของวิลเลียม มอริส (William Morris) ซึ่งเป็นเวิร์คช็อบที่มีชื่อเสียงทางการตกแต่งกระจกสี กล่าวกันว่ามีรูปหนึ่งที่ลม้ายละม้ายเจนภรรยาของวิลเลียม มอริส ผู้มักจะนั่งเป็นแบบให้ดานเต เกเบรียล รอเซ็ตติ (Dante Gabriel Rossetti) และสมาชิกกลุ่มศิลปิน Pre-Raphaelite คนอื่นๆ
 
* ที่ฝังศพภายใต้วัดซึ่งมักจะถูกใต้น้ำมีรูปปั้นโดยแอนโทนี กอร์มลี (Antony Gormley) ชื่อ “Sound II” ซึ่งติดตั้งเมื่อปีค.ศ. 1986 นอกจากนั้นก็มีอนุสรณ์สมัยใหม่ขอวของที่ฝังศพของนักบุญสวิทเธิร์น
 
* ระหว่างปี ค. ศ. 1992 ถึงปี ค. ศ. 1996 ทางมหาวิหารได้ติดตั้งรูปปั้น 5 รูปหลังฉากหลังบริเวณสงฆ์ที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกัน[[วัตถุมงคลในคริสต์ศาสนา|วัตถุมงคล]]ของนักบุญสวิทเธิร์นที่ถูกทำลายโดย[[สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8|พระเจ้าเฮนรีที่ 8]]เมื่อค. ศ. 1538 รูปปั้นแบบ[[ นิกายออร์โธด็อกซ์รัสเซีย|ออร์โธด็อกซ์รัสเซีย]]สร้างโดยเซอร์เก เฟโดรอฟ (Sergei Fedorov) และทำพิธีอุทิศเมื่อปีค. ศ. 1997 เป็นรูปปั้นของผู้มีความสำคัญทางคริสต์ศาสนาในบริเวณเมืองวินเชสเตอร์เช่นนักบุญสวิทเธิร์น และนักบุญบิรินัส (St Birinus) ภายใต้รูปปั้นเป็นช่องศักดิ์สิทธิ์ (Holy Hole) ซึ่งเคยเป็นที่ที่นักบุญคลานเข้าไปข้างใต้เพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดที่สุดกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญสวิทเธิร์น