ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ซิลเวอร์แชร์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 3:
{{กล่องข้อมูล นักดนตรี
| ชื่อ = ซิลเวอร์แชร์
| color =
| ประเภท = วงดนตรี
| ภาพ = Silverchair.jpg
| คำบรรยายภาพ = บนเวทีเมื่อ [[10 สิงหาคม]] [[ค.ศ. 2006]]
| ขนาดภาพ =
| ภาพแนวนอน =
| ชื่อจริง =
| ชื่อเล่น =
| ฉายา =
| วันเกิด =
| วันที่เสียชีวิต =
เส้น 24 ⟶ 21:
| สมาชิก = [[ดาเนียล จอห์นส]] </br> [[คริส โจนนาว]] </br> [[เบน จิลลีส์]]
| อดีตสมาชิก =
| กลุ่มแฟนคลับ =
}}
 
เส้น 35 ⟶ 31:
== ประวัติ ==
=== การรวมตัวและผลงานช่วงแรก (1992–1996) ===
จุดกำเนิดของ ซิลเวอร์แชร์ เริ่มตั้งแต่ปี 1992 โดย[[ดาเนียล จอห์นส]] (ร้องนำและกีตาร์) และ[[เบน จิลลีส์]] (กลอง) เริ่มเล่นดนตรีด้วยกันมาตั้งแต่สมัยชั้นประถมศึกษา จนเมื่อขึ้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนนิวคาสเซิลไฮสคูล ก็ได้ชักชวนคริส โจนนาว (กีตาร์เบส) เข้ามาเล่น[[ดนตรี]]ด้วยกัน ในนาม '''ชอร์ตเอลวิส''' (Short Elvis) จากนั้นเปลี่ยนชื่อเป็น อินโนเซนต์คริมินอลส์ (Innocent Criminals)<ref name="siamzone">[http://www.siamzone.com/music/n/1903/ อัลบั้ม Young Modern] siamzone.com</ref><ref name=AMGBio>{{Cite web|url=http://www.allmusic.com/artist/silverchair-p144747 |title=Silverchair > Biography|publisher=All Music Guide|author=Stephen Thomas Erlewine, Andrew Leahey|accessdate=2008-02-03}}</ref> พวกเขาได้แสดงโชว์อยู่หลายครั้งในแถบฮันเตอร์วัลเลย์ ในช่วงวัยรุ่นของพวกเขา ซึ่งพวกเขาก็ได้ลงแข่งขันในงานยูธร็อกในปี 1994 (ซึ่งตอนนั้นยังไม่โด่งดัง) เป็นการแข่งขันวงดนตรีที่มาจาก[[โรงเรียน]]<ref>{{cite web|url=http://www.youthrock.com.au/html/history.html |title=Past performers|publisher=YouthRock|accessdate=2008-02-03}}</ref> จนกระทั่งวงได้มีชื่อเสียงจากการเป็นวงชนะเลิศการแข่งขันระดับประเทศที่ชื่อ "Pick Me" เป็นรายการทาง[[เอสบีเอสวัน|สถานีโทรทัศน์เอสบีเอส]]ร่วมกับ[[สถานีวิทยุ]]แนว[[อัลเทอร์เนทีฟ]]ที่ชื่อ ทริปเปิลเจ กับเพลงของเขาเองที่ชื่อ "Tomorrow" และส่วนหนึ่งของรางวัลก็คือ สังกัดเพลงทริปเปิลเจ ได้ช่วยบันทึกเพลงและเอสบีเอสทำ[[มิวสิกวิดีโอ]]ให้พวกเขา<ref name=AMGBio /> วงอินโนเซนต์คริมินอลส์ในขณะนั้นก็ได้โอกาสเปลี่ยนชื่อวงก่อนที่จะออกซิงเกิลแรกในชีวิต "Tomorrow"<ref>{{cite web|url=http://www.silentuproar.com/interviews.php?ID=11 |title=Interview: Silverchair|publisher=Silent Uproar|date=[[3 กุมภาพันธ์]] [[ค.ศ. 2007]]|accessdate=2008-02-15}}</ref> โดยทางวงได้เลือกชื่อว่า '''ซิลเวอร์แชร์''' ซึ่งมาจากการเพี้ยนคำของเพลงหนึ่งของวง[[เนอร์วานา]]ที่ชื่อว่า ''Sliver'' กับชื่อของวง[[เบอร์ลินแชร์]]<ref>{{cite news|title=Interview with Daniel Johns|publisher=''Hitkrant''|date=[[1 มิถุนายน]] [[ค.ศ. 1996]]}}</ref>
 
ความนิยมในซิลเวอร์แชร์ทำให้พวกเขาได้เซ็นสัญญาการทำอัลบั้มกับสังกัด[[โซนีมิวสิก]] 3 อัลบั้ม และในส่วนสังกัดทริปเปิลเจได้ออกซิงเกิลในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1994 ที่สามารถขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ทอาเรีย ซิงเกิลชาร์ท เป็นเวลานาน 6 สัปดาห์<ref name=AUSCharts> {{cite web|url=http://australian-charts.com/showinterpret.asp?interpret=Silverchair |title=Silverchair Discography|publisher=australian-charts.com|accessdate=2008-02-03}} </ref> ต่อมาในปี 1995 พวกเขาได้ทำการบันทึกเสียงเพลง "Tomorrow" อีกครั้ง (รวมถึงทำ[[มิวสิกวิดีโอ]]ใหม่) สำหรับตลาดในอเมริกา และได้กลายเป็นเพลงที่เล่นบ่อยที่สุดสำหรับสถานีวิทยุ[[โมเดิร์นร็อก]]ในปีนั้น<ref name=AMGBio /> อัลบั้มแรกของพวกเขา ''[[Frogstomp]]'' ใช้เวลาบันทึกเสียงเพียง 9 วัน และออกวางขายในปี ค.ศ. 1995 ซึ่งในเวลาที่บันทึกเสียงอัลบั้มนี้ สมาชิกแต่ละคนมีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น และยังศึกษาในระดับไฮสคูลอยู่<ref name=AMGBio /><Ref name=RSFrog /> แนวความคิดในการเขียนเนื้อร้องสำหรับเพลงในอัลบั้ม ''Frogstomp'' ได้มาจาก[[นิยาย]] ภาพเขียนทางโทรทัศน์ [[โศกนาฏกรรม]]ในแถบที่เขาอยู่อาศัย ความเจ็บปวดของเหล่าเพื่อนพ้องของเขา อัลบั้มนี้ได้รับเสียงตอบรับที่ดี All Music Guide และ ''นิตยสารโรลลิงสโตน'' ให้คะแนนไว้ที่ 4 ดาว และ 4 ดาวครึ่ง ตามลำดับ ให้คำชมต่อความเอาจริงเอาจังสำหรับอัลบั้มนี้โดยเฉพาะกับเพลง "Tomorrow"<Ref name=AMGFrogstomp /><Ref name=RSFrog /> และอัลบั้ม ''Frogstomp'' ก็ขึ้นอันดับ 1 ในออสเตรเลียและ[[นิวซีแลนด์]] และสามารถขึ้นไปใน 10 อันดับแรกของ[[นิตยสาร]][[บิลบอร์ด]]ในส่วนของชาร์ทบิลบอร์ด 200 และทำให้พวกเขาเป็นวงออสเตรเลียวงแรกตั้งแต่วง [[อินเอ็กเซส]] สามารถทำได้ อัลบั้มนี้มียอดขาย 2.5 ล้านชุดทั่วโลก<ref name=AMGBio>{{Cite web|url=http://www.allmusic.com/artist/silverchair-p144747 |title=Silverchair > Biography|publisher=All Music Guide|author=Stephen Thomas Erlewine, Andrew Leahey|accessdate=2008-02-03}}</ref> ทั้งอัลบั้ม ''Frogstomp'' และเพลง "Tomorrow" ก็ยังคงรับรับความนิยมในปีนั้น พวกเขายังได้ทัวร์ร่วมกับวงอย่าง[[เรดฮ็อตชิลิเป็ปเปอร์ส]] และร่วมแสดงบนชั้นหลังคาของ[[เรดิโอซิตีมิวสิกฮอลล์]] ขณะที่พวกเขาก็ยังคงศึกษาต่อในนิวคาสเซิลด้วย<Ref>{{cite web|url=http://www.amo.org.au/artist.asp?id=1626 |title=Artist :: Silverchair|publisher=Australian Music Online|accessdate=2008-03-12}}</ref> ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1996 เกิดเหตุ[[ฆาตกรรม]]ขึ้น จำเลยที่ชื่อว่า ไบรอัน บาสเซ็ตต์ อายุ 16 ปี และนิโคลัส แม็กโดนัลด์ อายุ 18 ปี ทั้งคู่ได้อ้างว่าฟังเพลงที่ชื่อ "Israel's Son" จากอัลบั้ม ''Frogstomp'' เป็นเหตุจูงใจในการฆาตกรรมผู้ปกครองของบาสเซ็ตต์และพี่ชาย ทนายฝ่ายจำเลยพยายามโยนความผิดให้วง ทางวงได้ออกมาปฏิเสธว่าเพลงของพวกเขาไม่ได้สร้างความรุนแรงดังกล่าว และทางวงพ้นข้อกล่าวหานี้<ref>{{cite news|title=Attorney wants to open teen's murder trial with rock song|publisher=''Seattle Post-Intelligencer''|date=[[18 มกราคม]] [[ค.ศ. 1996]]}}<!-- http://www.highbeam.com/doc/1G1-64653616.html | http://www.silverchair.nu/sc_nu/faq/index.html#6C1 --></ref>
 
=== เสียงวิจารณ์และความสำเร็จ (1997–2001) ===
ขณะที่พวกเขากำลังประสบความสำเร็จจากผลงานอัลบั้มชุด ''Frogstomp'' ทั้งในออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา ซิลเวอร์แชร์เริ่มบันทึกเสียงผลงานสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 2 ''[[Freak Show]]'' ออกวางขายในปี 1997 อัลบั้มนี้มีเพลงติดใน 10 อันดับแรกบนชาร์ทซิงเกิลของออสเตรเลียคือเพลง "Freak", "Abuse Me" และ "Cemetery" ซิงเกิลที่ 4 "The Door" ติดชาร์ทที่อันดับ 25<ref name=AUSCharts /> หลายเพลงในอัลบั้มนี้สื่อถึงอารมณ์โกรธ ปฏิกิริยาอันรุนแรงที่คาดหวังในอัลบั้ม ''Frogstomp'' ของวงซิลเวอร์แชร์เอง<ref>{{cite news|title=Freak Show Review|publisher=''JUICE''|author=Simon Wooldridge|date=February 1997}}</ref> ''Freak Show'' ทำยอดขายระดับแผ่นเสียงทองคำในสหรัฐอเมริกา<Ref name=USCertifs>{{cite web|url=http://riaa.com/goldandplatinumdata.php?resultpage=1&table=SEARCH_RESULTS&action=&title=&artist=Silverchair&format=&debutLP=&category=&sex=&releaseDate=&requestNo=&type=&level=&label=&company=&certificationDate=&awardDescription=&catalogNo=&aSex=&rec_id=&charField=&gold=&platinum=&multiPlat=&level2=&certDate=&album=&id=&after=&before=&startMonth=1&endMonth=1&startYear=1958&endYear=2008&sort=Artist&perPage=25 |title=Gold and Platinum - Silverchair|publisher=RIAA|accessdate=2008-02-17}}</ref> และมียอดขายอัลบั้มชุดนี้เกินกว่า 1.5 ล้านชุดทั่วโลก<ref name=rage>{{cite web|url=http://www.abc.net.au/rage/guest/1999/silverchair.htm |title=Silverchair|publisher=abc.net.au|work=Rage|date=[[4 กันยายน]] [[ค.ศ. 1999]]|accessdate=2008-03-18}}</ref>
 
หลังจากที่เรียนจบจาก[[โรงเรียน]] ทางวงสามารถที่จะมีเวลามากพอที่จะสร้างสรรค์ผลงานอัลบั้มชุดใหม่ ''[[Neon Ballroom]]'' ซึ่งออกวางขายในปี [[ค.ศ. 1999]] เดิมทีทางวงตั้งใจไว้ว่าจะหยุดพักเป็นเวลา 12 เดือนแต่สุดท้ายก็ใช้เวลาทำงานเพลงชุดนี้<ref>{{cite web|url=http://www.abc.net.au/triplej/2000/daniel.htm |title=Daniel Johns of silverchair speaks to Richard Kingsmill|publisher=abc.net.au|work=Triple J|author=Richard Kingsmill|accessdate=2008-02-04|date=2000-11-29}}</ref> ''Neon Ballroom'' มีซิงเกิลอยู่ 4 ซิงเกิลคือ "Anthem for the Year 2000", "Ana's Song (Open Fire) ", "Miss You Love" และ "Paint Pastel Princess" ซึ่งมี 3 ซิงเกิลที่สามารถขึ้นชาร์ทใน 50 อันดับแรกของ ชาร์ทอาเรีย<ref name=AUSCharts />
เส้น 46 ⟶ 42:
ทั้งอัลบั้ม ''Freak Show'' และ ''Neon Ballroom'' ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ทอาเรีย อัลบั้มส์ชาร์ท<ref>[http://www.silverchair.nu/sc_nu/faq/index.html F.A.Q Silverchair] silverchair.nu </ref> อีกทั้ง ''Freak Show'' ยังสามารถขึ้นชาร์ทอัลบั้มใน[[แคนาดา]]ที่อันดับ 2 และ ''Neon Ballroom'' ที่อันดับ 5<ref name=AMGCharts>{{cite web|url=http://www.allmusic.com/artist/silverchair-p144747 |title=Silverchair > Charts & Awards > Billboard Albums|publisher=All Music Guide|accessdate=2008-02-08}}</ref> ซิงเกิล "Freak", "Abuse Me" และ "Cemetery" ติดใน 10 อันดับแรกของชาร์ทซิงเกิลในออสเตรเลีย<ref name=AUSCharts /> และ "Abuse Me" ติดอันดับ 4 ในชาร์ทฮ็อตโมเดิร์นร็อกแทร็กส์ และ ชาร์ทเมนสตรีมร็อกแทร็กส์ ของอเมริกา<ref>{{cite web|url=http://www.allmusic.com/artist/silverchair-p144747 |title=Silverchair > Charts & Awards > Billboard Singles|publisher=All Music Guide|accessdate=2008-03-12}}</ref> ซิงเกิล "Anthem for the Year 2000" สามารถขึ้นชาร์ทได้สูงจากซิงเกิลทั้งหมดในอัลบั้ม ''Neon Ballroom'' สูงสุดที่อันดับ 3<ref name=AUSCharts /> ขณะที่ซิงเกิล "Ana's Song (Open Fire) " สูงสุดที่อันดับ 10 บนชาร์ทโมเดิร์นร็อกแทร็กส์ ในอเมริกา<ref name=AMGCharts />
 
ในปี 1999 จอห์นสออกมาประกาศว่าเขารักษา[[โรคความผิดปกติในการกิน]]อันเนื่องจาก[[ความเครียด]] จอห์นเผยว่า เนื้อเพลง "Ana's Song (Open Fire) " เป็นส่วนหนึ่งในการปฏิบัติตัว โดยเขากล่าวว่า "กินเพื่ออยู่"<ref>{{cite web|url=http://www.rollingstone.com/artists/silverchair/articles/story/5921593/silverchair_frontman_reveals_battle_with_anorexia |title=Silverchair Frontman Reveals Battle with Anorexia|publisher=''Rolling Stone''|date=1999-07-11|accessdate=2008-02-05|author=Blair R. Fisher}}</ref> จอห์นออกมาเปิดเผยว่า เพลงดังกล่าว เขาเขียนในขณะที่เขากำลังป่วยเป็นโรคความผิดปกติในการกิน เขารู้สึกไม่อยากกินอะไร เขาเกือบ[[ฆ่าตัวตาย]] เขาเกลียดทุกอย่างในช่วงนั้น แม้กระทั่ง[[ดนตรี]] แต่กระนั้นเขาก็เขียนเพลงออกมาได้<ref>{{Cite web|url=http://www.smh.com.au/articles/2004/06/05/1086377186083.html |title=Anorexia almost killed me: Daniel Johns |publisher=''Sydney Morning Herald''|author=Christine Sams|date=2004-06-06|accessdate=2008-02-05}}</ref>
 
ซิลเวอร์แชร์ขยายการทัวร์ออกไปสำหรับอัลบั้ม ''Neon Ballroom'' สามารถเพิ่มยอดขายประสบความสำเร็จมากกว่าอัลบั้ม ''Freak Show'' [[นิตยสารโรลลิงสโตน]]กล่าวถึงความสำเร็จนี้ว่า "มีดนตรีที่โตขึ้น"<ref>{{cite web|url=http://www.rollingstone.com/artists/silverchair/albums/album/91180/review/5943644/neon_ballroom |title=Silverchair: Neon Ballroom|publisher=''Rolling Stone''|author=Neva Chonin|date=1999-03-18|accessdate=2008-02-05}}</ref> ใน[[ยุโรป]]และ[[อเมริกาใต้]] อัลบั้มนี้ประสบความสำเร็จมากที่สุดของวงจนปัจจุบัน ซิลเวอร์แชร์ออกทัวร์และแสดงสด ใน[[งานแสดงดนตรี]] รีดดิงเฟสติวัล และ เอ็ดจ์เฟสต์ และ อื่น ๆ<ref>{{cite web|url=http://www.chairpage.com/press_releases/item/450/ |title=Reading Festival - Reading, UK|publisher=Silverchair|accessdate=2008-02-05}}</ref> ส่วนในปี 2000 ซิลเวอร์แชร์ได้แสดงสดที่ฟอลส์เฟสติวัลเพียงแห่งเดียวในช่วง[[วันปีใหม่]] และในวันที่ [[21 มกราคม]] [[ค.ศ. 2001]] ได้แสดงต่อหน้าคน 250,000 คนในงานร็อกอินริโอ ถือเป็นหนึ่งในแสดงโชว์ที่น่าจดจำของอาชีพนักดนตรีของพวกเขา<ref name=Longway>{{cite web|url=http://www.abc.net.au/longway/artist_index/silverchair.htm|publisher=abc.net.au|work=Long Way To The Top|title=Silverchair|accessdate=2008-02-03}}</ref> หลังจากการทัวร์ทั่วโลก ทางวงประกาศว่าจะหยุดพักเป็นเวลา 12 เดือน<ref name=Longway />
 
หลังจากออกอัลบั้ม ''Neon Ballroom'' เงื่อนไขสัญญา 3 อัลบั้มก็หมดลง มีหลาย[[ค่ายเพลง]]ที่ยื่นข้อเสนอมาให้ แต่ก็ลงเอยเมื่อเขาเซ็นสัญญาบค่ายแอตแลนติกเรคคอร์ดส ใน[[อเมริกาเหนือ]]และ[[อเมริกาใต้]] อีกทั้งพวกเขาก็ได้ตั้งค่ายเพลงของตนเองขึ้นใหม่ในชื่อ อีเลฟเวน: อะ มิวสิก คอมพานี สำหรับในออสเตรเลียและ[[เอเชีย]] หลังจากที่พวกเขาประกาศ บริษัทโซนีก็ออกอัลบั้มรวมฮิตที่ชื่อว่า ''The Best of Volume 1'' โดยปราศจากการอนุญาตจากทางวง<ref name=Longway />
เส้น 62 ⟶ 58:
{{multi-listen end}}
{{sample box end}}
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2001 ซิลเวอร์แชร์เข้าสตูดิโอในซิดนีย์กับโปรดิวเซอร์ [[เดวิด บ็อททริลล์]] (เคยทำงานร่วมกับ [[ทูล (วงดนตรี)|ทูล]] ,[[ปีเตอร์ แกเบรียล]], [[คิง คริมสัน]]) เริ่มทำงานอัลบั้มชุดที่ 4 ''Diorama'' โดยหนนี้ ดาเนียล จอห์นส รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ร่วม<ref name=MixOnline>{{cite web|url=http://mixonline.com/recording/interviews/audio_silverchair/ |title=Silverchair interview|publisher=''Mix''|author=David John Farinella|date=[[1 มกราคม]] [[ค.ศ. 2003]]|accessdate=2008-02-07}}</ref> อัลบั้มนี้จอห์นสอธิบายไว้ว่า "เป็นโลกในอีกโลก""<ref>{{cite web|url=http://www.abc.net.au/rollercoaster/therap/reviews/s540962.htm |title=Diorama|publisher=abc.net.au|work=RollerCoaster|accessdate=2008-02-07}}</ref> มาจากการค้นพบการเขียนเพลงวิธีใหม่ ที่มาจากการใช้เปียโน เป็นเทคนิกที่เขาพัฒนาระหว่างช่วงพัก<ref>{{cite news |title=Another Point of View|author=Mark Neilsen|publisher=''Drum Media''|date=[[22 เมษายน]] [[ค.ศ. 2002]]}}</ref> และยังมีนักดนตรีหลายคนร่วมได้มาทำงานร่วมในอัลบั้ม Diorama ไม่ว่าจะเป็น แวน ไดค์ พาร์กส ที่เรียบเรียงออร์เครสตราให้กับเพลง "Tuna in the Brine", "Luv Your Life" และ "Across the Night"<Ref name=DioPopM>{{cite web|url=http://www.popmatters.com/music/reviews/s/silverchair-diorama.shtml |title=Silverchair: Diorama|publisher=PopMatters|author=Nikki Tranter |date=[[6 กันยายน]] [[ค.ศ. 2002]]|accessdate=2008-02-08}}</ref> และยังมีพอล แม็ก จิม โมจินี และ ยอน การ์เฟียส ก็ร่วมงานกับวงด้วย<Ref name=DioCred>{{cite web|url=http://www.allmusic.com/album/diorama-r596205 |title=Diorama > Credits|publisher=All Music Guide|accessdate=2008-02-08}}</ref> ขณะที่บันทึกเสียงอัลบั้ม Diorama จอห์นสกล่าวว่าเขาเหมือนเป็นศิลปินคนหนึ่ง มากกว่าสมาชิกวงร็อกวงหนึ่ง และหลังจากอัลบั้มออก คำวิจารณ์ต่ออัลบั้มมีว่าเป็นอัลบั้มที่มีศิลปะมากกว่างานชิ้นก่อน ๆ<ref>{{cite web|url=http://www.rollingstone.com/artists/silverchair/albums/album/201588/review/5944466/diorama |title=Silverchair: Diorama|publisher=''Rolling Stone''|author=Mark Kemp|date=[[8 สิงหาคม]] [[ค.ศ. 2002]]|accessdate=2008-02-07}}</ref><ref>{{cite web|url=http://www.dymocks.com.au/ProductDetails/ProductDetail.aspx?R=9322225059313 |title=Great Australian Albums:Diorama - Silverchair |publisher=Dymocks|accessdate=2008-02-07}}</ref>
 
ซิงเกิลแรกจากอัลบั้ม ''Diorama'' คือ "The Greatest View" ออกอากาศทางเครือข่ายสถานีวิทยุในออสเตรเลียในช่วงต้นเดือนธันวาคม หลังจากนั้นซิงเกิลก็ออกวางขายในช่วงเวลาใกลกับที่วงปรากฏตัวในการทัวร์ บิ๊กเดย์เอาท์ทัวร์<ref>{{cite web|url=http://www.chairpage.com/press_releases/item/101/ |title=Press - Sydney, Australia (Big Day Out)|publisher=Chairpage.com|date=[[26 มกราคม]] [[ค.ศ. 2001]]|accessdate=2008-03-18}}</ref> ในช่วงออกทัวร์ จอห์นสประสบปัญหากับอาการข้อต่ออักเสบ ทำให้เป็นการยากต่อการเล่นกีตาร์<ref>{{cite web|url=http://www.ama.com.au/web.nsf/doc/SHED-5EXHVQ |title=Dr Kerryn Phelps, Health Editor, with Steve Leibmann, Channel Nine, 'Today'|publisher=Australian Medical Association|date=[[6 พฤษภาคม]] [[ค.ศ. 2002]]|accessdate=2008-02-08}}</ref><Ref>{{cite web|url=http://news.ninemsn.com.au/article.aspx?id=283969 |title=Daniel Johns wows fans with buff bod|publisher=NineMSN|date=[[6 สิงหาคม]] [[ค.ศ. 2007]]|accessdate=2008-02-08}}</ref>
เส้น 71 ⟶ 67:
ในปี 2000 ขณะที่ยังทำงานร่วมวงซิลเวอร์แชร์ จอห์นและพอล แม็ก ออก[[อีพี]] ที่มีเฉพาะอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ชื่อชุดว่า ''I Can't Believe It's Not Rock'' และหลังจากการประกาศแยกวงซิลเวอร์แชร์ ทั้งจอห์นสและพอลก่อตั้งวงที่ชื่อ [[เดอะดิซโซซิเอทีฟส์]] ออกอัลบั้มแรก ''The Dissociatives'' ในปี 2004<Ref>{{cite web|url=http://www.abc.net.au/triplej/review/album/s1079132.htm |title=The Dissociatives|publisher=abc.net.au|work=Triple J|date=[[2 เมษายน]] [[ค.ศ. 2004]]|accessdate=2008-02-09}}</ref> จอห์นยังได้ทำงานร่วมกับ[[นาตาลี อิมบรูกเลีย]] ภรรยาของเขา (ในขณะนั้น) ในอัลบั้มของเธอ ''Counting Down the Days'' ออกเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2005<Ref>{{cite web|url=http://www.allmusic.com/album/counting-down-the-days-r737990 |title=Counting Down the Days > Credits|publisher=All Music Guide|accessdate=2008-02-09}}</ref> ขณะที่โจนนาวทำงานในโปรเจกต์อื่นในนามวง [[เดอะเมสส์ฮอลล์]] ทำเพลงอัลบั้มที่สองของพวกเขาที่ชื่อ ''Feeling Sideways''<ref>{{cite web|url=http://www.amo.org.au/release.asp?id=5086 |title=Releases :: Feeling Sideways|publisher=Australian Music Online|accessdate=2008-03-12}}</ref> อัลบั้มนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงอาเรียอวอร์ดส สาขาผลงานจากค่ายอิสระยอดเยี่ยม ในปี 2003<ref>{{cite web|url=http://www.ariaawards.com.au/history-by-artist.php?letter=M&artist=Mess%20Hall%20%20The |title=Awards by artist: The Mess Hall|publisher=Australian Record Industry Association|accessdate=2008-02-09}}</ref> จิลลีส์ก็มีงานโปรเจกต์อื่นในนามวง [[แทมบาเลน]] กับอัลบั้ม ''Tambalane'' และได้ทัวร์คอนเสิร์ตทั่วออสเตรเลีย<ref>{{cite web|url=http://www.amo.org.au/artist.asp?id=4074 |title=Tambalane|publisher=Australian Music Online|accessdate=2008-02-09}}</ref>
 
หลังจากเกิด[[แผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดีย พ.ศ. 2547|เหตุการณ์แผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดีย ค.ศ. 2004]] ซิลเวอร์แชร์รวมตัวสำหรับงานเวฟเอด เพื่อหาเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย งานจัดขึ้นใน[[ซิดนีย์]]ในปี 2005 และเพื่อหาเงินช่วยเหลือกับองค์การสำหรับภัยพิบัติครั้งนี้ เป็นเวลาเดียวกันกับที่ทางวงตัดสินใจที่จะรวมตัวกันใหม่<ref>{{cite web|url=http://www.news.com.au/perthnow/story/0,21598,22672110-5005381,00.html |title=Silverchair's Daniel Johns tells of his musical journey|publisher=news.com.au|work=PerthNow|author=Rod Yates|date=[[30 ตุลาคม]] [[ค.ศ. 2007]]|accessdate=2008-03-12}}</ref> จิลลีส์ได้พูดถึงปฏิกิริยาการรวมตัวของสมาชิกในวงนี้ในรายการเดอะซิดนีย์มอร์นิงเฮอร์รัลด์ว่า "มันเป็นเวลา 15 ปีของพวกเรา แต่ตอนนี้พวกเราก็ตระหนักดีว่า เรามีสิ่งพิเศษและจะต้องทำมัน"<ref name=SMHChemistry>{{cite web|url=http://www.smh.com.au/news/entertainment/homecoming-heroes/2006/11/29/1164777658197.html |title=Homecoming heroes|publisher=''Sydney Morning Herald''|author=Kelsey Munro|date=[[1 ธันวาคม]] [[ค.ศ. 2006]]|accessdate=2008-02-23}}</ref>
 
=== กลับมาอีกครั้ง (2006–2010) ===
เส้น 101 ⟶ 97:
{{multi-listen end}}
{{sample box end}}
ซิลเวอร์แชร์เป็นวงดนตรีแนว[[อัลเทอร์เนทีฟร็อก]]/[[โพสต์กรันจ์]] ถึงแม้ว่าแนวเพลงจะเปลี่ยนแปลงไปตามความเติบโตของพวกเขา การเริ่มต้นทำงานช่วงแรกเป็นโพสต์กรันจ์ ได้รับอิทธิพลจาก [[เนอร์วาน่า]] ,[[เพิร์ลแจม]], [[ซาวด์การ์เดน]] และ [[แบล็กซับบาธ]]<ref>{{cite web|url=http://www.rollingstone.com/artists/silverchair/articles/story/5925227/qa_daniel_johns |title=Quick Silverchair Messenger|publisher=''Rolling Stone''|date=[[27 ธันวาคม]] [[ค.ศ. 1996]]|accessdate=2008-03-18}}</ref> จิลลีส์ยอมรับว่าวงได้รับอิทธิพลมาจากแนวเพลงแบบซีเอเทิลซาวน์ และวงอย่าง [[เดอะบีทเทิลส์]] และ [[เดอะดอร์ส]] ที่เป็นวงที่เขาประทับใจตั้งแต่ยังเด็ก<ref name=Seattle>{{cite news|title=Seattlest Interview: Silverchair Drummer Ben Gillies|publisher=''Seattlest''|author=Clint Brownlee|date=[[18 กรกฎาคม]] [[ค.ศ. 2007]]}}</ref>
 
ในการเขียนงานในชุด ''Young Modern'' จอห์นสพยายามทำดนตรีให้เรียบง่าย ถึงแม้ว่าจะมีโครงสร้างทางดนตรีที่สลับซับซ้อน เนื้อเพลงเขียนหลังจากได้ดนตรีแล้ว ในบางครั้งหลังจากที่บันทึกเสียง จอห์นสจะพูดว่าเขากลัวที่จะเขียนเนื้อเพลง เขากล่าวต่อว่า วงสามารถผลิตผลงานอัลบั้มบรรเลงได้ในอนาคต<ref>{{cite web|url=http://suicidegirls.com/interviews/Daniel%20Johns%20of%20Silverchair/ |title=Interviews > Daniel Johns of Silverchair|publisher=SuicideGirls|author=Erin Broadley|date=[[16 สิงหาคม]] [[ค.ศ. 2007]]|accessdate=2008-02-16}}</ref>
 
โจนนาวเชื่อว่างานในอัลบั้ม ''Young Modern'' มีความเรียบง่ายกว่าอัลบั้ม ''Diorama'' แต่ "ก็ยังคงซับซ้อนภายใต้ความเรียบง่ายขององค์ประกอบ[[ดนตรีป็อป]]" เขาพูดว่า ความสำเร็จของเขาและวง ที่แสดงจากซิลเวอร์แชร์ ดูเหมือนพยายามชี้นำให้พวกเขาทำดนตรีและการเขียนเพลงให้หนักขึ้น ในการผลิตผลงานโดยปราศจากความกดดันของค่ายเพลง<Refref>{{cite web|url=http://www.reaxmusic.com/articles/view/silverchair_interview_with_chris_joannou-426 |title=Silverchair: Interview with Chris Joannou|author=Stephanie Bolling|publisher=''reax''|accessdate=2008-02-16}}</ref>
 
จิลลีส์กล่าวว่า "ซิลเวอร์แชร์มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียแฟนเพลง"<ref name=Seattle /> และยิ่งชัดเจนในการเปลี่ยนแปลงทิศทางดนตรีในผลงานชุด ''Diorama'' และ ''Young Modern''<ref name=Seattle /> อย่างไรก็ตามเขาก็อธิบายไว้ว่า "เราไม่ได้ซุกซ่อนความสามารถไว้ และคนหลายคนก็ไม่รู้สิ่งที่คาดหวังของตนเอง" และมันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจของวง ถึงแม้ว่าจะมีช่วงขึ้นและช่วงลงของความสำเร็จในช่วงแรก จิลลีส์พูดต่อว่า "เรารู้สึกพอใจสิ่งที่เราได้รับในอาชีพการงานของเรา"<ref name=Seattle />
เส้น 111 ⟶ 107:
=== การตอบรับ ===
[[ไฟล์:Silverchair 08.jpg|thumb|ซิลเวอร์แชร์ในงานบิ๊กเดย์เอาต์ 2008 ในช่วงผลงานชุด ''Young Modern'']]
นักวิจารณ์อธิบายว่า ''Frogstomp'' มีความคล้ายกับ เนอร์วาน่า และ เพิร์ลแจม โดยสตีเฟน โทมัส เออร์ลีไวน์ จากเว็บไซต์[[ออลมิวสิก]] เขียนไว้ว่า "เป็นอัลเทอร์เนทีฟร็อกแบบดั้งเดิม" ของวง<ref name=AMGFrogstomp /> การเขียนเพลงดูแย่เมื่ออยู่บนเวที โดยเออร์ลีไวน์กล่าวต่อว่า "ความสามารถในการเขียนเพลงของพวกเขายังไม่แข็งแรง" เมื่อเทียบกับวงอื่น<ref name=AMGFrogstomp>{{Cite web|url=http://www.allmusic.com/album/frogstomp-r218511 |title=Frogstomp > Overview|publisher=All Music Guide|author=Stephen Thomas Erlewine|accessdate=2008-02-13}}</ref> นิตยสารโรลลิงสโตนกล่าวว่าซิลเวอร์แชร์ดูเหนือกว่าวงอื่นบ้าง และชมเชยจอห์นเรื่องเสียงร้อง<Refref name=RSFrog>{{cite web|url=http://www.rollingstone.com/artists/silverchair/albums/album/129990/review/5941363/frogstomp |title=Silverchair: Frogstomp|publisher=''Rolling Stone''|date=[[2 กุมภาพันธ์]] [[ค.ศ. 1998]]|accessdate=2008-02-13}}</ref> ''Freak Show'' แสดงมากกว่าแนวเพลงของพวกเขา มากกว่างานก๊อปปี้คนอื่น<ref>{{cite web|url=http://www.allmusic.com/album/freak-show-r246793 |title=Freak Show > Overview|publisher=All Music Guide|author=Stephen Thomas Erlewine|accessdate=2008-02-13}}</ref> และมีคำชมเชยเกี่ยวกับการเขียนเพลง โดยแซนดี มาซูโอ จากยาฮู! มิวสิก อธิบายเกี่ยวกับเนื้อเพลงว่า "เคลื่อนไหว" และ "เข้าถึงอารมณ์"<ref>{{cite web|url=http://music.yahoo.com/read/review/12062572 |title=Freak Show|publisher=Yahoo! Music|author=Sandy Masuo |date=[[12 เมษายน]] [[ค.ศ. 1997]]|accessdate=2008-02-13}}</ref>
 
เอนเตอร์เทนเมนต์วีกลี พิสูจน์ความพัฒนาในอัลบั้ม ''Neon Ballroom'' โดยเขียนเปรียบเทียบกับวงร็อกรุ่นใหญ่อย่างวง [[เอซี/ดีซี]] และวิจารณ์ว่า "ดูหรูหราบนการเรียบเรียงแบบผู้ใหญ่"<ref name=EW /> สิ่งที่เห็นชัดเจนในการพัฒนาด้านการเขียนเพลง จอห์นอธิบายไว้ว่า "อารมณ์ที่รุนแรง, แรงกระตุ้น และทุกอย่างโตขึ้น"<ref name=EW>{{cite web|url=http://www.ew.com/ew/article/0,,274828,00.html |title=Neon Ballroom {{!}} Music Review|publisher=''Entertainment Weekly''|author=Tom Lanham|date=[[19 มีนาคม]] [[ค.ศ. 1999]]|accessdate=2008-02-13}}</ref> อย่างไรก็ตาม[[โรลลิงสโตน]]พูดว่าอัลบั้มยังคงดูสับสน วิจารณ์ไว้ว่า "ยังไม่สามารถตัดสินได้ว่าพวกเขาต้องการจะทำอะไร" กับเพลงพวกเขา<ref>{{cite web|url=http://www.rollingstone.com/artists/silverchair/albums/album/91180/review/5943644/neon_ballroom |title=Silverchair: Neon Ballroom|publisher=''Rolling Stone''|author=Neva Chonin|date=[[18 มีนาคม]] [[ค.ศ. 1999]]|accessdate=2008-02-13}}</ref> ขณะเดียวกัน ''Diorama'' ถูกมองว่าเป็นส่วนขยายในความเป็นตัวเองของวง ด้วย "การเรียบเรียงดนตรีออเคสตร้าที่หนักหน่วง การเคลื่อนไหวของท่วงทำนองที่ไม่สามารถคาดเดาได้ และความรู้สึกแห่งเพลงป็อปที่ดูแปลกประหลาด"<Refref>{{cite web|url=http://www.rollingstone.com/artists/silverchair/albums/album/201588/review/5944466/diorama |title=Silverchair: Diorama|publisher=''Rolling Stone''|author=Mark Kemp|date=[[8 สิงหาคม]] [[ค.ศ. 2002]]|accessdate=2008-02-13}}</ref> และ นิกกิ แทรนเตอร์จากป็อปแมตเตอร์ส กล่าวว่า "''Diorama'' เป็นอัลบั้มแถวหน้าของตลาดวงการเพลงออสเตรเลียที่น่าเบื่อ"<Refref name=PopMattersDiorama>{{cite web|url=http://www.popmatters.com/music/reviews/s/silverchair-diorama.shtml |title=Silverchair: Diorama|publisher=PopMatters|author=Nikki Tranter|date=[[6 กันยายน]] [[ค.ศ. 2002]]|accessdate=2008-02-13}}</ref>
 
เคลย์ตัน โบเกอร์ จากออลมิวสิกไกด์ อธิบาย ''Young Modern'' ว่าเป็นการพัฒนาของทางวง กล่าวชมเชยว่า "มีท่อนฮุกที่ติดหู ธีมเนื้อหาที่เป็นแรงบันดาลใจ การเรียบเรียงเครื่องสายที่น่าตะลึง" เขายังกล่าวว่า "อัลบั้มนี้ถึงเป็นการพัฒนาสูงสุดของทางวง"<ref>{{cite web|url=http://www.allmusic.com/album/young-modern-r1041337 |title=Young Modern > Review|publisher=All Music Guide|author=Clayton Bolger|accessdate=2008-02-13}}</ref> นิก แพร์สัน จากป็อปแมตเตอร์สพูดในทางตรงกันข้ามว่า "เมื่อคุณก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ที่คุณสามารถรู้ความแตกต่างระหว่าง เนื้อร้องบทกวีที่กำกวม กับ เรื่องไร้สาระ คุณก็จะดูโตเร็วกว่า ซิลเวอร์แชร์"<Refref name=PMYM /> แพร์สันเรียกอัลบั้มนี้ว่า พยายามทำให้เซฟและมียอดขายที่มั่นใจได้ หลังจากงานที่ประสบความสำเร็จในอดีต และเรียกว่ามันน่าเบื่อมากกว่า<Ref name=PMYM>{{cite web|url=http://www.popmatters.com/pm/music/reviews/33751/silverchair-young-modern/ |title=Silverchair: Young Modern|publisher=PopMatters|author=Nick Pearson|date=[[22 พฤษภาคม]] [[ค.ศ. 2007]]|accessdate=2008-02-13}}</ref>
 
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2009 เพลง "Tomorrow" ได้รับการลงคะแนนเสียงอยู่อันดับ 33 ในหัวข้อเพลงที่ร้อนแรงที่สุดตลอดกาล 100 อันดับของทริปเปิลเจ<ref name="TripleJHot100">{{cite web | archiveurl = http://www.webcitation.org/62XuEbUFB | url = http://www.abc.net.au/triplej/hottest100_alltime/countdown/cd_31-40.htm | title = Countdown: Hottest 100 – Of All Time 31–40 | publisher = Triple J. Australian Broadcasting Corporation (ABC) | date = July 2009 | archivedate = 19 October 2011 | accessdate = 19 October 2011 }}</ref> ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2011 วงมียอดขายอัลบั้มมากกว่า 6 ล้านชุด<ref name="Carr">{{cite news | archiveurl = http://www.webcitation.org/62MrqClvE | url = http://www.theherald.com.au/news/local/news/general/silverchair-take-indefinite-break/2175141.aspx | title = Silverchair take "indefinite" Break | last1 = Carr | first1 = Matt | work = [[The Newcastle Herald]] | publisher = [[Fairfax Media]] | date = 26 May 2011 | archivedate = 12 October 2011 | accessdate = 12 October 2011 }}</ref><ref name="ElevenSigning">{{cite web | archiveurl = http://www.webcitation.org/62ROAoKQA | url = http://www.chairpage.com/news/item/33/ | title = Silverchair Signs with Eleven: Eleven signs with EMI | publisher = Silverchair | archivedate = 14 October 2011 | accessdate = 15 October 2011 }}</ref> ในงานแจกรางวัลอาเรีย ซิลเวอร์แชร์ถือสถิติเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากที่สุด 49 ครั้ง และได้รับรางวัลมากที่สุด 21 ครั้ง นับแตกต่างเปิดตัวในปี ค.ศ. 1995 ที่พวกเขาได้รับ 5 รางวัลจากการเสนอชื่อ 9 รางวัล รวมถึงรางวัลศิลปินหน้าใหม่ และศิลปินแจ้งเกิด ทั้งในสาขาอัลบั้มและซิงเกิล<ref name="ARIA1995">{{Cite web | url = http://www.ariaawards.com.au/history-by-year.php?year=1995 | title = ARIA Awards – History: Winners by Year 1995: 9th Annual ARIA Awards | publisher = Australian Recording Industry Association (ARIA) | accessdate = 6 October 2011 }}</ref> ปีที่ประสบความสำเร็จที่สุดคือปี ค.ศ. 2007 ที่ได้รับรางวัล 6 รางวัลจากการเสนอชื่อ 8 ครั้ง<ref name="ARIAWins">{{cite web|url=http://www.ariaawards.com.au/history-by-artist.php?letter=S&artist=Silverchair |title=Winners by artist: Silverchair|publisher=Australian Recording Industry Association (ARIA)|accessdate=1 October 2011|archiveurl = http://web.archive.org/web/20090210182518/http://www.ariaawards.com.au/history-by-artist.php?letter=S&artist=Silverchair |archivedate = 10 February 2009|deadurl=no}}</ref><ref name="ARIA2007">{{Cite web | url = http://www.ariaawards.com.au/history-by-year.php?year=2007 | title = ARIA Awards – History: Winners by Year 2007: 21st Annual ARIA Awards | publisher = Australian Recording Industry Association (ARIA) | accessdate = 6 October 2011 }}</ref>