ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรพรรดินีมารีเยีย เฟโอโดรอฟนาแห่งรัสเซีย (ดักมาร์แห่งเดนมาร์ก)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 80:
== จักรพรรดินีแห่งรัสเซีย ==
 
ในตอนเช้าของวันที่ [[13 มีนาคม]] [[พ.ศ. 2424]] [[จักรพรรดิอะเลคซันดร์ที่ 2 แห่งรัสเซีย|จักรพรรดิอะเลคซันดร์ที่ 2]] ขณะมีพระชนมพรรษา 62 พรรษา ทรงถูกปลงพระชนม์ในขณะเสด็จกลับมายังพระราชวังฤดูหนาวจากการตรวจแถวทหาร ต่อมาแกรนด์ดัชเชสมาเรียได้ทรงบรรยายลงในสมุดบันทึกถึงความบาดเจ็บที่พระจักรพรรดิทรงได้รับเมื่อถูกนำกลับมายังพระราชวัง "พระเพลาทั้งสองข้างของพระองค์ถูกระเบิดอย่างรุนแรง และเปิดขึ้นมาถึงพระชานุ พระโลหิตไหลออกมามากมาย ประมาณครึ่งหนึ่งของฉลองพระบาทบู๊ตข้างขวา เหลืองแต่พระบาทขวาเพียงข้างเดียว"<ref> A Royal Family, p.175 </ref> สมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 2 เสด็จสวรรคตในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา แม้ว่าประชาชนจะไม่รักใครในพระจักรพรรดิองค์ใหม่ แต่ก็ชื่นชอบในสตรีหมายเลขหนึ่งองค์ใหม่อย่างมาก ดังที่บุคคลร่วมสมัยเดียวกับพระองค์กล่าวว่า "เป็นพระจักรพรรดินี อย่างแท้จริง" พระองค์เองทรงไม่พอพระทัยกับพระราชสถานะใหม่เท่าใดนัก ในสมุดบันทึกส่วนพระองค์ทรงเขียนว่า "ช่วงเวลาที่สุขและสงบที่สุดของเราหมดสิ้นลงแล้ว สันติสุขและความเงียบสงบมลายหายไปแล้ว ตอนนี้เราคงจะห่วงแต่เพียงซาชา (ซาชา คือพระนามลำลองที่ทรงเรียกสมเด็จพระราชสวามี จักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3) เท่านั้น"<ref> ibid p.176 </ref>
 
จักรพรรดิอะเลคซันดร์ที่ 3 และจักรพรรดินีมารีเยียทรงเข้าพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ [[27 พฤษภาคม]] [[พ.ศ. 2426]] ณ [[พระราชวังเครมลิน]] ที่[[กรุงมอสโก]] เพียงก่อนงานพิธีบรมราชาภิเษก การสบคบคิดวางแผนร้ายครั้งใหญ่ก็ถูกเปิดโปง ซึ่งทำให้การเฉลิมฉลองเงียบเหงาหดหู่ แต่ก็ยังมีแขกเหรื่อจำนวนกว่าแปดพันคนมาร่วมพระราชพิธีอันงามเลิศนี้ เนื่องมาจากภัยอันตรายต่อสมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 และสมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรีย ภายหลังงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก นายพลเชเรวิน ซึ่งเป็นหัวหน้าตำรวจรักษาความปลอดภัย ก็เร่งเร้าให้สมเด็จพระจักรพรรดิและครอบครัวเสด็จแปรพระราชฐานไปยัง[[พระราชวังกัตชินา]] ซึ่งเป็นที่ประทับอันปลอดภัยมากกว่า โดยตั้งอยู่ 50 กิโลเมตรนอกกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก พระราชวังหลังใหญ่นี้มีห้องหับราวเก้าร้อยห้องและสร้างขึ้นในสมัย[[เยกาเจรีนามหาราชินี|จักรพรรดินีนาถเยกาเจรีนาที่ 2]] พระราชวงศ์โรมานอฟได้ให้ความสนใจกับคำแนะนำดังกล่าวนี้ สมเด็จพระจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 และสมเด็จพระจักรพรรดินีมาเรียประทับอยู่ที่พระราชวังกัตชินาเป็นเวลาสิบสามปีและทรงเลี้ยงดูพระโอรสพระธิดาจนเจริญพระชนม์ในพระราชวังแห่งนี้ด้วย
 
ด้วยการคุ้มกันอย่างแน่นหนา จักรพรรดิอะเลคซันดร์ที่ 3 และจักรพรรดินีมารีเยียเสด็จจากพระราชวังกัตชินาเป็นครั้งคราวเพื่อไปยังเมืองหลวงในการทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทางพิธีการต่างๆต่าง ๆ จักรพรรดินีทรงโปรดงานเลี้ยงเต้นรำและการพบปะสังสรรค์ในพระราชวังฤดูหนาวมาก แต่กระนั้นก็ยังสามารถจัดขึ้นในพระราชวังกัตชินา จักรพรรดิอะเลคซันดร์ทรงเคยร่วมสนุกกับนักดนตรี แม้ว่าภายหลังจะทรงส่งกลับทีละคน เมื่อสิ้งสิ่งนี้ได้เกิดขึ้น จักรพรรดินีมารีเยียทรงทราบดีว่างานเลี้ยงได้สิ้นสุดลงแล้ว<ref> ibid p.179 </ref>
 
ในรัชสมัยของจักรพรรดิอะเลคซันดร์ที่ 3 กลุ่มต้อต้านต่อต้านระบอบกษัตริย์เงียบหายไปอย่างรวดเร็ว มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งได้พยายามวางแผนลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระจักรพรรดิในงานครบรอบหกปีการเสด็จสวรรคตของพระชนกนาถ จักรพรรดิอะเลคซันดร์ที่ 2 ที่จัดขึ้น ณ ป้อมปีเตอร์และปอล มหาวิหารสุสานหลวงแห่งราชวงศ์โรมานอฟในกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เหล่านักวางแผนก่อการร้ายได้ยัดระเบิดลงไว้ในไส้ข้างในของหนังสือเรียนที่พวกเขาตั้งใจจะขว้างใส่สมเด็จพระจักรพรรดิขณะเสด็จกลับจากมหาวิหาร อย่างไรก็ตาม ตำรวจลับรัสเซียได้เปิดโปงแผนการร้ายก่อนที่ถูกทำให้สำเร็จลุล่วง นักศึกษาจำนวนห้าคนถูกจับแขวนคอ รวมทั้งอเล็กซานเดอร์ อุลยานอฟ เขามีน้องชายที่มีพรสววรค์คนหนึ่ง ซึ่งมีความคิดทางการเมืองในเชิงปฏิบัติดังเช่นพี่ชาย เด็กชายคนนั้นคือ [[วลาดิมีร์ เลนิน]] ซึ่งอีกหลายปีต่อมาได้ใช้เวลาส่วนมากกับขบวนการปฏิวัติใต้ดินอยู่ใน[[ทวีปยุโรป]]ในการหล่อหลอมแนวคิดและทฤษฎีทางการเมืองที่เขาจะนำมาใช้ใน[[ประเทศรัสเซีย]]หลังจากการกลับมาในปี [[พ.ศ. 2460]] เพื่อล้างแค้นใก้กับการตายของพี่ชาย
 
เมื่อ[[อเล็กซานดราแห่งเดนมาร์ก|เจ้าฟ้าหญิงอเล็กซานดรา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ มกุฎราชกุมารีแห่งอังกฤษ]] ซึ่งเป็นพระเชษฐภคินีเสด็จพระราชดำเนินเยือนพระราชวังกัตชินาในเดือน[[กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2437]] พระองค์ทรงแปลกพระทัยที่ได้เห็นว่าพระพลานามัยของจักรพรรดิอะเลคซันดร์ที่ 3 พระกนิษฐภรรดาอ่อนแอลงมาก โดยทรงดูเหมือนเหี่ยวแห้งลง ความสดชื่นบนพระปรางและความสดใสร่าเริงได้จางหายไป ในตอนนั้นจักรพรรดินีทรงทราบนานแล้วว่าจักรพรรดิทรงพระประชวรและจะมีพระชนม์ชีพอยู่ได้อีกไม่นาน จึงได้ทรงหันความสนใจมาที่มกุฎราชกุมารนิโคลาส พระราชโอรสองค์ใหญ่ ทั้งในเรื่องส่วนตัวและอนาคตของพระราชวงศ์ซึ่งตอนนี้ขึ้นอยู่กับพระองค์ มกุฎราชกุมารนิโคลาสทรงหมายมั่นมานานที่จะอภิเษกสมรสกับ[[จักรพรรดินีมารีเยีย อะเลคซันโดรฟนาแห่งรัสเซีย|เจ้าหญิงอลิกซ์แห่งเฮสส์และไรน์]] ทั้งจักรพรรดิอะเลคซันดร์ที่ 3 และจักรพรรดินีมารีเยียไม่ทรงเห็นด้วยกับการอภิเษกสมรสนี้ มกุฎราชกุมารนิโคลาสจึงทรงสรุปสถานการณ์ไว้ดังนี้ "เราอยากเดินไปสู่จุดหมายหนึ่ง แต่มันก็เห็นชัดว่าแม่อยากจะให้เราเดินไปอีกทาง ความฝันของเราคือวันหนึ่งจะแต่งงานกับอลิกซ์"<ref> ibid p.184 </ref> ทั้งจักรพรรดิอะเลคซันดร์ที่ 3 และจักรพรรดินีมารีเยียทรงมองว่าเจ้าหญิงอลิกซ์ทรงขี้อายและแปลกประหลาดในบางครั้ง ทั้งสองพระองค์ยังทรงกังวลว่าเจ้าหญิงวัยดรุณีพระองค์นี้ขาดคุณสมบัติคู่ควรในการเป็นจักรพรรดินีแห่งรัสเซียอีกด้วย พระชนกนาถและพระราชชนนีของมกุฎราชกุมารนิโคลาสทรงรู้จักกับเจ้าหญิงอลิกซ์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์และทรงมีความรูสึกว่าเจ้าหญิงทรงมีอารมณ์รุนแรงผิดปกติและไม่เต็มบาท <ref> ibid p.184 </ref> ทั้งสองพระองค์ทรงยอมให้มกุฎราชกุมารอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงอลิกซ์อย่างลังเลพระทัย