ผลต่างระหว่างรุ่นของ "บาบิโลเนีย"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
กกกก
บรรทัด 22:
}}
 
'''บาบิโลเนียนะปัณ''' ({{lang-en|Babylonia}}) หรือ '''อาณาจักรกรุงบาบิโลน หรือ มีอีกชื่อหนึ่งว่า ปัณ ชินาร์ ที่มีบันทึกในพระคัมภีร์ ปฐก. 10:10-11,14:1,9''' ({{lang-en|Kingdom of Babylon}}) เป็นอาณาจักรที่พูด[[ภาษาแอกแคด]]โบราณในภาคกลางตอนใต้ของ[[เมโสโปเตเมีย]] เดิมทีบาบิโลนเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ ในสมัย[[จักรวรรดิแอกแคด]] (2335–2154 BC) แต่แล้วอำนาจของเมืองบาบิโลนก็แผ่ไปอย่างไพศาลในรัชสมัยของ[[พระเจ้าฮัมมูราบี]]ในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 ก่อนคริสตกาล จนกลายเป็นนครหลวงที่สำคัญ ซึ่งในรัชสมัยของพระเจ้าฮัมมูราบี อาณาจักรกรุงบาบิโลนถูกเรียกว่า '''ประเทศแอกแคด''' (Māt Akkadī) เพื่อสื่อว่าเป็นอาณาจักรที่รับช่วงต่อจาก[[จักรวรรดิแอกแคด]]อันรุ่งโรจน์ก่อนหน้า<ref>[http://www.aliraqi.org/forums/showthread.php?t=69813 Aliraqi - Babylonian Empire]</ref><ref>[http://www.livius.org/articles/place/babylonian-empire/ Babylonian Empire - Livius]</ref>
 
== บาบิโลเนียเก่า'''นะปัณ''' ==
หลังจากที่พวกสุเมเรียนเสื่อมอำนาจลงเพราะการทำสงครามกับชนเผ่าอื่น ๆ ที่เข้ามารุกรานและแย่งชิงความเป็นใหญ่ในระหว่างพวกสุเมเรียนด้วยกันเอง ต่อมาพวกอามอไรต์ (Amorite) ได้ตั้งอาณาจักรกรุงบาบิโลนขึ้นมา มีเมืองหลวงที่บาบิโลนริมฝั่ง[[แม่น้ำยูเฟรทีส]] อาณาจักรกรุงบาบิโลนเป็นอาณาจักรที่เข้มแข็ง มีการปกครองแบบรวมศูนย์ มีการเก็บภาษีอากรและการเกณฑ์ทหาร รัฐควบคุมการค้าต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ผลงานที่สำคัญของอาณาจักรกรุงบาบิโลน ได้แก่ การประมวลกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษร ในสมัย[[พระเจ้าฮัมมูราบี]] ซึ่งมีชื่อเรียกว่าประมวลกฎหมายฮัมมูราบี (The Code of Hammurabi) จารึกอยู่บนแผ่นศิลา หลักการของกฎหมายมีรากฐานมาจากกฎหมายของพวกสุเมเรียน แต่ได้จัดให้เป็นระบบ และให้อำนาจหน้าที่ในการลงโทษผู้กระทำผิดแก่ชนชั้นปกครองยิ่งขึ้น ประมวลกฎหมายของฮัมมูราบี ยึดถือหลัก ตาต่อตา ฟันต่อฟัน (an eye for eye, a tooth for a tooth) ในการลงโทษ กล่าวคือ ให้ใช้การทดแทนความผิดด้วยการกระทำอย่างเดียวกัน
 
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายปกครองมีอำนาจได้ไม่นาน เพราะพวกพระกลับมีอิทธิพลเช่นเดิม อาณาจักรกรุงบาบิโลนจึงเริ่มอ่อนแอและถูกพวก[[ฮิตไทต์]] (Hittite) ซึ่งอพยพมาจากทางเหนือและใต้ (ซึ่งมาจากเทือกเขาซากรอส) เข้าปล้นสะดมเมื่อ 1,590 ปีคริสตกาล ต่อมาพวกฮิตไทต์ก็เสียอำนาจให้แก่พวกคัสไซต์และเข้าครอบครองกรุงบาบิโลนเป็นเวลาถึง 400 ปี
 
== บาบิโลเนียใหม่'''นะปัณ''' ==
เมื่อ 612 ปีก่อนคริสตกาล พวกคาลเดียน (Chaldean) ซึ่งเป็นชนเผ่าฮีบรูทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรทีสก็สามารถเข้ายึดกรุงนิเนเวห์ได้สำเร็จ และสถาปนากรุงบาบิโลนขึ้นเป็นเมืองหลวงอีกครั้งหนึ่ง และจัดตั้งเป็นอาณาจักรกรุงบาบิโลนขึ้นมา อาณาจักรกรุงบาบิโลนใหม่เป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองมาก ในสมัย[[พระเจ้าเนบูคัดเนสซาร์ที่ 2]] พวกคาลเดียนสามารถยกกองทัพไปตีได้เมืองเยรูซาเลม และกวาดต้อนเชลยชาวยิวมายังกรุงบาบิโลนได้เป็นจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการสร้างสวนขนาดใหญ่เรียกว่า [[สวนลอยแห่งบาบิโลน]] ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณเพราะสามารถใช้ความรู้ในการชลประทาน ทำให้สวนลอยนี้เขียวขจีได้ตลอดทั้งปี นอกจากนั้นพวกคาลเดียนในบาบิโลเนียใหม่ยังปรับปรุงด้านเกษตรกรรม และเริ่มต้นงานด้านวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางดาราศาสตร์ มีการแบ่งสัปดาห์ออกเป็น 7 วัน แบ่งวันออกเป็น 12 คาบ คาบละ 120 นาที และยังสามารถพยากรณ์สุริยุปราคาตลอดจนคำนวณเวลาการโคจรของดวงอาทิตย์ในรอบปีได้อย่างถูกต้อง ชาวคาลเดียนเป็นชาติแรกที่ริเริ่มนำความรู้ทางดาราศาสตร์มาทำนายโชคชะตาของมนุษย์
 
เมื่อ 539 ปีก่อนคริสตกาล อาณาจักรกรุงบาบิโลนใหม่ถูกกองทัพเปอร์เซียโดยการนำของ [[พระเจ้าไซรัสมหาราช]] (Cyrus the Great, 559-530 ปีก่อนคริสตกาล) เข้ายึดครองและผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ[[จักรวรรดิเปอร์เซีย]]ที่เรืองอำนาจอยู่ในบริเวณเอเชียตะวันตก จึงนับได้ว่าประวัติศาสตร์ของดินแดนแถบเมโสโปเตเมียในยุคโบราณได้สิ้นสุดลงไปด้วย
 
== อ้างอิง'''นะปัณ''' ==
{{รายการอ้างอิง}}
{{เริ่มอ้างอิง}}