ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้าซ็อนโจแห่งโชซ็อน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 7:
| ภาพ = ไฟล์:朝鮮宣祖.jpg
| ภาพกว้าง = 280px
| คำบรรยาย = กษัตริย์แห่งโชซอนโชซ็อน
| พระราชลัญจกร =
| พระลัญจกร =
บรรทัด 18:
| พระรัชทายาท =
| พระอิสริยยศภาษาอังกฤษ =
| พระราชอิสริยยศ = กษัตริย์องค์ที่ 14 แห่งโชซอนโชซ็อน
| พระราชอิสริยยศ2 =
| พระอิสริยยศ =
บรรทัด 29:
| ฐานันดร =
| ราชสกุล = [[สกุลอี|ลี]]
| ราชวงศ์ = [[ราชวงศ์โชซอนโชซ็อน|โชซอนโชซ็อน]]
| ครองราชย์ = 3 กรกฎาคม ค.ศ. 1567 – 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1608
| ทรงราชย์ =
บรรทัด 109:
}}
 
'''พระเจ้าซ็อนโจ''' ({{lang-ko|선조 宣祖}}) เป็นพระมหากษัตริย์[[ราชวงศ์โชซอนโชซ็อน]]องค์ที่ 14 (พ.ศ. 2110 - พ.ศ. 2151) รัชสมัยของพระองค์เป็นเวลาที่วิกฤตที่สุดใน[[ประวัติศาสตร์เกาหลี]]และมีเหตุการณ์สำคัญหลายอย่าง ทั้ง[[การรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น (พ.ศ. 2135-2141)|การรุกรานของญี่ปุ่น]]และการแบ่งฝ่ายของกลุ่มซานิมออกเป็นฝ่ายตะวันออก และฝ่ายตะวันตก ที่จะส่งผลต่อการเมืองอาณาจักรโชซอนโชซ็อนไปอีกหลายร้อยปี แม้ว่าในสมัยของพระเจ้าซ็อนโจจะมีผู้มีความสามารถมากมาย เช่น [[ลีซุนชิน]] [[ลีฮวาง]] [[ลีอี]] แต่ความแตกแยกก็ทำให้โชซอนโชซ็อนต้องเผชิญกับศึกหนัก
 
องค์ชายฮาซง เป็นพระโอรสขององค์ชายทอกกึง ซึ่งเป็นพระโอรสของ[[พระเจ้าจุงจง]]กับพระสนมอันชางบิน เป็นองค์ชายธรรมดาที่ห่างไกลจากราชบัลลังก์และไม่มีขุนนางใดสนับสนุนให้มีอำนาจ แต่ใน[[พ.ศ. 2110]] [[พระเจ้าเมียงจง]] สวรรคตโดยที่ไม่มีทายาท บรรดาขุนนางจึงสรรหาพระราชวงศ์ที่พระเยาว์มาขึ้นครองราชย์ องค์ชายฮาซงจึงถูกเลือกและขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าซ็อนโจ และเลื่อนสถานะของพระบิดาและพระมารดาเป็นแทวอนกุนและแทกุนบูอิน
 
== การแบ่งฝ่ายของกลุ่มซานิม ==
เช่นเดียวกับกษัตริย์เกาหลีองค์อื่น ในระยะแรกของรัชสมัยของพระเจ้าซ็อนโจเป็นกษัตริย์ที่ทุ่มเทเพื่อความเป็นอยู่ของชาวบ้าน และพัฒนาประเทศ เพราะอาณาจักรโชซอนโชซ็อนประสบปัญหาความอ่อนแอของการปกครองเนื่องจากเหตุการณ์ตั้งแต่สมัย[[เจ้าชายยอนซัน]] สมัย[[พระเจ้าจุงจง]]ที่ทรงไม่มีอำนาจปกครอง การแก่งแย่งอำนาจของฝ่ายยุนใหญ่และยุนเล็ก จนถึงการปกครองที่ทุจริตของ[[ยุนวอนฮัง]] พระเจ้าซ็อนโจเปลี่ยนแปลงการสอบ[[ควากอ]] ([[จอหงวน]]) ใหม่โดยเพิ่มการสอบเกี่ยวกับ[[รัฐศาสตร์]][[การปกครอง]]และ[[ประวัติศาสตร์เกาหลี|ประวัติศาสตร์]]เข้าไป ซึ่งแต่เดิมมีแต่การสอบ[[ปรัชญา]][[ขงจื้อ]]และ[[ชิโจ|การแต่งกลอน]]เท่านั้น
 
เพื่อที่จะพัฒนาประเทศ พระเจ้าซ็อนโจรับเอาปราชญ์กลุ่มซานิมกลับเข้ามารับราชการ ยกย่องขุนนางซานิมเก่าที่เคยถูกลงโทษ เช่น โจกวางโจ และทำลายอำนาจของกลุ่มฮุงงู ใน[[พ.ศ. 2118]] ขุนนางซานิมสองคน คือ ชิมอึย-กยอม และคิมฮโยวอน แข่งขันกันเพื่อที่จะแย่งตำแหน่งจองนัง (ขั้น 4) สังกัดฝ่ายบุคคล (อีโจ) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่สูงนักแต่มีอำนาจสามารถแนะนำขุนนางให้ดำรงตำแหน่งต่างๆในซัมซา (ผู้ตรวจรวจการทั้งสาม ประกอบด้วย ซาฮองบู ซากันวาน และฮงมุนวาน) ได้ ชิมอึยกยอมเป็นพระญาติของมเหสี ส่วนคิมฮโยวอนเป็นศิษย์ของลีฮวาง ปราชญ์ขงจื้อชื่อดัง
บรรทัด 120:
ขุนนางฝ่ายซานิมจึงแตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายที่สนับสนุนชิมอึยกยอม เรียกว่า '''ฝ่ายตะวันตก''' (ซออิน) เพราะชิมอึยกยอมอาศัยทางตะวันตกของ [[โซล|ฮันซอง]] ประกอบด้วยขุนนางอาวุโส เพราะชิมอึยกยอมมีความเกี่ยวดองกับราชวงศ์ จึงมีขุนนางเก่าสนับสนุนมาก ออกไปทางอนุรักษนิยม ขณะที่ฝ่ายที่สนับสนุนคิมฮโยวอนเรียกว่า'''ฝ่ายตะวันออก''' (ทงอิน) เพราะคิมฮโยวอนอาศัยอยู่ทางตะวันออกของฮันยาง คือพวกขุนนางอายุน้อย เพราะขุนนางรุ่นใหม่กำลังสนใจในปรัชญาแบบใหม่ของลีฮวาง มีความคิดแนวปฏิรูป
 
จนลีอี หัวหน้าขุนนางซานิมต้องมาไกล่เกลี่ยมิให้มีการแตกแยก โดยการส่งคิมฮโยวอนไปเมืองพูรยอง และส่งชิมอึยกยอมไปเมือง[[แคซอง]] เพื่อตัดปัญหา ให้ไปปกครองท้องถิ่นแทน แต่ฝ่ายทงอินกล่าวหาว่าลีอีเข้าข้างฝ่าซออิน เพราะส่งคิมฮโยวอนไปไกลทางเหนือ แต่ส่งชิมอึยกยอมไม่แค่เมืองแคซองใกล้ๆ ฝ่ายตะวันตกมีอำนาจขึ้นมาก่อนเพราะได้รับการสนับสนุนจากขุนนางอาวุโสและพระราชวงศ์ ขณะที่ฝ่ายตะวันออกเรียกร้องให้มีการปฏิรูปแต่ได้รับการปฏิเสธทุกครั้ง ใน[[พ.ศ. 2126]] ลีอี ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมกลาโหม เห็นว่าพวก[[แมนจู]]และ[[ญี่ปุ่น]]สะสมกำลังมากขึ้น โชซอนโชซ็อนควรเตรียมรับมือให้พร้อมโดยการเพิ่มกำลังกองทัพ แต่ทั้งสองฝ่ายและพระเจ้าซ็อนโจไม่มีใครเห็นด้วยเลย เพราะเชื่อว่าบ้านเมืองจะสงบสุขตลอดไป แต่หารู้ไม่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าโชซอนโชซ็อนจะถูกทั้งญี่ปุ่นและแมนจูบดขยี้จนย่อยยับ ลีอีสิ้นชีวิตใน[[พ.ศ. 2127]]
 
== การรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น (พ.ศ. 2135-2141) ==
{{main|การรุกรานเกาหลีของญี่ปุ่น (พ.ศ. 2135-2141)}}
[[โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ]] รวบรวมประเทศญี่ปุ่นใน[[ยุคเซงโงกุ]]ได้สำเร็จ และมีความทะเยอทะยานที่จะพิชิต[[จีน]] จึงส่งทูตมาโชซอนโชซ็อนเพื่อขอความร่วมมือในการบุกยึดจีนใน[[พ.ศ. 2130]] โดยผ่านทางตระกูลโซเจ้าครอง[[เกาะซึชิมา]] ซึ่งเป็นทางเดียวที่โชซอนโชซ็อนติดต่อกับญี่ปุ่น แต่เจ้าครองเกาะเห็นว่า โชซอนโชซ็อนไม่มีวันจะเข้ากับญี่ปุ่นรุกรานจีน หากส่งสาสน์ไปจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการค้าที่เกาะซึชิมาพึงมี จึงเปลี่ยนแปลงเนื้อความในสารให้เป็นการทำสัมพันธไมตรีธรรมดา ใน พ.ศ. 2133 พระเจ้าซ็อนโจจึงส่งทูตไปขอบพระทัยโทโยโตมิที่[[เกียวโต]] แต่โทโยโตมิกำลังทำสงครามกับ[[ไดเมียว]]อื่นอยู่ ทำให้ทูตโชซอนโชซ็อนต้องรออยู่หลายวัน และโทโยโตมิเข้าใจว่าทูตโชซอนโชซ็อนมาส่งบรรณาการ จึงไม่ให้การต้องรับอย่างสมเกียรติเท่าที่ควร และเขียนสาสน์อย่างไม่เคารพพระเจ้าซ็อนโจ ให้ร่วมมือกันบุกยึดจีน
 
การกระทำของโทโยโตมิสร้างความแปลงประหลาดใจและความสงสัยให้กับโชซอนอย่างมากโชซ็อนอย่างมาก และไม่เชื่อว่าญี่ปุ่นจะมีความสามารถทำอะไรจีน[[ราชวงศ์หมิง]]ได้ ทูตฝ่ายตะวันตกรายงานว่าโทโยโตมิสะสมกำลังกองทัพไว้ขนาดใหญ่มาก แต่ทูตฝ่ายตะวันออกกลับบอกว่ากองทัพนี้เอาไว้รบกับไดเมียวอื่นๆในญี่ปุ่น พระเจ้าซ็อนโจทรงเชื่อฝ่ายตะวันออก และทรงละเลยความเป็นไปได้ของภัยคุกคามจากญี่ปุ่น
 
เมื่อไม่ได้รับการตอบรับ ใน พ.ศ. 2134 โทโยโตมิจึงส่งสาสน์มาว่าจะยกทัพผ่านโชซอนไปจีนโชซ็อนไปจีน ทำให้ในที่สุดฝ่ายโชซอนโชซ็อนจึงรู้ถึงสงครามที่กำลังจะเกิด จึงเร่งเตรียมกำลังทัพ แต่ไม่ทันเพราะปีถัดมา พ.ศ. 2135 โคะนิชิ ยุกินะกะ ยกทัพเรือบุกเผ่าเมืองท่าต่างๆทางตอนใต้และยกพลขึ้นบกได้ วันต่อมา[[คะโต คิโยะมะสะ]] ก็ตามมาเอาชนะแม่ทัพ ลีอิล ที่ซังจูและชุงจู และรุกคืบหาเมืองฮันซองอย่างรวดเร็ว
 
พระเจ้าซ็อนโจเมื่อกลับมาก็พบว่าวังของพระองค์เหลือแต่เถ้าถ่าน จึงสร้างพระราชวังใหม่ชื่อว่า [[พระราชวังต๊อกซู]] ([[ต๊อกซูกุง]]) ยูซอง-ลยอง เสนอว่าโชซอนโชซ็อนควรจะรับ[[ปืน]]มาใช้ และปรับปรุงกองทัพรวมทั้งเกณฑ์ไพร่พลทุกชนชั้นตั้งแต่ยังบันถึงชอนมิน พ.ศ. 2140 การเจรจาระหว่างจีนและญี่ปุ่นไม่เป็นผล ญี่ปุ่นจึงบุกโชซอนโชซ็อนอีกครั้งแต่ไม่ง่ายเหมือนคราวก่อน ยึดได้แต่แคว้นเคียงซังและจอลลาทางใต้ ญี่ปุ่นยังวางแผนกำจัดลีซุนชินโดยการหลอกว่าจะส่งทัพเรือมาบุกฮันซองทางทะเล แต่ลีซุนชินไม่เชื่อว่าจะมาได้เพราะผิดหลัก[[ยุทธศาสตร์]] แต่พระเจ้าซ็อนโจทรงเห็นว่าลีซุนชินขัดพระราชโองการจึงรับสั่งให้จับเข้าคุก เมื่อไม่มีลีซุนชอนโชซอนโชซ็อนจึงพ่ายแพ้ยับเยินที่ชิลชอน-นยาง จึงปล่อยตัวลีซุนชินและสามารถเอาชนะญี่ปุ่นที่เมียงนัง
 
ใน พ.ศ. 2141 โทโยโตมิเสียชีวิต ได้สั่งเสียให้ถอนทัพจากโชซอนโชซ็อน ทัพญี่ปุ่นจึงถอยกลับ ก่อนกลับยังพ่ายแพ้โชซอนโชซ็อนอีกที่โน-นยาง แต่ลีซุนชินเสียชีวิตในการรบ เป็นอันสิ้นสุดสงครามเจ็ดปี หรือสงครามอิมิจิน
 
== การแบ่งฝ่ายของฝ่ายตะวันออก ==
สงครามอิมิจินได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพระเจ้าซ็อนโจละเลยหน้าที่ในฐานะผู้นำประเทศ เพราะขณะที่ขุนพลทั้งหลายต่อสู้กับญี่ปุ่นแต่หลบหนีไปจีน และที่กระทำกับลีซุนชินนั้นก็เป็นการขัดขวางความสำเร็จของโชซอนโชซ็อน ทำให้[[นักประวัติศาสตร์]]กล่าวว่าทรงเป็นหนึ่งในกษัตริย์เกาหลีที่อ่อนแอ
 
สำหรับสงครามการเมืองนั้น ฝ่ายตะวันออกมีชัย เพราะหลังจากผ่านสงครามมาทำให้ประเทศต้องการการเปลี่ยนแปลงปฏิรูป ซึ่งฝ่ายตะวันตกที่หัวโบราณไม่อาจจะแก้ไขปัญหาที่ประสบอยู่ได้ แต่ฝ่ายตะวันออกนั้นเร่งรัดการปฏิรูปจนยูซองนยองเสนอว่าไม่ควรจะปฏิรูปให้เร็วเกินไป ชะลอลงบ้าง เพราะยูซองนยองอาศัยอยู่ทางใต้ จึงเรียกฝ่ายสนับสนุนยูซองนยองว่า'''ฝ่ายใต้''' (นัมอิน) ส่วนที่เหลือเรียกว่า'''ฝ่ายเหนือ''' (พุกอิน) และฝ่ายเหนือก็ยังแบ่งอีก เป็น'''ฝ่ายเหนือใหญ่''' (แทบุก) และ'''ฝ่ายเหนือเล็ก''' (โซบุก) เป็นการแบ่งฝ่ายอีกครั้ง ทำให้การเมืองโจซ็อนมีหลายพรรคหลายพวก ซึ่งจะขัดขวางความเจริญของประเทศไปอีกหลายร้อยปี
บรรทัด 197:
{{สืบตำแหน่ง
| ก่อนหน้า = [[พระเจ้ามย็องจง]]
| ตำแหน่ง = กษัตริย์แห่งโชซอนโชซ็อน
| ปี = พ.ศ. 2110 - พ.ศ. 2151
| ถัดไป = [[เจ้าชายควังแฮ]]
}}{{จบกล่อง}}
 
{{ราชวงศ์โชซอนโชซ็อน}}
 
{{เรียงลำดับ|ซ็อนโจ}}
{{lifetime|1552|1608}}
[[หมวดหมู่:กษัตริย์โชซอนโชซ็อน|ซ็อนโจ]]
[[หมวดหมู่:พระมหากษัตริย์ที่ขึ้นครองราชย์ขณะทรงพระเยาว์]]
[[หมวดหมู่:ตัวละครในตำราลักษณ์ ลิขิตบัลลังก์]]