ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฉีหฺวันกง"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
แซนเซลเลอร์ (คุย | ส่วนร่วม) |
แซนเซลเลอร์ (คุย | ส่วนร่วม) ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1:
{{กล่องข้อมูล ผู้ดำรงตำแหน่ง|office=ฉีกง (斉公)|termstart=685 ปีก่อนคริสต์ศักราช|termend=643 ปีก่อนคริสต์ศักราช|name=ฉีหวนกง<br>Duke Huan of Qi<br>斉桓公|image=Qihuangongguanzhong.jpg|caption=ฉีหวนกงและกวนต๋ง|chancellor=[[กวนต๋ง]]<br>[[สิบผอง]]<br>[[เป้า ชูหยา|เปาซกแหย]]|death_date=8 ตุลาคม 643 ก่อนปีคริสต์ศักราช|birth_date=718 ปีก่อนคริสต์ศักราช|predecessor=ก๋งจูหยี<br>[[ก๋งจูบอดี]]|successor=[[ก๋งจูบอคุย]]<br>[[เจ๋เฮาก๋ง]]|father=[[เจ๋ฮูก๋ง]] (斉釐公)|spouse=นางองกี (王姫)<br>นางฮอกี (徐姫)<br>นางชัวกี (蔡姫)<br>[[นางเตียวฮวยกี]]<br>นางเซียวฮวยกี (少衛姫)<br>นางเตงกี (鄭姫)<br>นางกัวเอ๋ง (葛嬴)<br>นางเจงกี (密姫)<br>นางซองฮัวสี (宋華子)|relations=[[ก๋งจูหยี]] (斉襄公)<br>[[ก๋งจูกิว]] (公子糾)<br>[[นางบุนเกียง]] (文姜)|children=ก๋งจูบอคุย<br>[[
'''ฉีหวนกง''' (ฉบับไทยเป็น เจ๋ฮวนก๋ง) มีชีวิตอยู่ในช่วง[[ยุควสันตสารท|ยุคชุนชิว]]ของ[[ประเทศจีน|จีน]] มีนามเดิมชื่อ '''เสียวไป่''' (小白 ฉบับไทยเป็น เสียวแปะ) ต่อมาได้เป็นผู้ปกครอง[[รัฐฉี]] และได้บริหารและดูแลบ้านเมืองร่วมกับกวนต๋ง จนทำให้รัฐฉีเป็นรัฐที่มีพลังอำนาจมากที่สุดในตอนนั้น
บรรทัด 6:
เขาเป็นบุตรของเจ๋ฮูก๋ง (ฉบับจีนเป็น ฉีซีกง) และได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่กับเปาซกแหย เมื่อทั้งก๋งจูหยี (ฉบับจีนเป็น ฉีเซียงกง) ผู้เป็นพี่ชายคนโต และ ก๋งจูบอดี (ฉบับจีนเป็น กงซุนอู๋จื่อ) ได้ถูก[[ลอบสังหาร]]เสียชีวิตทั้งสองคน ทำให้เขาต้องทำศึกชิงบัลลังก์กับก๋งจูกิว (ฉบับจีนเป็น กงจื๋อจิ่ว) ซึ่งเป็นพี่ชายคนรอง ในการนั้น เขาถูกกวนต๋งลอบยิง[[ธนู]]ใส่ แต่โชคดีที่ลูกธนูไปถูกหัวเข็มขัด เขาจึงรอดตายมาได้และได้รับชัยชนะเหนือก๋งจูกิว ก๋งจูกิวกับกวนต๋งต้องหนีไปพึ่งพิง[[ฬ่อจงก๋ง]] (ฉบับจีนเป็น หลู่จวงกง) เมื่อเขาได้เป็นผู้นำแล้ว ก็ส่งจดหมายให้ฬ่อจงก๋งส่งศีรษะของก๋งจูกิวกับกวนต๋ง ฝ่ายฬ่อจงก๋งก็สั่งประหารก๋งจูกิว แต่ให้จับเป็นกวนต๋ง เนื่องด้วยเห็นว่ากวนต๋งมีสติปัญญาที่หลักแหลม
หลังการมอบรางวัลแก่เหล่าทหารที่ช่วยทำศึกชนะก๋งจูกิว ก็คิดใคร่จะแต่งตั้งเปาซกแหยเป็นสมุหนายก แต่เปาซกแหยได้เสนอให้มอบตำแหน่งแก่กวนต๋งและแนะนำให้ละทิ้งความแค้นส่วนตัวกับกวนต๋งเสีย เจ๋ฮวนก๋งจึงยอมทำตามคำแนะนำของเปาซกแหยและเรียกตัวกวนต๋งมาปรึกษาเรื่องราชการบ้านเมือง กวนต๋งก็ได้ชี้แจงแนวคิดในการครองบ้านเมืองรวมถึงหลัก[[คุณธรรมนิยม]]ให้แก่เจ๋ฮวนก๋ง เจ๋ฮวนก๋งก็ยินดีรับฟังและแต่งตั้งให้กวนต๋งเป็นสมุหนายก<ref>[https://vajirayana.org/เลียดก๊ก
== การเรืองอำนาจและเสียชีวิต ==
ด้วยความช่วยเหลือของกวนต๋ง ทำให้เจ๋ฮวนก๋งกลายเป็นผู้มีอำนาจทั้งในและนอก[[ราชวงศ์โจวตะวันออก|ราชสำนัก]] รวมถึงมีอาณาเขตที่กว้างใหญ่ด้วย โดยในช่วง 664 ปีก่อนคริสต์ศักราช เจ๋ฮวนก๋งได้นำกองทัพไปช่วยเหลือ[[เอียนจงก๋ง]] (ฉบับจีนเป็น เยี่ยนจวงกง) จากการโจมตีของชนเผ่า[[ซานหยง]] (ฉบับไทยเป็น เมืองปักหยง)<ref>[https://vajirayana.org/เลียดก๊ก
ต่อมา ได้ทำสงครามกับ[[รัฐฉู่|เมืองฌ้อ]]อยู่ประมาณหนึ่ง ก็พากันเลิกทัพกลับ<ref>[https://vajirayana.org/เลียดก๊ก
ในช่วงท้ายของชีวิต เจ๋ฮวนก๋งได้ปรึกษากับกวนต๋งเรื่องการแต่งตั้งทายาท กวนต๋งจึงเสนอชื่อก๋งจูเจียว ซึ่งเป็นลูกชายคนที่สาม เจ๋ฮวนก๋งก็เห็นด้วย จึงให้ก๋งจูเจียวไปศึกษาเล่าเรียนกับ[[ซองเซียงก๋ง]]<ref>[https://vajirayana.org/เลียดก๊ก
หลังการเสียชีวิตของกวนต๋ง เจ๋ฮวนก๋งก็ทำตามคำสั่งเสียได้พักหนึ่ง ก็ละเลยคำสั่งเสียนี้ทิ้ง เปาซกแหยพยายามว่ากล่าวตักเตือน แต่เจ๋ฮวนก๋งปฏิเสธ เปาซกแหยก็ตรอมใจจนป่วยตาย หลังการตายของเปาซกแหย สามขุนนางอย่าง เอ็ดแหย ซูเตียว ไคหอง ก็ทำการบริหารบ้านเมืองตามอำเภอใจ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน เมื่อเจ๋ฮวนก๋งป่วยหนักใกล้ตายนั้น สามขุนนางได้สั่งให้ก่อฉาบปูนเป็นกำแพงปิดบังตำหนักของเจ๋ฮวนก๋ง เจ๋ฮวนก๋งซึ่งชราอยู่แล้ว ไม่ได้รับสารอาหารมากพอ ก็เสียชีวิตลงเมื่ออายุได้ 72 ปี<ref>[https://vajirayana.org/เลียดก๊ก
หลังการเสียชีวิตของเจ๋ฮวนก๋ง บรรดาลูกชายก็ทำสงครามเพื่อหวังครอบครองรัฐฉี สุดท้ายก๋งจูเจียวได้รับชัยชนะ และขึ้นปกครองรัฐฉีในนาม เจ๋เฮาก๋ง<ref>[https://vajirayana.org/เลียดก๊ก
== อ้างอิง ==
|