ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สารอาหารสำหรับพืช"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
แทนที่เนื้อหาด้วย "== าีึรีา้เะัรัแร == {{รายการอ้างอิง}} หมวดหมู่:พฤกษศา..."
ป้ายระบุ: ถูกแทน ถูกย้อนกลับแล้ว การแก้ไขแบบเห็นภาพ
ย้อนการแก้ไขของ 202.176.131.176 (พูดคุย) ไปยังรุ่นก่อนหน้าโดย Just Sayori
ป้ายระบุ: ย้อนรวดเดียว
บรรทัด 1:
'''ธาตุอาหารสำหรับพืช''' หมายถึง [[ธาตุอาหาร|ธาตุอาหา]]รที่จำเป็นสำหรับการเติบโตของพืช ซึ่งสามารถถูกจัดได้จากเกณฑ์คือ (1) ถ้าเกิดพืชขาดสารอาหารนี้แล้ว ทำให้พืชไม่สามารถวงจรชีวิตได้ตามปกติ หรือ (2) สารนั้นเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของพืชหรือส่วนประกอบของสารตัวกลางในกระบวนการสร้างและสลายของสารนั้นๆ (metabolite)<ref name="Epstein1972">Emanuel Epstein, Mineral Nutrition of Plants: Principles and Perspectives, 1972.</ref>
== าีึรีา้เะัรัแร ==
 
สารอาหารที่จำเป็นสำหรับพืช สามารถแบ่งตามปริมาณที่ปรากฏในเนื้อเยื่อพืช ได้เป็น
# '''ธาตุอาหารหลัก''' (primary macronutrients) ได้แก่ [[ไนโตรเจน]] (N), [[ฟอสฟอรัส]] (P), และ [[โพแทสเซียม]] (K)
#
# '''ธาตุอาหารรอง''' (secondary macronutrients) ได้แก่ [[แคลเซียม]] (Ca),[[แมกนีเซียม]] (Mg), และ [[ซัลเฟอร์]](กำมะถัน) (S)
# '''ธาตุรอาหารเสริม''' (micronutrients) ได้แก่ [[แมงกานีส]] (Mn),[[คอปเปอร์]] (ทองแดง) (Cu),[[คลอรีน]] (Cl), เฟอรัส ([[ธาตุเหล็ก|เหล็ก]]) (Fe), [[โบรอน]] (B), [[ซิงก์|ซิงค์]] (สังกะสี) (Zn), [[โมลิบดีนัม|โมลิบดินัม]] (Mo)
 
มหาสารอาหาร (macronutrients) คือสารอาหารที่พืชต้องการในปริมาณมาก หรือว่าเป็นสารที่มีอยู่ในเนื้อเยื่อของพืชในปริมาณมาก (0.2% ถึง 4% โดยน้ำหนักแห้ง)
จุลสารอาหาร คือสารที่มีอยู่ในเนื้อเยื่อของพืชในปริมาณไม่มาก และวัดเป็นหน่วย ppm โดยมีปริมาณอยู่ในช่วงตั้งแต่ 5 ถึง 200 ppm หรือ น้อยกว่า 0.02% โดยน้ำหนักแห้ง <ref>http://aesl.ces.uga.edu/publications/plant/Nutrient.htm Retrieved Jan. 2010</ref>
 
พืชสามารถรับสารอาหารทางดินได้โดยการแลกเปลี่ยนประจุ โดยที่รากฝอยจะปล่อยประจุ[[ไฮโดรเจน]] (H<sup>+</sup>) ลงไปในดิน และประจุไฮโดรเจนนี้จะไปแทนที่ไอออนประจุบวกที่อยู่ในดิน (ซึ่งเป็นประจุลบ) จึงทำให้สารอาหารที่อยู่ในรูปประจุบวกสามารถถูกรากดูดซึมเข้าไปได้
 
เรื่องของสารอาหารพืชเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก ส่วนหนึ่งเนื่องมากจาก ความหลากหลายของชนิดและพันธุ์พืช อีกส่วนหนึ่งเนื่องจากปริมาณสารอาหารที่พืชต้องการเป็นเรื่องละเอียดอ่อน กล่าวคือ พืชต้องการสารอาหารในปริมาณที่เพียงพอและไม่มากเกินไป ถ้าเมื่อพืชได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ จะเกิดอาการขาดสารอาหาร แต่ถ้าได้รับมากเกินไปสารอาหารนั้นก็จะเป็นพิษต่อพืชได้ นอกจากนั้นการขาดสารอาหารบางตัว อาจแสดงผลเหมือนกับการเป็นพิษของการได้รับสารอาหารอีกตัวมากเกินไป การที่พืชได้รับสารอาหารบางตัวมากไปก็ส่งผลทำให้พืชขาดธาตุอาหารตัวอื่นได้ และการได้รับธาตุอาหารบางตัวน้อยไปก็อาจส่งผลต่อการดูดซึมของสารอาหารตัวอื่นได้เช่นกรณีของการที่พืชขาด SO2-3 ทำให้การดูดซึม NO-3 ทำได้ไม่ดี หรือ การที่ NH+4 มีอิทธิพลกับการดูดซึมของ K+<ref name="HunerHopkins2009">Norman P.A. Huner and William Hopkins, Introduction to Plant Physiology 4th Edition, John Wiley & Sons, Inc., 2009, isbn=978-0-470-24766-2, Chapters 3 & 4</ref>
 
สารอาหารแต่ละชนิดของพืช พืชต้องการในปริมาณที่พอเหมาะหากน้อยไปจะแสดงอาการขาดสารอาหาร หรือ หากได้รับมากเกินไปก็จะเป็นพิษกับพืชได้<ref name="EssentialPlantNutrients">Essential Plant Nutrients, Peter Motavalli, Thomas Marier, Frank Cruz and James McConnell, University of Guam, http://www.cartage.org.lb/en/themes/Sciences/BotanicalSciences/PlantHormones/EssentialPlant/EssentialPlant.htm, retrieved at Dec 5, 2010</ref>
 
== กระบวนการที่สำคัญในการดูดซึมธาตุอาหารของพืช ==
 
พืชสามารถรับสารอาหารที่จำเป็นได้จากดินโดยผ่านทางราก และได้จากอากาศ (ส่วนใหญ่คือ ''[[คาร์บอน]]'' ''[[ไฮโดรเจน]]'' และ ''[[ออกซิเจน]]'') โดยผ่านทางใบ
 
== หน้าที่ของธาตุอาหาร ==
ธาตุอาหารแต่ละตัวมีหน้าที่ต่างๆกัน<ref>Pages 68 and 69 Taiz and Zeiger Plant Physiology 3rd Edition 2002 ISBN 0-87893-823-0</ref>
 
=== มหาสารอาหาร ===
 
'''[[คาร์บอน]]'''
:คาร์บอนทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของพืช เช่น แป้ง และ [[เซลลูโลส]]. พืชได้รับคาร์บอนมากจากการสังเคราะห์แสงโดยรับ คาร์บอนไดออกไซด์มาจากอากาศ และส่วนหนึ่งก็ถูกแปลงเป็นคาร์โบไฮเดรตสำหรับสะสมพลังงาน
 
'''[[ไฮโดรเจน]]'''
:ไฮโดรเจนเป็นส่วนสำคัญในการสร้างน้ำตาลและการเติบโตของพืช. พืชได้รับไฮโดรเจนส่วนใหญ่จากน้ำ
 
'''[[ออกซิเจน]]'''
:ออกซิเจนเป็นส่วนสำคัญสำหรับกระบวนการหายใจ. กระบวนการหายใจ สร้างสารให้พลังงาน[[Adenosine triphosphate | ATP]] จากการใช้น้ำตาลที่ได้มาจากกระบวนการสังเคราะห์แสง
พืชสร้างออกซิเจนขึ้นในกระบวนการสังเคราะห์แสงเพื่อที่จะสร้างน้ำตาล แต่พืชก็ใช้ออกซิเจนในการกระบวนการหายใจเพื่อเปลี่ยนน้ำตาลเป็น ATP
 
'''[[ฟอสฟอรัส]]'''
:ฟอสฟอรัสเป็นส่วนสำคัญในระบบพลังงานของพืช เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของ ATP.
[[การขาดฟอสฟอรัส]]ในพืช จะแสดงให้เห็นจาก การที่ใบพืชมีสีเขียวเข้มจัด ถ้าขาดรุนแรงใบจะผิดรูปร่างและแสดง[[การตายเฉพาะส่วน|อาการตายเฉพาะส่วน]]
 
'''[[โปแตสเซียม|โพแทสเซียม]]'''
:'''โพแทสเซียม'''มีบทบาทในการควบคุมการเปิดปิดของรูใบ[[สโตมา]] (Stoma) ดังนั้น'''โพแทสเซียม'''จึงช่วยลดการคายน้ำจากใบและเพิ่มความต้านทานสภาพแล้ง-สภาพร้อน-สภาพหนาวให้กับพืชได้
[[การขาดโปแตสเซียม|การขาด'''โพแทสเซียม''']] อาจทำให้เกิด[[การตายเฉพาะส่วน]] หรือเกิด[[คลอโรซิส|การเหลืองระหว่างเส้นใบ]] (interveinal chlorosis)
'''โพแทสเซียม'''สามารถละลายน้ำได้ดี จึงทำให้อาจโดยชะล้างออกไปจากดินโดยเฉพาะพื้นที่ลักษณะเป็นหินหรือทราย
 
'''[[ไนโตรเจน]]'''
:ไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของโปรตีนทุกชนิด
[[การขาดไนโตรเจน]] ส่วนใหญ่แล้วจะแสดงออกมาโดยการชะงักการเติบโตของพืช การเติบโตช้า หรือว่าแสดง[[คลอโรซิส|อาการใบเหลือง]] (chlorosis).
ทั่วไปแล้ว ไนโตรเจนจะถูกดูดซึมเข้าทางดินในรูปของ[[ไนเตรต]](NO-3)
 
'''[[กำมะถัน]]'''
:กำมะถันเป็นส่วนประกอบโครงสร้างของกรดอะมิโนและไวตามีนหลายชนิด และจำเป็นในการกระบวนการสร้าง[[คลอโรพลาสต์]].
 
'''[[แคลเซียม]]'''
:แคลเซียมทำหน้าที่ในการควบคุมการเคลื่อนย้ายของสารอาหารต่างๆเข้าสู่พืช และยังทำหน้าที่เกี่ยวกับการทำงานของเอนไซม์พืชหลายชนิด
[[การขาดแคลเซียม]] มีผลทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต
 
'''[[แมกนีเซียม]]'''
:แมกนีเซียมเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของ[[คลอโรฟิลล์]] และก็มีความสำคัญในกระบวนการสร้าง[[Adenosine triphosphate|ATP]]โดยทำหน้าที่เป็น[[โคแฟกเตอร์]] (enzyme cofactor).
[[การขาดแมกนีเซียม]] อาจทำให้เกิดอาการเหลืองระหว่างเส้นใบ (interveinal chlorosis).
:
 
=== จุลสารอาหาร ===
 
'''[[เหล็ก]]'''
:เหล็กมีความสำคัญในกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืชและทำหน้าที่เป็นโคแฟกเตอร์อีกด้วย
[[การขาดเหล็ก]] อาจทำให้เกิดอาการเหลืองตามเส้นใบ และ การตายเฉพาะส่วน
 
'''[[โมลิบดีนัม]]'''
:โมลิบดีนัมเป็นโคแฟกเตอร์ที่สำคัญสำหรับเอนไซม์ที่ใช้ในการสร้าง[[กรดอะมิโน]]
 
'''[[โบรอน]]'''
:โบรอนทำหน้าที่สำคัญช่วยในการเชื่อมต่อของ[[เพกติน]]เข้ากับ[[RGII region]]ของผนังเซลล์หลัก และโบรอนยังทำหน้าที่ช่วยในการเคลื่อนย้ายน้ำตาล ในการแบ่งเซลล์ และในสร้างเอนไซม์หลายๆชนิด
[[การขาดโบรอน]]ทำให้เกิดการตายเฉพาะส่วนในใบใหม่และการชะงักการเติบโตของพืช
 
'''[[ทองแดง]]'''
:ทองแดงมีความสำคัญในกระบวนการสังเคราะห์แสง
[[การขาดทองแดง]]ทำให้พืชแสดงอาการเหลือง (chlorosis)
 
'''[[แมงกานีส]]'''
:แมงกานีสมีความสำคัญในการสร้าง[[คลอโรพลาสต์]]
[[การขาดแมกกานีส]] ทำให้พืชมีสีผิดเพี้ยน เช่น การมีจุดด่างบนใบ
 
'''[[โซเดียม]]'''
:โซเดียมเกี่ยวข้องกับการสร้าง[[phosphoenolpyruvate]]]ของพืชที่เป็น CAM (Crassulacean acid metabolism plant) และ C4 (C4 carbon fixation plant)
 
'''[[สังกะสี]]'''
:สังกะสีเป็นส่วนสำคัญสำหรับเอนไซม์หลายชนิดและเป็นส่วนสำคัญใน[[การถอดรหัส_(พันธุศาสตร์)|กระบวนการถอดรหัสพันธุกรรม]] (DNA transcription).
[[การขาดสังกะสี]] โดยทั่วไปแล้วจะทำให้การเติบโตของใบชะงักงัน
 
'''[[นิกเกิล]]'''
:สำหรับ[[พืชมีท่อน้ำเลี้ยง]] (vascular plant) นิกเกิลมีความสำคัญในการทำงานของเอนไซม์ยูเรส (urease) ซึ่งพืชใช้ในการจัดการกับ[[ยูเรีย]]
:สำหรับ[[พืชไม่มีท่อน้ำเลี้ยง]] (non-vascular plant) นิกเกิลมีความสำคัญในการทำงานของเอนไซม์หลายชนิด<ref name="BarkerPilbeam2007">Allen V. Barker and D. J. Pilbeam, Handbook of plant nutrition, 2007, CRC Press, isbn 9780824759049</ref>
 
'''[[คลอรีน]]'''
:คลอรีนมีความสำคัญในกระบวนการ[[ออสโมซิส]] (osmosis) และ การรักษาสมดุลของประจุ และยังทำหน้าที่สำคัญในกระบวนการสังเคราะห์แสงด้วย
 
=== ตารางธาตุอาหารพืช<ref name="EssentialPlantNutrients"/> ===
 
{| class="wikitable"
|-
! ชื่อธาตุอาหาร
! สัญลักษณ์
! ปริมาณในพืช
! หน้าที่
! ขาด/เกิน
! อาการที่สังเกตได้
|-
| <center>[[ไนโตรเจน]]
| <center>N
| <center>100
| <center>ส่วนประกอบของ [[โปรตีน]]และ[[กรดอะมิโน]]
| <center>ขาด
| ใบเหลือง โดยเฉพาะใบแก่; การเติบโตของพืชชะงักงัน; ผลเติบโตไม่ดี
|-
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>เกิน
| ใบเขียวเข้ม แต่อาจเสี่ยงกับอาการโคนต้นงอ (lodging) หรืออ่อนแอต่อภาวะแล้ง โรคพืช และแมลง; พืชอาจไม่ค่อยให้ผล
|-
| <center>[[ฟอสฟอรัส]]
| <center>P
| <center>6
| <center>ส่วนประกอบของ[[กรดนิวคลีอิก]]และ[[Adenosine triphosphate|ATP]]
| <center>ขาด
| ใบอาจเป็นสีม่วง; การเติบโตของพืชชะงักวันหรือช้า
|-
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>เกิน
| พืชที่ได้รับ[[ฟอสฟอรัส]]ในปริมาณมากเกินไป อาจเกิดอาการขาดจุลสารอาหาร เช่น เหล็ก หรือ สังกะสี
|-
| <center>[[โปแตสเซียม]]
| <center>K
| <center>25
| <center>ทำหน้าที่เป็น catalyst, ion transport
| <center>ขาด
| ใบแก่จะเหลืองโดยเริ่มจากขอบใบก่อนแล้วใบจะตาย; ผลเติบโตไม่ปกติ
|-
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>เกิน
| พืชที่ได้รับ[[โปแตสเซียม]]ในปริมาณมากเกินไป อาจเกิดอาการขาด[[แมกนีเซียม]] หรืออาจขาด[[แคลเซียม]]ด้วย
|-
| <center>[[แคลเซียม]]
| <center>Ca
| <center>12.5
| <center>ส่วนประกอบของ[[ผนังเซลล์]]
| <center>ขาด
| พืชเติบโตช้าลง และหน่อใหม่ตาย; ผลเติบโตไม่ดี
|-
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>เกิน
| พืชที่ได้รับ[[แคลเซียม]]ในปริมาณมากเกินไป อาจเกิดอาการขาด[[แมกนีเซียม]]หรือ[[โปแตสเซียม]]
|-
| <center>[[แมกนีเซียม]]
| <center>Mg
| <center>8
| <center>ส่วนประกอบของ[[คลอโรฟิลล์]]
| <center>ขาด
| จะเกิดอาการเหลืองที่ใบแก่ก่อนโดยจะเหลืองระหว่างเส้นใบ ต่อมาอาการจะลามไปที่ใบอ่อนด้วย; ผลเติบโตไม่ดีและออกน้อย
|-
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>เกิน
| ปริมาณแมกนีเซียมที่ไม่สมดุลกับปริมาณโปแตสเซียมและแคลเซียมและทำให้พืชเติบโตช้า
|-
| <center>[[กำมะถัน]]
| <center>S
| <center>3
| <center>ส่วนประกอบของ[[กรดอะมิโน]]
| <center>ขาด
| จะเกิดอาการเหลืองที่ใบอ่อนก่อนแล้วจะกระจายไปทั่วทั้งต้น; อาการจะคล้ายกับการขาดไนโตรเจน แต่จะเกิดกับส่วนที่เติบโตใหม่ก่อน
|-
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>เกิน
| ใบร่วงก่อนเวลา
|-
| <center>[[เหล็ก]]
| <center>Fe
| <center>0.2
| <center>ทำหน้าที่ในการสร้างคลอโรฟิลล์
| <center>ขาด
| อาการเกิดจุดเหลืองหรือขาวตามเส้นใบของใบอ่อน
|-
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>เกิน
| ใบเป็นสีน้ำตาล หรือ เป็นจุดสีน้ำตาลขึ้น
|-
| <center>[[โบรอน]]
| <center>B
| <center>0.2
| <center>ส่วนประกอบของผนังเซลล์
| <center>ขาด
| ยอดตาย; ใบผิดรูปร่างและมีรอยสีด่าง
|-
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>เกิน
| ปลายใบจะเหลืองและอาจมีอาการตายเฉพาะส่วนตามมา; ใบไหม้และร่วง
|-
| <center>[[แมงกานีส]]
| <center>Mn
| <center>0.1
| <center>ทำหน้าที่กระตุ้นเอนไซม์
| <center>ขาด
| ใบแก่จะมีวงด่างสีเหลืองหรือขาวขึ้น และ อาจมีจุดสีน้ำตาลขึ้นอยู่ในวงด่างด้วย
|-
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>เกิน
| ใบอ่อนจะเหลืองระหว่างเส้นใบ; ใบจะมีขนาดเล็กกว่าปกติ
|-
| <center>[[สังกะสี]]
| <center>Zn
| <center>0.03
| <center>ทำหน้าที่กระตุ้นเอนไซม์
| <center>ขาด
| อาการเหลืองระหว่างเส้นใบในใบอ่อน; ใบมีขนาดเล็กกว่าปกติ
|-
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>
| <center>เกิน
| พืชที่ได้รับ[[สังกะสี]]ในปริมาณมากเกินไป อาจเกิดอาการเหล็กได้
|}
 
หมายเหตุ ปริมาณในพืช แสดงเป็น เปอร์เซนต์เปรียบเทียบกับปริมาณไนโตรเจนในพืชที่ปรากฏในหน่อแห้ง และ ปริมาณสารอาหารในพืช อาจเปลี่ยนแปลงตามชนิดของพืช
 
== เรื่องที่เกี่ยวข้อง ==
* [[ปุ๋ย]]
* [[มหาสารอาหาร]]
* [[จุลสารอาหาร]]
 
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
* [http://ag.arizona.edu/pubs/garden/az1106.pdf Guide to Symptoms of Plant Nutrient Deficiencies, PUBLICATION AZ1106, University of Arizona, May 1999]
 
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}