ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วิกิพีเดีย:ทดลองเขียน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Ali akbar bot (คุย | ส่วนร่วม)
บาโลจิสถานพูด บาโลจิ * ขณะที่อยู่ในแคว้นสินธุและปัญจาบใต้ชนเผ่าส่วนใหญ่ Seraiki พูดภาษาแรกของตน * Sindhi จำนวนเล็กน้อยยังพูดในระดับภูมิภาค = ไคเบอร์ปัคตูนควา = ชนเผ่าแห้งใน Khyber Pakhtunkhwa, Dera Ismail Khan District, Kohat = สินธพ = พวกเขาตั้งถิ่นฐานในเขตต่างๆของ Sindh ได้แก่ Ghotki, Thatta, Dadu, Kandiaro, Shahdadkot, Kashmore, Guddu, Shikarpur, Matiari, Jhado และ Hyderabad = ปัญจาบ = มีอยู่ในเขตต่างๆของปัญจาบ ได้แก่ DG Khan, Rahim Yar Khan, Muzaffargarh และ Khanpur = บาโลจ...
ป้ายระบุ: ย้อนด้วยมือ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
Aaa2.for.civil (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว
บรรทัด 1:
{{กรุณาอย่าแก้ไขบรรทัดนี้ (ส่วนหัวหน้าทดลองเขียน)}}
{{กระบะทรายผู้ใช้}}
[[ไฟล์:Aaa2.jpg.png|thumb|169x169px|สัญลักษณ์ประจำหน่วย]]
 
== <big>กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2</big> ==
กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2 เป็นหน่วยขึ้นตรงกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน มีที่ตั้งอยู่ที่ถนนทหาร แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ภายในกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน
 
== ประวัติความเป็นมาของหน่วย ==
หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 กระทรวงกลาโหมได้พิจารณาสั่งซื้อปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ขนาดความกว้างปากลำกล้อง 40 มม. แบบอัตโนมัติ ติดตั้งบนรถสายพานหลังคาเปิด มีเกราะเหล็กรอบด้านจากบริษัท วิคเกอร์อาร์มสตรอง ประเทศอังกฤษ โดยสั่งผ่านบริษัทบาโรบราวน์ในประเทศไทย มาถึงประเทศไทยในเดือน สิงหาคม พ.ศ.2476  และขึ้นทะเบียนเป็นอาวุธประจำการ เป็นปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานแบบ 76 ขนาด 40 มม. นับว่าเป็นต้นกำเนิดของปืนใหญ่แบบเคลื่อนที่ด้วยตัวเอง ซึ่งกำลังใช้อยู่ในประเทศมหาอำนาจในขณะนั้น ในตอนที่ได้รับ ปตอ.แบบ 76 มาใหม่ๆ ยังมิทันจะปรับปรุงจัดกำลังแต่ประการใด ก็ได้เกิดการกบฏขึ้น เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2476  โดยได้มีบุคคลคณะหนึ่งมี พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าบวรเดชฯ เป็นหัวหน้ายกกำลังทหารหัวเมืองเข้ามายังจังหวัดพระนคร  เพื่อยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาล โดยตั้งกองบัญชาการอยู่ที่กรมอากาศยานดอนเมือง ทางฝ่ายรัฐบาลได้ยกกำลังออกปราบปรามจนฝ่ายตรงข้ามล่าถอย และพ่ายแพ้ในที่สุด ในการกบฏคราวนั้น หน่วยทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ได้มีส่วนร่วมในการทำการปราบปรามด้วย เมื่อบ้านเมืองสงบเรียบร้อยแล้ว ในปี พ.ศ.2477 รัฐบาลได้สั่งซื้อ ปตอ.ขนาด 75 มม. จากสวีเดนเข้ามาอีก และเรียกชื่อว่า ปตอ.แบบ 77 เมื่อซื้อเข้ามาได้มากพอแล้วทางราชการจึงได้ตราพระราชบัญญัติ จัดตั้งกรมป้องกันต่อสู้อากาศยานขึ้น โดยมอบภารกิจในเรื่องการจัดการป้องกันภัยทางอากาศ ทำให้กรมป้องกันต่อสู้อากาศยานจึงถือกำเนิดขึ้น เมื่อเกิดสงครามมหาเอเซียบูรพา ประเทศไทยยอมร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับญี่ปุ่น รัฐบาลได้สั่งซื้อปืนต่อสู้รถถัง ขนาด 20 มม. มาดัดแปลงให้สามารถยิงเครื่องบินได้ จำนวน 25 กระบอก เรียกชื่อว่า “ปตอ.แบบ 85” และจัดตั้ง พัน ปตอ.ขึ้นอีก 2 กองพัน เป็น กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 4 และ กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 5 ต่อมาหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางราชการได้โอนการป้องกันฝ่ายพลเรือนให้กระทรวงมหาดไทย อาวุธปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ใช้อยู่ล้าสมัย ทางราชการจึงได้ยุบหน่วย ปตอ.ลงตามไปด้วย พัน.ปตอ. ที่ยุบได้แก่ พัน.ปตอ.แบบ 76 จำนวน 1 กองพัน และ พัน.ปตอ. แบบ 85 (ญี่ปุ่น) จำนวน 2 กองพัน และได้แปรสภาพจากกรมป้องกันต่อสู้อากาศยาน เป็น กรมต่อสู้อากาศยาน (กรม ตอ.) ในปี พ.ศ.2492
 
ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2497 กองพลน้อยทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ได้มีการแปรสภาพตามคำสั่งกระทรวงกลาโหม ทำให้กองพลน้อยทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน มีหน่วยขึ้นตรง 2 หน่วย คือ กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 และ กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2  หลังจากนั้นกองทัพบก ได้มีการปรับการบังคับบัญชาและการจัดหน่วยอีกหลายครั้ง จนกระทั่งวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ.2528  ให้ กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2  ประกอบด้วย กองบังคับการ และ กองร้อยกองบังคับการกรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2, กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 รักษาพระองค์, กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2, กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 4  
 
== การปฏิบัติงานที่สำคัญ ==
พ.ศ.2510  จัดกำลัง 1 ร้อย.ปตอ. ออกปฏิบัติการตามแผนธนูเพลิง ปฏิบัติการยิงต่อเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ไม่ปรากฏสัญชาติและคุ้มครองประชาชนที่อยู่ในเขตรับผิดชอบ ตามแนวลำน้ำโขง อ.มุกดาหาร, อ.ธาตุพนม  ตั้งแต่ 10 ก.ย.2510 ถึง 24 ต.ค.2510  ผลการปฏิบัติสามารถยับยั้ง และลดการลักลอบเข้ามาปฏิบัติการของเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ไม่ปรากฏสัญชาติลงได้อย่างดียิ่ง
 
พ.ศ.2514 การปฏิบัติการที่ อ.สหัสขันธ์  จ.กาฬสินธุ์ ตามอนุมัติผู้บัญชาการทหารบก โดยหน่วยเฉพาะกิจกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ได้เข้าปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. – 8 เม.ย.2514 ในพื้นที่ อ.สหัสขันธุ์ จ.กาฬสินธุ์
 
พ.ศ.2515 การปฏิบัติการตามแผนยุทธการภูขวาง หน่วยเฉพาะกิจกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ได้เข้าปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.2515 – 30 เม.ย.2515  ในพื้นที่ อ.หล่มสัก  จ.เพชรบูรณ์ โดยมีเหตุการณ์สำคัญคือ
 
- วันที่ 15 เม.ย.2515 ฝ่ายเราได้ตั้งฐานอยู่บริเวณห้วยขมิ้น  โดยมีกำลัง 1 หมู่ ประกอบด้วย ปตอ.เอ็ม42 จำนวน 1 หน่วยยิง  และ ปตอ.เอ็ม16 จำนวน 1 หน่วยยิง ได้มีข้าศึกไม่ทราบจำนวนเข้ามาโจมตีโฉบฉวยที่ฐาน ฝ่ายเราได้ทำการตอบโต้จนกระทั่งข้าศึกได้ถอยหนีเข้าป่า
 
พ.ศ.2516 การปฏิบัติตามแผนยุทธการรามสูร หน่วยเฉพาะกิจกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ได้เข้าปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค. – 23 มี.ค.2516 ในพื้นที่ อ.นาแก จ.นครพนม ซึ่งการปฏิบัติการครั้งนี้หน่วยเฉพาะกิจกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน  สามารถปฏิบัติภารกิจได้หลายภารกิจ คือ
 
1. แสดงแสนยานุภาพ
 
2. ลาดตระเวนหาข่าว
 
3. ตัดเส้นทางส่งกำลังบำรุงของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
 
4. ยิงที่หมายทางอากาศ (เฮลิคอปเตอร์และ เครื่องบินไม่ทราบฝ่าย)
 
การปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศ สนับสนุนกองทัพภาคที่ 1 โดยมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น 2 ครั้ง คือ
[[ไฟล์:Aaa22.jpg.jpg|thumb|189x189px|ทหารกองประจำการ 420 นาย ครบกำหนดปลดประจำการ สมัครใจอยู่ต่อจนกว่าจะจบภารกิจ]]
        ครั้งที่ 1 ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารเวียดนาม  ซึ่งรุกล้ำเข้ามาทางบ้านโนนหมากมุ่น กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 รักษาพระองค์ได้รับมอบภารกิจให้ไปป้องกันฐานยิงของ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 201 กองร้อยที่ 2 ที่บ้านโคกสว่าง และในวันที่ 25 มิ.ย.2523  หน่วยจึงได้จัดอาวุธปืนใหญ่ต่อสู่อากาศยาน  จากบ้านตะแบกป่า บ้านแชร์ออ ทำการป้องกัน 4 หน่วยยิง  ประกอบด้วย ปตอ.40 มม.  จำนวน 2 หน่วยยิง และ  ปตอ.12.7 มม.  จำนวน 2 หน่วยยิง  ผลการปฏิบัติคือ  ข้าศึกได้รับความสูญเสียไปเป็นจำนวนมาก
 
        ครั้งที่ 2 กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 รักษาพระองค์ ได้รับภารกิจจากกองทัพภาคที่ 1 ให้ไปทำการยิงป้องปรามของฝ่ายตรงข้ามที่บินเข้ามาในทิศทางหลักเขตที่ 28 บริเวณช่องเขากิ่ว และเขาทิ้งกับ ในห้วงเวลาตั้งแต่ 1900 – 2100 หน่วยได้จัดอาวุธออกไป 4 หน่วยยิง  จากฐานตานี ไปเข้าที่รวมพลที่ฐานเอกราช ซึ่งเป็นหน่วยของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารที่ 1 รักษาพระองค์  และในวันที่ 16 ม.ค.2524  เวลา 2030  หน่วยได้ปฏิบัติภารกิจยิงต่อเครื่องบินข้าศึกที่บริเวณดังกล่าวได้อีก  ผลการปฏิบัติสามารถป้องปรามมิให้เครื่องบินข้าศึกมาบินที่บริเวณพื้นที่ดังกล่าวได้อีก 
 
การปฏิบัติภารกิจด้านการป้องก้ันและบรรเทาสาธาณภัย กรณีเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ พ.ศ. 2554 โดยหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบกได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบพื้นที่บรรเทาสาธารณภัย จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดปทุมธานีจากกองทัพบก ทั้งด้านการป้องกัน ช่วยเหลือ และฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย ภารกิจในครั้งนั้นมีทหารกองประจำการของหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก ที่ครบกำหนดปลดประจำการ แต่สมัครใจอยู่ต่อ จำนวน 420 นาย ในขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมยังคงดำเนินอยู่ต่อไป ทำให้ได้รับความชื่นชมเป็นอย่างมาก กองทัพบกจึงได้มอบประกาศเกียรติคุณให้เพื่อเป็นการขอบคุณในความเสียสละของกำลังพลเหล่านั้น
 
     
 
== หน่วยขึ้นตรง ==
<references />
กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2 มีหน่วยขึ้นตรง จำนวน 3 กองพัน คือ
 
* กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่่ต่อสู้อากาศยานที่ 2 รักษาพระองค์
* กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2 กรมทหารปืนใหญ่่ต่อสู้อากาศยานที่ 2
* กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 4 กรมทหารปืนใหญ่่ต่อสู้อากาศยานที่ 2
 
== วันสถาปนาหน่วย ==
กำหนดให้วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2497 เป็นวันสถาปนาหน่วย โดยยึดถือเป็นประเพณีสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน