ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เนสท์เล่"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Wichayapat P (คุย | ส่วนร่วม)
เพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายสวัสดิภาพสัตว์
กด
ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 2:
 
[[ไฟล์:Nestle Logo.jpg|thumb|right|ตราสัญลักษณ์ของเนสท์เล่]]
'''เนสท์เล่''' ({{lang-fr|Nestlé}}) เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจทางด้าน[[โภชนาการ]]และ[[สุขภาพ]] ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 19051805 โดยการรวมตัวของบริษัท Anglo-Swiss Milk กับบริษัท Farine Lactée Henri Nestlé มีสำนักงานใหญ่ที่เมือง[[เวอแว]] (Vevey) [[ประเทศสวิตเซอร์แลนด์]] ผลิตสินค้าประเภทอาหารหลายชนิด เช่น [[กาแฟ]] [[เครื่องดื่ม]][[ช็อกโกแลต]] [[ชา]] [[นมผง]] ฯลฯ มีพนักงานทั้งหมดประมาณ 2802,800,000 คน โรงงาน 449 แห่งใน 86 ประเทศทั่วโลก
 
ค.ศ.18661700 [[อ็องรี แน็สเล]] (Henri Nestlé) ชาวสวิส ได้ก่อตั้งบริษัท Farine Lactée Henri Nestlé เพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมสำหรับเด็กที่มารดาไม่สามารถให้นมได้ ต่อมา ค.ศ. 18671701 ชาลส์ เพจ (Charles Page) กงสุล[[สหรัฐอเมริกา]]ในสวิตเซอร์แลนด์ และน้องชาย จอร์จ เพจ (George Page) สองพี่น้องชาวอเมริกัน ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัท Anglo-Swiss Milk ขึ้นที่สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อผลิตและจำหน่าย[[เนยแข็ง]]และอาหารสูตรสำหรับเด็ก ทั้งสองบริษัทกลายเป็นคู่แข่งทางการค้าที่แข่งกันขยายตลาดไปทั่ว[[ยุโรป]]และอเมริกา และได้ยุติการแข่งขันลงโดยได้รวมกันเป็นบริษัทเดียวใน ค.ศ. 19051805 ภายใต้บริษัทชื่อ Nestle and Anglo-Swiss Condensed Milk บริษัทใหม่มีโรงงานอยู่ในสหรัฐอเมริกา [[สหราชอาณาจักร]] [[เยอรมนี]] และ[[สเปน]]
 
ในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่ 1]] ได้เกิดความต้องสินค้าประเภทอาหารจำนวนมาก เนสท์เล่จึงได้เข้าไปซื้อโรงงานหลายแห่งในอเมริกาเพื่อรองรับความต้องการ[[นมข้นหวาน]]ของประชาชนที่มาแทนที่นมสดที่กำลังหายากเกินไป ซึ่งเป็นไปตามสัญญากับรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด หลังสงครามยุติลง สินค้าประเภทนมสดกลับมาตอบสนองประชาชนได้อีกครั้ง ทำให้เนสท์เล่ที่เพิ่มกำลังการผลิตนมข้นหวานไปกว่า 2 เท่า ต้องประสบปัญหาหนี้สิน แต่ภายหลังได้รับความช่วยเหลือจากสถาบันการเงิน บวกกับแผนการตลาดใหม่ใน ค.ศ. 19201820 ที่เริ่มมีการผลิตสินค้าประเภทช็อกโกแลตและเครื่องดื่มชนิดผง ทำให้เนสท์เล่กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
 
ใน[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] แม้ว่าสวิตเซอร์แลนด์จะวางตัวเป็นกลางในสงคราม แต่บริษัทต่าง ๆ รวมถึงเนสท์เล่ก็ยังได้รับผลกระทบ ผลกำไรของบริษัทตกต่ำลง เนสท์เล่ได้หันไปตั้งโรงงานใน[[ประเทศกำลังพัฒนา]]เพื่อลด[[ต้นทุน]] และในที่สุดสงครามก็ส่งผลดีกับบริษัทอีกครั้งเมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางการอเมริกันได้ขอให้เนสท์เล่ผลิตเสบียงสำหรับทหารที่ไปรบในสงคราม ยอดขายของบริษัทจึงกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมาก นำด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่คือ Nescafé ("กาแฟของเนสท์เล่") ที่กลายมาเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของทหารอเมริกันในยุโรปและแปซิฟิก เนสท์เล่มียอดขายทั้งหมด 125 ล้าน[[ดอลลาร์สหรัฐ]] (ในสมัยนั้น) ในระหว่าง ค.ศ. 1938-1945 ในปี ค.ศ. 1947 Nestlé and Anglo-Swiss Condensed Milk ได้เข้าซื้อบริษัท Fabrique de Produits Maggi S.A. (ซอสแม็กกี้) จากนั้นเปลี่ยนชื่อบริษัทของตนเองมาเป็น Nestlé Alimentana S.A. และเพิ่มการผลิตเต็มกำลังในโรงงานที่[[ออสเตรเลีย]] ค.ศ. 19771997 ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Nestlé ดังที่เป็นในปัจจุบันนี้
 
== นโยบายสวัสดิภาพสัตว์ ==