ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เจ้าชายคาร์ล เอดูอาร์ท ดยุกแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา"
เจ้าชายคาร์ล เอดูอาร์ท ดยุกแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา (แก้ไข)
รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:48, 31 ตุลาคม 2563
, 1 ปีที่แล้ว→พลเรือนสามัญ
== พระชนม์ชีพในวัยเยาว์ ==
เจ้าชายคาร์ล เอดูอาร์ท ประสูติในวันที่ [[19 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2427]] ณ ตำหนักแคลร์มอนต์ ใกล้กับเมืองเอสเชอร์ มณฑลเซอร์เรย์ พระชนกของพระองค์คือ [[เจ้าชายลีโอโพลด์ ดยุกแห่งออลบานี]] พระราชโอรสองค์ที่สี่ใน[[สมเด็จพระบรมราชินีนาถวิกตอเรีย]] และ [[เจ้าฟ้าชายอัลเบิร์ต เจ้าชายพระราชสวามี]] ส่วนพระชนนีคือ [[:en:Princess
เนื่องจากว่าพระชนกสิ้นพระชนม์ไปก่อนการประสูติ เจ้าชายจึงทรงสืบพระอิสริยยศทั้งหมดของพระชนกทันทีที่ประสูติและทรงดำรงพระอิสริยยศ '''สมเด็จเจ้าฟ้าชายดยุคแห่งออลบานี''' (His Royal Highness The Duke of Albany)
หลังจากการประชวร พระองค์ทรงเข้ารับศีลล้างบาปเป็นส่วนตัวเมื่อวันที่ [[4 สิงหาคม]] [[พ.ศ. 2427]] ณ ตำหนักแคลร์มอนต์ ภายหลังการประสูติได้สองสัปดาห์ และอีกสี่เดือนต่อมาจึงเข้ารับศีลล้างบาปต่อสาธารณชนในวันที่ [[4 ธันวาคม]] [[พ.ศ. 2427]] ณ โบสถ์ประจำเมืองเอสเชอร์ มณฑลเซอร์เรย์ โดยมีพ่อและแม่ทูนหัวคือ สมเด็จพระบรมราชินีนาถวิกตอเรีย [[เจ้าชายแห่งเวลส์]] (ในภายหลังคือ [[สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักร|สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7]]) [[เจ้าหญิงเฮเลนาแห่งสหราชอาณาจักร|เจ้าหญิงคริสเตียนแห่งชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์]] [[เจ้าหญิงหลุยส์ ดัชเชสแห่งอาร์ไจล์|
*ทั้งนี้พระองค์ยังทรงมีศักดิ์เป็นพระญาติฃั้นที่ 1 ใน [[สมเด็จพระราชินีนาถวิลเฮลมินาแห่งเนเธอร์แลนด์]] เนื่องจากพระมารดาทรงเป็นพระขนิษฐาแท้ๆใน [[เอ็มมาแห่งวัลเด็คและไพร์มอนต์ สมเด็จพระราชินีแห่งเนเธอร์แลนด์]]
== ดยุคแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา ==
ในปี [[พ.ศ. 2443]] ดยุคแห่งออลบานี ที่มีพระชนมายุ 14 พรรษาได้เสวยราชสมบัติในรัฐดยุคครองนครแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทาสืบต่อ[[เจ้าชายอัลเฟรด ดยุกแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา]] พระปิตุลาซึ่งเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่สองในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ส่วน[[:en:Alfred, Hereditary Prince of Saxe-Coburg and Gotha|เจ้าชายอัลเฟรดแห่งเอดินเบอระ]] (ซึ่งมีพระนามเรียกเล่น "แอฟฟี่หนุ่ม") พระโอรสองค์เดียวในดยุคแห่งเอดินเบอระสิ้นพระชนม์ในปี [[พ.ศ. 2442]] และ[[เจ้าชายอาร์เธอร์
== อภิเษกสมรส ==
ในวันที่ [[18 พฤศจิกายน]] [[พ.ศ. 2461]] สภาทหารและแรงงานแห่งเมืองโกทาได้ปลดดยุคแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทาออกจากราชบัลลังก์ อีกห้าวันต่อมา พระองค์ได้ทรงลงนามในประกาศการสละราชสิทธิในการสืบราชสมบัติ เมื่อทรงกลายเป็นพลเรือนสามัญในขณะนี้ ดยุคคาร์ล เอ็ดวาร์ดซึ่งได้ทรงถูกปลดออกจากราชบัลลังก์ทรงเกี่ยวข้ององค์การทางการเมืองและลักษณะแบบทหารฝ่ายขวามากมาย<ref>อภิสิทธิ์ทางกฎหมายและสืบทอดตามสายเลือดต่างๆ ของราชวงศ์กษัตริย์ เจ้าครองรัฐ ดยุคและขุนนางเยอรมันสิ้นสุดลงในเดือน[[สิงหาคม]] [[พ.ศ. 2462]] เมื่อรัฐธรรมนูญของ[[สาธารณรัฐไวมาร์]]มีผลบังคับใช้ แต่กระนั้นสาธารณรัฐไวมาร์ไม่ได้ห้ามการใช้พระอิสริยยศและราชทินนามชั้นสูงอย่างเช่น [[ประเทศออสเตรีย]] แต่รัฐสภาแห่งจักรวรรดิ (Reichstag) ได้ผ่านกฎหมายซึ่งให้เปลี่ยนพระอิสริยยศราชวงศ์และขุนนางที่เคยมีอยู่มาเป็นส่วนหนึ่งของนามสกุลแทน ดังนั้นดยุคครองรัฐแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทาจึงทรงกลายเป็น ''"คาร์ล เอดูอาร์ด แอร์ซ็อก ฟอน ซักเซิน-โคบวร์ค อุนด์ โกทา"''</ref> เมื่อปี [[พ.ศ. 2475]] พระองค์ทรงมีส่วนร่วมในการก่อตั้งแนวร่วมฮาร์ซบูร์ก ซึ่งพรรค Deutschnationale Partei (พรรคแห่งชาติเยอรมัน) ได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับ[[พรรคนาซี]]โดยผ่านทางแนวร่วม พระองค์ทรงเข้าร่วมพรรคนาซีและเป็นสมาชิกของ Sturmabteilung (ซึ่งแปลว่า หน่วยพายุ หรือ พวกเสื้อน้ำตาล) โดยขึ้นถึงตำแหน่งของหัวหน้ากลุ่มอาวุโส (Obergruppenführer) นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นสมาชิกในรัฐสภาจักรวรรดิตั้งแต่ปี [[พ.ศ. 2480]] ถึงปี [[พ.ศ. 2486]] และประธานสภากาชาดเยอรมันตั้งแต่ปี [[พ.ศ. 2476]] ถึงปี [[พ.ศ. 2488]] อีกด้วย พระองค์ทรงเข้าร่วมพรรคนาซีอย่างเป็นทางการในปี [[พ.ศ. 2477]]
ในปี [[พ.ศ. 2479]] [[อดอล์ฟ ฮิตเลอร์]]ได้ส่งดยุคแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทาไปยังประเทศอังกฤษในฐานะประธานสมาคมมิตรภาพอังกฤษ-เยอรมัน ภารกิจของพระองค์คือ การพัฒนาสัมพันธภาพระหว่างอังกฤษและเยอรมนีและสืบหาความเป็นไปได้ในการทำสัญญาระหว่างทั้งสองประเทศ ดยุคซึ่งทรงเข้าร่วมพระราชพิธีศพของ[[สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร|สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5]] ในชุดเครื่องแบบของหน่วยพายุ ทรงยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการทำสัญญาตกลงกับ[[สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 แห่งสหราชอาณาจักร|สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8]] พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ แต่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นจากการเจรจาครั้งนี้ แต่กระนั้นพระองค์ยังทรงส่งรายงานให้กำลังใจฮิตเลอร์เกี่ยวกับความฝักใฝ่ฝ่ายเยอรมันอันแข็งแกร่งในหมู่ชนชั้นสูงของอังกฤษ ในภายหลังจาก[[:en:Abdication of Edward VIII|วิกฤติการณ์การสละราชสมบัติ]] พระองค์ทรงทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพต้อนรับอดีตพระมหากษัตริย์และพระชายา ซึ่งในขณะนี้ทรงเป็นดยุคและดัชเชสแห่งวินด์เซอร์ ในระหว่างการเสด็จเยือนประเทศเยอรมนีอย่างเป็นทางการในปี [[พ.ศ. 2481]]
เมื่อ[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] สิ้นสุดลง รัฐบาลทางการทหารอเมริกันในรัฐบาวาเรีย ภายใต้การบังคับบัญชาของนายพลจอร์จ สมิธ แพ็ตตันได้ทำการกักบริเวณดยุคแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทาอยู่ภายในพระตำหนักที่ประทับอันเนื่องมาจากการสนับสนุนฝ่าย[[นาซีเยอรมัน]] ในปี [[พ.ศ. 2489]] พระองค์ทรงถูกพิพากษาคดีในศาลการกำจัดระบอบนาซีและทรงถูกปรับอย่างหนัก ทรัพย์สมบัติจำนวนมากในเมืองซัคเซินและโคบวร์คถูกยึดโดยกองทัพโซเวียต
|