ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฌีลแบร์ ดูว์ มอตีเย เดอ ลา ฟาแย็ต"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 13:
| branch = {{plainlist|
* กองทัพฝรั่งเศส
* กองทัพภาคพื้นทวีป (สหรัฐ)
* กองอารักษ์ชาติ (ฝรั่งเศส)}}
| serviceyears = 1771–1792 และ 1830
บรรทัด 27:
'''มารี-ฌอแซ็ฟ ปอล อีฟว์ ร็อก ฌีลแบร์ ดูว์ มอตีเย, มาร์กี เดอ ลา ฟาแย็ต''' ({{lang-fr|Marie-Joseph Paul Yves Roch Gilbert du Motier, Marquis de Lafayette}}) เป็นขุนนางและนายทหารชาวฝรั่งเศส ผู้ช่วยเหลือชาวอเมริกันทำ[[สงครามปฏิวัติอเมริกา|สงครามปฏิวัติ]] เขาเป็นเพื่อนสนิทของ[[จอร์จ วอชิงตัน]], [[อเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน]] และ[[ทอมัส เจฟเฟอร์สัน]] นอกจากนี้ยังมีบทบาทใน[[การปฏิวัติฝรั่งเศส]]และ[[การปฏิวัติเดือนกรกฎาคม]]
 
ลาฟาแย็ตเกิดในตระกูลขุนนางมั่งคั่งใน[[จังหวัดโอแวร์ญ]] ราชอาณาจักรฝรั่งเศส และได้รับราชการทหารตามครอบครัวตั้งแต่อายุได้ 13 ปี ต่อมาได้เข้าร่วมสงครามปฏิวัติอเมริกาและได้รับยศพลตรีตั้งแต่อายุเพียง 19 ปี เมื่อได้รับบาดเจ็บในยุทธการที่แบรนดีไวน์ ลาฟาแย็ตยังสามารถจัดถอยทัพได้อย่างเป็นระเบียบ และมีผลงานในยุทธการที่โรดไอแลนด์ ในช่วงกลางสงคราม เขากลับฝรั่งเศสเพื่อขอให้รัฐบาลเพิ่มงบประมาณสนับสนุน เขากลับอเมริกาอีกครั้งในปี ค.ศ. 1780 และได้รับตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งใน[[กองทัพบกภาคพื้นทวีป]] ในปี ค.ศ. 1781 กองทัพของเขาสามารถต้านทานทัพของคอร์นวอลลิสได้ จนทำให้กองทัพอเมริกาและฝรั่งเศสร่วมกันยึดเมืองยอร์กทาว์นได้สำเร็จ
 
ลาฟาแย็ตกลับฝรั่งเศสอีกครั้งในปี ค.ศ. 1787 และได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิก[[สภาชนชั้นสูง]]อภิชนที่พระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสตั้งขึ้นเพื่อแก้วิกฤติการณ์เศรษฐกิจการคลังในขณะนั้น และได้เข้าร่วม[[การประชุมสภาฐานันดร ค.ศ. 1789]] ได้มีส่วนร่วมในการร่างคำ[[ประกาศสิทธิมนุษยชนและพลเมือง]] หลังเหตุการณ์[[การทลายคุกบัสตีย์]] เขาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการ[[กองกำลังพิทักษ์อารักษ์ชาติ]] และพยายามให้การปฏิวัติฝรั่งเศสอยู่ในสายกลาง ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1792 ฝ่ายนักปฏิวัติหัวรุนแรงได้สั่งจับกุมตัวเขาในฐานะที่เป็นผู้มีส่วนสังหารหมู่[[ช็องเดอมาร์ส]] เขาจึงหนีไปทางเนเธอร์แลนด์และถูกทหารออสเตรียจับได้และติดคุกนานถึง 5 ปี
 
เมื่อนโปเลียน โบนาปาร์ตขึ้นมามีอำนาจในฝรั่งเศสและรับประกันความปลอดภัยให้เขา ลาฟาแย็ตจึงตัดสินใจกลับฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1797 แต่ปฏิเสธเข้าร่วมรัฐบาล หลังการฟื้นฟูราชวงศ์บูร์บงในปี ค.ศ. 1814 ถึงปี ค.ศ. 1824 เจมส์ มอนโร ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้เชิญเขาให้เยือนสหรัฐในฐานะอาคันตุกะของชาติ เขาได้เยือนรัฐทั้ง 24 รัฐในขณะนั้น เมื่อเกิดการปฏิวัติเดือนกรกฎาคม เขาไม่ยอมเป็นผู้นำแบบเผด็จการ แต่สนับสนุน[[พระเจ้าหลุยส์-ฟีลิปที่ 1 แห่งฝรั่งเศส|หลุยส์-ฟิลิป]] ให้ขึ้นครองราชย์ ลาฟาแย็ตถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1824 ได้รับสมัญญาว่า '''วีรบุรุษสองโลก''' (โลกเก่าและโลกใหม่)
เจมส์ มอนโร ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้เชิญเขาให้เยือนสหรัฐในฐานะอาคันตุกะของชาติ เขาได้เยือนรัฐทั้ง 24 รัฐในขณะนั้น เมื่อเกิดการปฏิวัติเดือนกรกฎาคม เขาไม่ยอมเป็นผู้นำแบบเผด็จการ แต่สนับสนุน[[พระเจ้าหลุยส์-ฟีลิปที่ 1 แห่งฝรั่งเศส|หลุยส์-ฟิลิป]] ให้ขึ้นครองราชย์ ลาฟาแย็ตถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1824 ได้รับสมัญญาว่า '''วีรบุรุษสองโลก''' (โลกเก่าและโลกใหม่)
 
== อ้างอิง ==