ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แก๊กต์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Kisatsu (คุย | ส่วนร่วม)
ปรับแก้ +เนื้อหา
Kisatsu (คุย | ส่วนร่วม)
แจ้งลิงก์ข้ามภาษา +เก็บกวาดทันใจด้วยสคริปต์จัดให้
บรรทัด 1:
{{ลิงก์ไปภาษาอื่น}}
{{กล่องข้อมูล นักร้อง
| ชื่อ = [[ภาพ:Logo_gackt_withe3.gif|center|แก๊กต์]]
| ประเภท = นักร้อง
| ภาพ = Gackt351.jpg
| คำบรรยายภาพ = แก๊กต์จากการแสดงสดของวง S.K.I.N. ที่งาน Anime Expo convention ใน ลอง บีช,แคลิฟอร์เนีย พ.ศ. 2550
| ขนาดภาพ =
| ภาพแนวนอน =
| ชื่อจริง = ซาโตรุ โอคาเบะ「岡部学」<br>ชื่อในวงการ : แก๊กต์ (Gackt) <br>หรือ กัคคุโตะ คามุอิ「神威楽斗」
| ชื่อเล่น = กัคคุโตะ, กั๊คคุง, กั๊จจัง, จี, มาโอซามะ, โอยากาตะซามะ และอื่นๆ
| วันเกิด = [[4 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2517]]
| วันที่เสียชีวิต =
เส้น 32 ⟶ 33:
=== ชีวิตวัยเด็ก ===
 
แก๊กต์ คามุอิ เกิดที่จังหวัด [[โอกินาว่า]] ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ [[4 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2517]] ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเขาบอกเพียงแต่วันและเดือนที่เกิด อย่างไรก็ตาม ใน DVD The Sixth Day & Seventh Night (ดูเพิ่มที่ <ref>[http://us.imdb.com/title/tt0484488/แก๊กต์Live Tour 2004: The Sixth Day and Seventh Night - Final] imdb.com) </ref> ได้โชว์ป้ายหลุมศพที่ใช้ในการแสดงสดซึ่งได้สลักข้อความว่า "Gackt 1973~2007" ซึ่งก็บอกความเป็นนัยๆได้ว่าแก๊กต์เกิดในปี ค.ศ. 1973 หรือ [[พ.ศ. 2517]] นั่นเอง ครอบครัวของเขาประกอบด้วย พี่สาว แม่ซึ่งมักบังคับให้เขาเรียนเปียโนทั้งๆ ที่เขาเกลียดมันมากที่สุด และพ่อเป็นนักดนตรี[[แจ๊ส]]ที่เล่น[[ทรัมเป็ต]] ความสัมพันธ์ระหว่างแก๊กต์และพ่อของเขาไม่ดีนัก พวกเขามักต่อยตีกันเป็นประจำ และแก๊กต์มักจะแพ้พ่ออยู่เสมอ เพราะฉะนั้นในสมัยแก๊กต์ยังเด็ก เขามักจะมองพ่อของตนเป็นคู่แข่งคนสำคัญที่ต้องข้ามผ่านไปให้ได้
 
แก๊กต์เป็นเด็กไม่อยู่นิ่งและชอบที่จะเสี่ยงอันตราย นอกจากนี้เขายังเป็นเด็กที่มีความคิดแปลกประหลาด และลึกซึ้งเกินเด็กธรรมดาทั่วๆ ไป (เห็นได้จากที่แก๊กต์เคยเขียนไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติ <ref name="Jihaku">Jihaku, Kobunsha Co., Ltd., ISBN 4-3349-7412-0</ref> ของตัวเองว่า เขาเคยฝันอยากเป็นผู้ก่อการร้าย และวิธีการเอาตัวรอดจากการถูกขังลืมอยู่ในโรงพยาบาลเนื่องจากอาการที่แพทย์ลงความเห็นว่า "เขาป่วย" ซึ่งจะกล่าวในโอกาสต่อไป)
เส้น 70 ⟶ 71:
 
=== สัตว์เลี้ยง ===
* "เบล" หรือชื่อเต็ม "เบล คอนสแตนติน แชปปี้" (Belle Constantine Chappy) สุนัขพันธ์มินิเอเจอร์ดัชชุน เสียชีวิตเมื่อวันที่ [[8 ธันวาคม]] [[พ.ศ. 2550]] <ref>[http://www.skin-band.net/invboard/index.php?showtopic=1157 Belle Constantine Chappy, Rest in Peace, น้องเบลเสียชีวิตแล้ว] skin-band.net {{th icon}}</ref>
* "เมย์" แมวพันธุ์เมนคูน
* "เอเนล" สุนัขพันธุ์ลองโค้ทชิวาว่า
เส้น 83 ⟶ 84:
:''ดูบทความหลักที่ [[Malice Mizer]]
แก๊กต์ได้เจอกับ [[มาน่า]] ซึ่งก็ได้ชวนเขาเข้าวง[[วิช่วล เคย์]] ที่มีชื่อว่า [[Malice Mizer]]
ในปี [[พ.ศ. 2538]] โดยแก๊กทำหน้าที่ร้องนำและเล่นเปียโน ในช่วงที่เขาอยู่ Malice Mizer แก๊กต์ทำการปิดบังชื่อจริง อายุ และที่อยู่ทั้งหมด เพื่อให้เข้ากับประวัติของสมาชิกในวงคนอื่นๆ โดยการแต่งกายของวงในช่วงนี้จะออกแนวขุนนาง [[ฝรั่งเศส]] เน้นที่สีสันที่ฉูดฉาด และให้อารมณ์ [[โกธิก]]<ref name="malice mizer">[http://en.wikipedia.org/wiki/Malice_Mizer Malice Mizer]wikipedia.org {{en icon}}</ref><ref>การแต่งกายสไตล์ "โกธิก" (Gothic fashion) เป็นการแต่งกายซึ่งเน้น"สีดำ" เป็นหลัก เช่นการทำผมดำ,ทาขอบตา/ปากดำ,และแต่งตัวดำทั้งชุด โดยการแต่งกายนี้มีให้เห็นมากทางฝั่งยุโรป และในวงดนตรีร็อก (ดูเพิ่มที่ [http://en.wikipedia.org/wiki/Gothic_fashion Gothic_fashion]จากวิกิพีเดียภาษาอังกฤษ ([http://en.wikipedia.org/ http://en.wikipedia.org/]) {{en icon}}) </ref>
 
แก๊กต์เปิดตัวครั้งแรกในอัลบั้ม ''Voyage~sans retour'' ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับวงอย่างรวดเร็ว<ref name="malice mizer"/> และใน [[พ.ศ. 2540]] ทางวงได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงใหญ่อย่าง [[Nippon Columbia]]<ref>[http://columbia.jp/ columbia.jp/]เว็บไซต์ของ Nippon Columbia {{ja icon}}</ref> หลังจากนั้นทางวงก็มีผลงานอย่างมากมายทั้งซิงเกิล และหนังสั้นอย่าง ''Bel Air ~Kuuhaku no Shunkan no Naka De~ de L'Image'' ในปี [[พ.ศ. 2541]] ทางวงได้ปล่อยอัลบั้มที่สามที่ชื่อว่า ''Merveilles'' ภายใต้สังกัด Nippon Columbia และในช่วงนี้ทางวงยังมีรายการวิทยุเป็นของตัวเองอีกด้วย<ref name="malice mizer">
เส้น 96 ⟶ 97:
หลังจากแก็กต์ออกจาก Malice Mizer เค้าก็เริ่มงานศิลปินเดี่ยวในปี [[พ.ศ. 2542]] โดยมีวงแบ็กอัพคือ "GacktJOB" ซึ่งประกอบไปด้วย
 
ยู (ไวโอลิน/กีตาร์) , ชาช่ามารุ (ลีดกีตาร์) , มาสะ (กีตาร์) , เร็น (เบส) , โทชิ (กลอง) , โยช (แด๊ซเซอร์) , และอิกาโอะ (คีย์บอร์ด)
ภายหลังสมทบด้วย ริว และ จู-เคน และแก๊กต์ยังได้ตั้ง ''เดียร์ส'' (Dears) เป็นชื่อทางการของแฟนคลับเค้าอีกด้วย โดยเขาประสบความสำเร็จอย่างงดงามในฐานะศิลปินเดี่ยว<ref name=asiafinest>หัวข้อ Solo career จากเว็บไซต์ [http://www.asiafinest.com/japanese/gackt.htm ประวัตโดยย่อของGackt] asiafinest.com {{en icon}}</ref> ด้วยคาแรกเตอร์ที่เป็นคนเงียบๆ ลึกลับปนตลกของเขา ทำให้เขามีแฟนคลับมากมายแม้กระทั่งต่างประเทศ เขาจึงก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินแนวหน้าของญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว<ref name=asiafinest/>
 
แก๊กต์เริ่มต้นงานเดี่ยวครั้งแรกด้วยการปล่อยมินิอัลบั้ม "[[Mizerable]]"<ref name=disco>[http://www.dears.ne.jp/discography.html แก๊กต์~Dears~] หน้า discography dears.ne.jp {{ja icon}}</ref> ออกมา ซึ่งแนวเพลงยังคงมีกลิ่นอาย โกธิก และ คลาสสิก ร็อก{{ต้องการอ้างอิงเฉพาะส่วน}} เหมือนเมื่อสมัยเขาอยู่ Malice Mizer โดยภายในอัลบั้มได้บรรจุเพลง ''Story'' ซึ่งภายหลังได้นำมาอัดใหม่ และเปลี่ยนชื่อเป็น ''Saikai ~Story~''<ref name=disco/> ซึงกลายเป็นซิงเกิลในปี [[พ.ศ. 2543]] นอกจากนี้ในอัลบั้มนี้ยังสามารถขึ้นไปถึงอันดับสองใน Oricon Chart ได้สำเร็จอีกด้วย<ref name="gacktoricon"/>
 
ในปี พ.ศ. 2543 แก๊กต์ได้ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรก "[[MARS]]"<ref name=disco/> ออกมา โดยภายในอัลบั้มได้บรรจุเพลง ''U+K'' ซึ่งแก๊กต์แต่งเพลงนี้เพื่อระลึกถึง [[คามิ]]<ref>คำว่า U+K มาจาก อุเคียว คามิมูระ (Ukyou Kamimura) ซึ่งเป็นชื่อจริงของคามิ ดูเพิ่มเติมที่หน้า [http://www.senshigakuen.com/translations/lyrics/gackt/u+k.htm U + K] หัวข้อ Note บรรทัดที่2 {{en icon}}</ref> มือกลองวง [[Malice Mizer]] เพื่อนสนิทของเขาที่เสียชีวิตไปเมื่อปี พ.ศ. 2542 นอกจากนี้อัลบั้มนี้ยังบรรจุเพลงยอดฮิตอย่าง ''Vanilla'' ซิงเกิลที่สองเข้าไปอีกด้วย นอกจากนี้แก๊กยังมีผลงานอย่างต่อเนื่อง และออกอัลบั้มต่อมา "[[Rebirth]]"<ref name=disco/> ในปี [[พ.ศ. 2544]] แนวเพลงของแก๊กต์ก็เปลี่ยนไปกลายเป็น [[เจ-ป็อป]]{{ต้องการอ้างอิงเฉพาะส่วน}} แต่ยังคงไม่ทิ้งความเป็นร็อกของตนออกไป
 
ในปี [[พ.ศ. 2545]] แก๊กต์ได้ปล่อยอัลบั้ม "[[Moon]]"<ref name=disco/> โดยตัวอัลบั้มไม่ได้บรรจุบุ๊็กเล็ทมาด้วยบุ๊กเล็ทมาด้วย มีเพียงแค่ข้อความสั้นที่ให้ผู้ซื้อใช้ "[[ความรู้สึก]]" ในการเดาเรื่องราวของอัลบั้ม{{ต้องการอ้างอิงเฉพาะส่วน}} ตัวอัลบั้มยังบรรจุเพลงยอดฮิตอย่าง [[ANOTHER WORLD]] และตัวอัลบั้มยังสามารถขึ้นไปถึงอันดับสองใน Oricon Chart อีกด้วย<ref name="gacktoricon"/>
 
ในปี [[พ.ศ. 2546]] อัลบั้มเต็มชุดที่สี่ "[[Crescent]]"<ref name=disco/> ก็วางขาย ซึ่งชื่อของอัลบั้มนี้หมายถึง "ดวงจันทร์ครึ่งซีก" ซึ่งแก๊กต์จงใจที่จะทำให้อัลบั้มนี้มีความ "เกี่ยวโยง" กับอัลบั้ม ''Moon''{{ต้องการอ้างอิงเฉพาะส่วน}} โดยตัวอัลบั้มได้แถมบุ๊กเล็ทของอัลบั้ม ''Moon'' มาด้วย นอกจากนี้ในอัลบั้มนี้ยังบรรจุเพลง "Orenji no Taiyou" (オレンジの太陽) ซึ่งเป็นเพลงประกอบหนังเรื่อง ''Moonchild'' ซึ่งได้ [[ไฮด์]] นักร้องนำจากวง [[L'Arc~en~Ciel]] มาร่วมร้องอีกด้วย
 
ในปี [[พ.ศ. 2547]] แก๊กต์ได้ปล่อยอัลบั้ม "[[The Sixth Day: Single Collection]]"<ref name=disco/> และ "[[The Seventh Night: Unplugged]]"<ref name=disco/> ซึ่งเป็นอัลบั้ม Compilations โดย The Sixth Day เป็นการรวมซิงเกิลยอดฮิตของแก๊กเข้าไว้ด้วยกัน ส่วน The Seventh Night เป็นการนำเพลงยอดฮิตในอัลบั้มเก่ามารีมิกซ์กลายเป็นเพลงแนว[[อาคูสติก]]ทั้งหมด
 
ต่อมาในปี [[พ.ศ. 2548]] แก๊กต์ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดที่ห้า "[[Love Letter]]"<ref name=disco/> ออกมาโดยเพลงในอัลบั้มนี้เป็นเพลงแนวอาคูสติกทั้งหมด นอกจากนี้แก๊กต์ยังได้ปล่อยอัลบั้มพิเศษ "[[Love Letter - For Korean Dears]]" โดยการนำเพลง 7 เพลงจากอัลบั้ม Love Letter มาร้องใหม่เป็น[[ภาษาเกาหลี]]เพื่อแฟนชาวเกาหลีโดยเฉพาะ<ref>[http://www.annyoung.com/cdstore/merchant.mv?Screen=PROD&Store_Code=ANMS&Product_Code=1j1010000387 Love Letter - For Korean Dears-Korean Music CD Store on the Web]จาก annyoung.com {{ko icon}}</ref> โดยตัวอัลบั้มวางขายในปีเดียวกัน ปลายปี พ.ศ. 2548 แก๊กต์ได้ออกอัลบั้มเต็มชุดที่หก [[Diabolos]]<ref name=disco/> โดยตัวเพลงได้กลับมาเป็นสไตล์ ป็อป/ร็อก อีกครั้ง{{ต้องการอ้างอิงเฉพาะส่วน}}
 
ใน [[วันคริสมาสต์]] พ.ศ. 2548 แก๊กต์ได้มีโอกาสขึ้น[[โตเกียวโดม]]เป็นครั้งแรกใน[[คอนเสิร์ต]]ที่ใช้ชื่อว่า ''Diabolos Tour'' หลังจากนั้นเขาก็หายหน้าไปในปี [[พ.ศ. 2549]] ก่อนที่จะกลับมาอีกครั้งในปี [[พ.ศ. 2550]] <ref>หน้า [http://us.imdb.com/title/tt0810393/ แก๊กต์Live Tour 2005: Diabolos - Aien no Shi to Seiya no Namida] จากเว็บไซต์ imdb.com {{en icon}}</ref>
เส้น 117 ⟶ 118:
แก๊กต์ได้ปล่อยซิงเกิลและอัลบั้มยอดฮิตอีกมากมายเช่น [[ANOTHER WORLD]] ในปี [[พ.ศ. 2544]] ,[[君が追いかけた夢]] [Kimi ga oikaketa yume] ในปี [[พ.ศ. 2546]] ,[[君に逢いたくて]] [Kimi ni aitakute] ในปี [[พ.ศ. 2547]] และ [[Metamorphoze~メタモルフォーゼ~]] ในปี [[พ.ศ. 2548]] โดยทุกเพลงสามารถขึ้นไปถึงอันดับสองของ Oricon Chart ได้สำเร็จ<ref name="gacktoricon">[http://www.oricon.co.jp/news/rankmusic/45823 แก๊กต์กับความสำเร็จบทโอริก้อน] จาก www.oricon.co.jp {{ja icon}}</ref>
 
วันที่ [[20 มิถุนายน]] พ.ศ. 2550 แก๊กต์ได้วางแผงซิงเกิลใหม่์ใหม่ที่ชื่อว่า"Returner~Yami no Shuuen~" 「Returner~闇の終焉~」<ref>[http://www.crownrecord.co.jp/artist/gackt/new_release.html ข้อมูลวันวางจำหน่ายซิงเกิลReturner~Yami no Shuuen~] {{ja icon}}</ref><ref name=disco/> และสามารถขึ้นอับดับหนึ่งใน Oricon Chart เป็นครั้งแรกได้สำเร็จ <ref name="gacktoricon"/>
 
วันที่ [[21 ธันวาคม]] พ.ศ. 2550 แก๊กต์จะวางแผงอัลบั้มใหม่ที่ชื่อว่า "0079-0088" เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อ [[โทมิโนะ โยชิยูกิ]] บิดาแห่งการตูนเรื่อง "[[โมบิลสูทกันดั้ม|Kidou Senshi Gundam]]" โดยอัลบั้มนี้จะบรรจุเพลงทั้งหมด8เพลง ซึ่งเพลงทั้งหมดเป็นเพลงจากการตูนเรื่อง "Kidou Senshi Gundam" โดย5เพลงแรกเป็นเพลงที่แก๊กต์ได้แต่งไว้ให้การตูนที่เข้าฉายในโรงภาพยนต์ภาพยนตร์เมื่อปี พ.ศ. 2548 และ 2549 คือ "[[Kidou Senshi Z Gundam]]" ทั้งสามภาค และอีกสามเพลงจะเป็นเพลงของกันดั้มภาคต่างๆที่แก๊กต์นำมาร้องใหม่ทั้งหมด ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่แก๊กตืได้นำเพลงของคนอื่นมาร้องใหม่อีกด้วย<ref>[http://www.japankiku.com/jnews/2007nov05.htm แก๊กต์วางแผนอัลบั้ม "Gundam album" เดือนธันวานี้] จาก www.japankiku.com {{th icon}}</ref>
 
=== S.K.I.N. ===
เส้น 130 ⟶ 131:
=== อัลบั้ม ===
:''ดูบทความหลักที่ [[ผลงานของแก๊กต์]]
แก๊กต์เริ่มผลงานโซโล่ตั้งแต่ปี [[พ.ศ. 2542]] ปัจุบันมีซิงเกิลทั้งหมด 28 ซิงเกิล อัลบั้มทั้งหมด 10 อัลบั้ม โดยเป็นสตูดิโออัลบั้ม 7 อัลบั้ม อัลบั้มรีมิกซ์ 2 อัลบั้ม และอัลบั้มรวมเพลง 1 อัลบั้ม
 
{| class="wikitable"
เส้น 162 ⟶ 163:
 
=== งานเขียน ===
แก๊กต์ได้เขียนนิยายออกมาหนึ่งเล่มคือ ''Moonchild: Requiem'' (ซึ่งต่อมาก็ถูกสร้างเป็หนัังเป็หนังดังที่กล่าวข้างบน) <ref>[http://moon-requiem.livejournal.com/730.html#cutid1 บทสัมพาทย์ Moonchild: Requiem โดยแก๊กต์] livejournal.com {{en icon}}</ref> และหนังสือชีวะประวัตตัวเองที่ชื่อว่า Jihaku<ref name="Jihaku"/>
 
=== แฟชั่น,ดีไซน์,ออกแบบ ===
เส้น 174 ⟶ 175:
 
=== การ์ตูน ===
แก๊กต์ยังมีงานร้องเพลงประกอบการ์ตูนดังๆมากมายอย่าง '' Shin Hokuto no Ken'' (หมัดดาวเหนือ) นอกจากนี้เขายังได้ให้เสียงเป็น "เซย์จิ" ตัวละครใหม่ที่ปรากฎปรากฏในภาคนี้ด้วย <ref>[http://www.imdb.com/title/tt0367037/fullcredits ข้อมูลของ Shin Hokuto no Ken] www.imdb.com {{en icon}}</ref><ref name="แก๊กต์Camui"/>,''Texhnolyze''<ref>[http://www.texhnolyzedvd.com/ เว็บไซต์ของการตูนเื่รื่องเ่รื่อง Texhnolyze] www.texhnolyzedvd.com {{ja icon}}</ref><ref name="แก๊กต์Camui"/> และหนังการ์ตูนไตรภาคอย่าง ''[[โมบิลสูทเซต้ากันดั้ม]]''<ref name="แก๊กต์Camui"/> และ หนังอนิเมชั่นเรื่อง "อาร์เธอร์ ทูตจิ๋วเจาะขุมทรัพย์มหัศจรรย์" ให้เสียงในบท Maltazard <ref>[http://www.skin-band.net/invboard/index.php?showtopic=618 Gackt, be a voice actor for the movie, "Arthur and the Minimoys"] skin-band.net {{th icon}}</ref>
 
=== สมุดรวมภาพถ่าย ===
เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/wiki/แก๊กต์"