ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วัดพนัญเชิงวรวิหาร"

แก้ไขตำแหน่งรูปภาพ
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
เพิ่มเติมเนื้อหาวัดพนัญเชิงวรวิหาร ให้สมบูรณ์
แก้ไขตำแหน่งรูปภาพ
บรรทัด 46:
 
== '''จุดน่าสนใจ''' ==
[[ไฟล์:วัดพนัญเชิงวรวิหาร 8.JPG|thumb|300x300px|พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อโต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของวัดพนัญเชิง]]
 
=== '''หลวงพ่อโต''' ===
หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายกพระพุทธรูปศิลปะอู่ทองตอนปลาย ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ ขนาดหน้าตักกว้าง ๑๔.๒๐ เมตร สูง ๑๙.๒๐ เมตร วัสดุ ปูนปั้นลงรักปิดทองหลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก หรือพระโตของชาวอยุธยาองค์นี้ ถือกันว่าเป็นพระโบราณคู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาแต่แรกสร้างกรุง พงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ระบุว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๑๘๖๘ หรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ สถาปนากรุงศรีอยุธยา ๒๖ ปีและเมื่อกรุงศรีอยุธยาใกล้จะแตกปรากฏในคำให้การขาวกรุงเก่าว่าพระปฏิมากรใหญ่ที่วัดพนัญเชิงมีน้ำพระเนตรไหลเป็นที่อัศจรรย์ หลวงพ่อโตเป็นพระองค์หนึ่งซึ่งเป็นที่เคารพนับถือในหมู่ชาวจีนมากโดยเรียกกันว่า“ซำปอกง” นอกจากชาวไทยแล้วยังมีผู้มีเชื้อสายจีนหลั่งไหลกันมากราบไหว้บูชาจำนวนมากและเป็นประจำทุกปี[[ไฟล์:พระพุทธรูปทอง นาก ปูน.jpg|thumb|300x300px|พระพุทธรูปทองคำ ปูน และนาก อยู่ภายในพระอุโบสถ ]]
 
=== พระพุทธรูปทองคำในพระอุโบสถ ===
[[ไฟล์:วัดพนัญเชิงวรวิหาร 8.JPG|thumb|300x300px|พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อโต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของวัดพนัญเชิง]]
[[ไฟล์:พระพุทธรูปทอง นาก ปูน.jpg|thumb|300x300px|พระพุทธรูปทองคำ ปูน และนาก อยู่ภายในพระอุโบสถ ]]
ในพระอุโบสถวัดพนัญเชิงนั้นมีพระพุทธรูปสำคัญ 3 องค์ คือพระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปปูน และพระพุทธรูปนาค พระพุทธรูปทองเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยทำจาทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 3 ศอก สูง 4 ศอก มีสีทองอร่ามใสเป็นเงาสะท้อนอย่างชัดเจน องค์กลางเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสมัยอยุธยาหน้าตักกว้าง 4 ศอก สูง 5 ศอก ส่วนพระพุทธรูปนาคเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยนั้นจะมีสีออกแดงๆหน้าตักกว้าง 3 ศอก สูง 5 ศอก กล่าวกันว่าพระพุทธรูปทองและนาคนี้เพิ่งถูกพบว่าเป็นพระทองและพระนาค ด้วยบังเอิญ เนื่องจากแต่เดิมทีพระทั้งสององค์ถูกฉาบ เคลือบด้วยปูน จนมีลักษณะคล้ายกับพระพุทธรูปปูนปั้นทั่วไป สาเหตุคงเพราะว่าช่วงเวลาก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะถูกข้าศึกบุกตีพระนคร คนในสมัยนั้นเกรงว่าพระพุทธรูปทองและพระพุทธรูปนาคนี้จะถูกขโมยหรือเผาเอาทองไปจึงได้ฉาบปูนเคลือบและปั้นปูนในขณะที่ปูนยังไม่แห้งเพื่อทำเป็นลายจีวรและลักษณะต่างๆเช่น ปั้นรูปพระพักตร์ พระเกศา เพื่อให้เข้าใจว่าไม่ใช่พระทองคำและพระนาค จนกระทั่งในภายหลังมีผู้ไปค้นพบว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำเนื่องจากเศษปูนได้กะเทาะออกมาและเนื้อภายในเป็นทอง จึงได้ค่อยๆกะเทาะปูนออกให้หมด จึงได้เห็นว่าเป็นพระทองคำทั้งองค์และนำมาประดิษฐานอยู่ภายพระอุโบสถของวัด
 
เส้น 62 ⟶ 59:
 
ศาลพระนางสร้อยดอกหมากนั้นเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและศิลปะแบบจีน ป้ายหน้าศาลมีทั้งอักษรไทยและจีน เขียนว่า เปยเหนียง หากแปลแยกจะได้ความว่า หญิงสาวผู้โศกเศร้า แต่หากแปลรวมจะหมายถึง พระแม่ผู้เปี่ยมเมตตา ตัวศาลเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น ตกแต่งลวดลายปูนปั้นสวยงาม ชั้นล่างเป็นเจ้าที่ ส่วนชั้น 2 ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งนับถือกันว่าเป็นตัวแทนรูปเคารพของพระนางสร้อยดอกหมาก อีกทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่สร้อยดอกหมากที่แต่งองค์แบบจีน ชาวจีนให้ความเคารพนับถือมาก แทบทุกคนเมื่อมาปิดทองหลวงพ่อโตในพระวิหารแล้ว จะต้องแวะมาสักการะองค์เจ้าแม่สร้อยดอกหมากด้วย ที่สำคัญศาลแห่งนี้ยังเก็บสมอเรือเก่าแก่ไว้อันหนึ่ง เชื่อกันว่าเป็นสมอเรือของพระนางสร้อยดอกหมากนั่นเองความศักดิ์สิทธิ์และอภินิหารของเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก มีผู้กล่าวขานมาเนิ่นนาน ว่ากันว่าท่านเป็นผู้ถือพระองค์ และมีรักเดียวใจเดียวต่อพระเจ้าสายน้ำผึ้ง ไม่โปรดให้ผู้ชายเข้าไปแตะต้องพระรูปของท่านไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อหลายสิบปีก่อนเคยมีผู้ชายเข้าไปทำความสะอาดพระรูปเจ้าแม่ ปรากฏว่า เมื่อชายผู้นั้นกลับไปบ้านก็เกิดเจ็บอย่างกะทันหันและถึงแก่ความตายไปโดยไม่รู้สาเหตุ และหากย้อนหลังไปอีก เหตุการณ์เช่นกรณีนี้ก็เคยมีผู้ชายเข้าไปทำความสะอาดพระรูปเจ้าแม่แล้วถึงแก่ความตายถึง 2 คน และเป็นความตายโดยฉับพลันทั้งสิ้น จึงเป็นที่รู้กันว่า เจ้าแม่ไม่ยินดีและไม่ยอมให้ชายคนใดถูกพระวรกายของท่าน แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ เวลามีงานงิ้วเดือน 9 ของวัดพนัญเชิง ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก จะมีการทำพิธีบูชาเจ้าแม่ การแห่เจ้าแม่ออกนอกศาลก็เพียงแต่ใช้วิธีอัญเชิญเอาเฉพาะกระถางธูปออกไปเท่านั้น ในงานนี้จะมีบรรดาคนทรงเจ้าแม่สร้อยดอกหมากมาจากทั่วทุกสารทิศ เล่ากันว่าเมื่อประทับทรงเจ้าแม่สร้อยดอกหมากนั้น ร่างทรงซึ่งปกติจะพูดภาษาจีนไม่ได้เลย ก็กลับกลายเป็นพูดจีนได้อย่างน่าอัศจรรย์ สมัยก่อนเจ้าหน้าที่ประจำศาลเจ้าแม่เป็นคนจีน ฟังภาษาจีนและพูดภาษาจีนได้เล่าว่า เจ้าแม่สร้อยดอกหมากเคยถามหาทรัพย์สมบัติโบราณที่พระองค์นำมาจากเมืองจีนและเคยเก็บรักษาไว้ที่นี่ ตอนนี้เอาไปเก็บเสียที่ไหนแล้ว และที่สำคัญเจ้าหน้าที่ที่ดูแลศาลเคยเห็นเจ้าแม่มาแล้ว ท่านจะแต่งชุดจีนสีขาว พระพักตร์สวยมาก
 
[[ไฟล์:DJI WPC.jpg|thumb|305x305px|ภาพมุมสูงวัดพนัญเชิงวรวิหารในปัจจุบัน]]
ปัจจุบันความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่ก็ยังคงมีอยู่ ใครมาบนบานขออะไรท่านไม่ว่าจะขอลูก ขอความสำเร็จหรือขอให้มีความรักก็มักจะได้ตามนั้น จนมีผู้นำของมาแก้บนเต็มไปหมด โดยส่วนมากจะบนด้วยสร้อยไข่มุก เครื่องสำอาง สิงโตเชิด และเครื่องสังเวย
 
ตำนานรักเรื่อง “เจ้าชายสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมาก” ยังเป็นตำนานแห่งการสร้างวัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งทำให้ต่างมีความเชื่อกันว่า เจ้าแม่สร้อยดอกหมากสามารถดลบันดาลให้ผู้ที่กราบไหว้ได้สมปรารถนาดังที่ขอไว้ได้ทุกเรื่องทุกประการ[[ไฟล์:DJI WPC.jpg|thumb|305x305px|ภาพมุมสูงวัดพนัญเชิงวรวิหารในปัจจุบัน]]
 
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}