ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หะยีสุหลง"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 29:
หะยีสุหลง เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2438 ที่หมู่บ้านกำปงอาเนาะรู (หมู่บ้านลูกสน) [[มณฑลเทศาภิบาล|มณฑลปัตตานี]] เมื่อเติบโตขึ้นมา บิดาได้ส่งไปเรียนศาสนาที่[[มักกะฮ์|นครเมกกะ]] [[ประเทศซาอุดีอาระเบีย]] จนแตกฉานทั้งในเรื่องศาสนา ปรัชญา และภาษาทางมุสลิม ที่นั่น หะยีสุหลงได้สมรสกับภริยาคนแรก โดยที่ไม่มีบุตรด้วยกัน ต่อมาภริยาได้เสียชีวิตลง หะยีสุหลงจึงสมรสใหม่กับนางคอดีเยาะห์ บุตรี มุฟตี[[รัฐกลันตัน]] (ตำแหน่งมุฟตีเทียบเท่า[[จุฬาราชมนตรี]]ของประเทศไทย) ภริยาคนที่สอง ทั้งคู่มีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน แต่ต่อมาบุตรชายก็เสียชีวิตลงเมื่ออายุได้ขวบเศษ ๆ เท่านั้น ทั้งคู่จึงตัดสินใจเดินทางกลับมายัง[[ประเทศไทย]]<ref name="ตอบ"/>
 
หะยีสุหลง ตั้งใจจะกลับมาเผยแพร่ศาสนาที่มณฑลปัตตานี อันเป็นบ้านเกิด ได้เดินทางกลับมาเมื่อปี พ.ศ. 2470 ก่อนจะพบว่าชาวมุสลิมที่นั่นยังมีสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้นและนับถือภูติผีอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งขัดกับหลักทางศาสนาอิสลามอย่างรุนแรง จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ก่อตั้งโรงเรียนสอนศาสนา หรือ[[ปอเนาะ]] ขึ้นมาเป็นแห่งแรก ด้วยเงินเริ่มต้นที่รวบรวมหามาได้ 3,500 บาท ต่อมาเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อปี พ.ศ. 2475 ใน[[คณะรัฐมนตรีคณะที่ 3 ของไทย|รัฐบาล]]ที่มี [[พจน์ พหลโยธิน|พระยาพหลพลพยุหเสนา]] เป็นนายกรัฐมนตรี หะยีสุหลงได้เดินทางเข้าสู่[[พระนคร]]เพื่อขอความช่วยเหลือจากทางรัฐบาล ก็ได้เงินช่วยเหลือจากภาครัฐมาอีก 3,500 บาท รวมเป็น 7,000 บาท ปอเนาะแห่งแรกในประเทศไทยจึงถือกำเนิดขึ้นมาได้<ref name="ตอบ"/>
 
== การเมือง ==
หะยีสุหลง ได้เกี่ยวพันกับทางการเมืองและ[[เบื้องหลังของความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย|ความขัดแย้งในพื้นที่]]ซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นคงของราชอาณาจักร เมื่อเป็นผู้นำเสนอข้อเรียกร้อง 7 ข้อ ที่ให้ความเป็นธรรมและสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวมุสลิมในพื้นที่ต่อ[[คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 17|รัฐบาลไทย]]ที่มีพลเรือตรี [[ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์]] เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี เมื่อปี พ.ศ. 2490 แต่ต่อมาได้เกิดการ[[รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2490|รัฐประหารขึ้นเมื่อปลายปีเดียวกัน]] ได้มีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลมาเป็นขั้วของ[[จอมพล ป.พิบูลสงคราม]] ซึ่งมีอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างจากขั้วอำนาจเดิม ข้อเรียกร้องทั้ง 7 ข้อ ของหะยีสุหลงถูกเพ่งเล็งว่าเป็นกบฏกระด้างกระเดื่องต่อความมั่นคงของราชอาณาจักร จนในที่สุดถูกจำคุกในข้อหาปลุกระดมและก่อการกบฏเพื่อแบ่งแยกดินแดน ซึ่งหะยีสุหลงถูกจัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 4 ปี 8 เดือน โทษฐานกล่าวร้ายรัฐบาลในเอกสารที่แจกจ่ายยังประชาชนในท้องถิ่น ส่วนโทษฐานแบ่งแยกดินแดน ศาลพิจารณาให้ยก<ref>[http://www.oknation.net/blog/print.php?id=48931 เรื่องของหะยี สุหลง ปฐมเหตุของสถานการณ์ใต้?]</ref>
 
== การหายสาบสูญ ==
เมื่อพ้นโทษออกมา หะยีสุหลงก็ยังถูกคุกคามจากทางอำนาจรัฐ จนกระทั่งใน[[โพล้เพล้|เช้าตรู่]]ของวันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2497 หลังจากเสร็จจาก[[ละหมาด]]ในตอนเช้าแล้ว หะยีสุหลงพร้อมกับ นายอาหมัด โต๊ะมีนา บุตรชายคนโตวัย 15 ปี ซึ่งทำหน้าที่เป็นล่ามภาษาไทย เนื่องจากหะยีสุหลงไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ ได้เดินทางออกจากบ้านพักส่วนตัวที่จังหวัดปัตตานี ไปยังกองบัญชาการตำรวจสันติบาลที่จังหวัดสงขลา พร้อมด้วยพรรคพวกอีก 2 คน รวมเป็น 4 คน ก่อนที่ทั้งหมดจะหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย นำมาซึ่งความเชื่อว่าทั้งหมดถูกฆาตกรรมทางการเมืองด้วยฝีมือของตำรวจ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ภายใต้การบัญชาการของ พลตำรวจเอก [[เผ่า ศรียานนท์]] อธิบดีกรมตำรวจและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ซึ่งเป็นเสมือนมือขวาสำคัญของจอมพล ป. นายกรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องราวการหายตัวไปของหะยีสุหลงเป็นข่าวอย่างครึกโครม โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปจนถึง[[มาเลเซีย]] และ[[สิงคโปร์]]<ref name="ตอบ"/><ref>''ตำรวจพัวพันการหายตัวของนายหะยี สุหลง'', หน้า 60. กาลานุกรมสยามประเทศไทย 2485-2554 โดย ชาญวิทย์ เกษตรศิริ (มีนาคม, 2555) ISBN 978-974-228-070-3</ref>
 
ทางครอบครัว ภริยาและนาย[[เด่น โต๊ะมีนา]] บุตรชายของหะยีสุหลงได้เดินทางเข้าสู่พระนครเพื่อติดตามเรื่องราว ก็ไม่ได้ความคืบหน้าใด ๆ แต่ก็ได้รับทราบเพียงว่าเป็นการฆาตกรรมทางการเมืองโดยบุคคลของภาครัฐเองจากปากคำของ ท่านผู้หญิง [[ละเอียด พิบูลสงคราม]] ภริยาของจอมพล ป. จนกระทั่งมีการ[[รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2500|รัฐประหารในปี พ.ศ. 2500]] รัฐบาลได้เปลี่ยนขั้วอีกครั้งเมื่อจอมพล [[สฤษดิ์ ธนะรัชต์]] ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้มีการรื้อฟื้นคดีนี้ขึ้นมาอีกครั้ง โดยมี พลตำรวจตรีฉัตร หนุนภักดี เป็นประธาน ในที่สุดนายตำรวจผู้ที่ลงมือในการฆาตกรรมครั้งนี้ก็รับสารภาพว่าได้สังหารบุคคลทั้ง 4 ในบังกะโลริม[[ทะเลสาบสงขลา]] จากคำสั่งโดยตรงทางโทรศัพท์ของรัฐบาลในขณะนั้น ผ่านทางผู้บังคับการตำรวจจังหวัดสงขลา ด้วยการใช้เชือกรัดคอและคว้านท้องศพทั้งหมดและอำพรางด้วยการนำศพไปผูกไว้กับแท่งซีเมนต์ในทะเลสาบสงขลา ใกล้กับเกาะหนู เกาะแมว ซึ่งเมื่อทุกอย่างกระจ่างได้มีการส่งนักประดาน้ำลงไปงมหาศพ แต่ด้วยระยะเวลาที่ผ่านไปหลายปีจากที่เกิดเหตุ ทำให้ไม่พบศพหรือเศษซากใด ๆ อีกแล้ว<ref name="ตอบ">''ตอบโจทย์'', "บทสัมภาษณ์ เด่น โต๊ะมีนา และ พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ทายาทของหะยีสุหลง". รายการทางไทยพีบีเอส: ศุกร์ที่ 8 มีนาคม 2556</ref>
 
== อ้างอิง ==