ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การบินไทย เที่ยวบินที่ 311"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ZeroSixTwo (คุย | ส่วนร่วม) |
|||
บรรทัด 24:
ท่าอากาศยานตรีภูวันในสมัยนั้นไม่มีเรดาห์ หอบังคับการจึงไม่ทราบตำแหน่งของเครื่องบิน การจะนำเครื่องบินลงจอดที่สนามบินแห่งนี้อาศัยการมองด้วยสายตาและการวิทยุประสานงานตำแหน่งเป็นระยะๆเท่านั้น ในวันที่เกิดอุบัติเหตุนั้น เป็นวันที่สภาพอากาศปิด นักบินสามารถมองเห็นทัศนียภาพได้เพียงไม่กี่ร้อยเมตร การนำเครื่องบินลงจอดจึงต้องอาศัยการประสานงานทางวิทยุเท่านั้น
จากการสอบสวนพบว่า เมื่อเครื่องบินกำลังลดระดับจากทิศใต้เพื่อลงจอดยัง[[ท่าอากาศยานนานาชาติตรีภูวัน]] หอบังคับการบินแจ้งว่าสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยในการเปิดใช้ทางวิ่ง ทำให้เครื่องบินต้องบินเลยไปเพื่อตัดสินใจว่าจะนำเครื่องลงจอดที่อินเดียหรือกลับกรุงเทพ แต่หลังจากนั้นไม่นาน หอบังคับการบินแจ้งว่าสภาพอากาศอยู่ในวิสัยที่จะสามารถนำเครื่องลงได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เครื่องบินได้บินผ่านสนามบินไปแล้วและต้องยูเทิร์นกลับไปยังจุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้งทางทิศใต้ การสอบสวนพบว่า ในระหว่างที่ทำการยูเทิร์นนี้ กัปตันเป็นผู้ทำหน้าที่วิทยุกับหอการบินเสียเอง ซึ่งปกติเป็นหน้าที่ของนักบินผู้ช่วย ขณะเดียวกันก็มีสัญญาณแจ้งเตือนแสดงผลขึ้นจำนวนมาก และเครื่องบินได้ทำการยูเทิร์น
ผู้สอบสวนได้ตั้งข้อสังเกตุว่า กัปตัน
เมื่อเครื่องบินขาดการติดต่อไป ทางการเนปาลก็ปูพรมค้นหาเครื่องบินบริเวณเทือกเขาทางทิศใต้ของกรุง[[กาฐมาณฑุ]]เป็นเวลามากกว่า 2 วันแต่ก็ไม่พบซากหรือชิ้นส่วนใดๆของเครื่องบิน จนกระทั่งมีชาวบ้านจากภูเขาทางเหนือมาบอกว่าได้ยินเสียงระเบิด ทางการจึงค้นหาที่เทือกเขาทางเหนือและก็พบซากเครื่องบินดังกล่าว หลังอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงดังกล่าวทำให้ทางการเนปาลนำเรดาห์มาติดตั้งยังท่าอากาศยานตรีภูวัน การบินไทยได้เปลี่ยนรหัสของเที่ยวบิน กรุงเทพ-กาฐมาณฑุ เป็น TG319/320 ใช้เครื่องโบอิง 777-200
|