ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ถนอม กิตติขจร"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
จอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ ถนอม กิตติขจร (11 สิงหาคม พ.ศ. 2454-16 มิถุนายน พ.ศ. 2547) เป็น อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของประเทศไทย |
ย้อนกลับไปรุ่นที่ 8992881 โดย BotKungด้วยสจห. ป้ายระบุ: ทำกลับ |
||
บรรทัด 57:
|battles =
}}
จอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ '''ถนอม กิตติขจร''' ([[11 สิงหาคม]] [[พ.ศ. 2454]]—[[16 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2547]]) เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีไทย และเป็นอดีต[[นายกรัฐมนตรี]]คนที่ 10 ของประเทศไทย [[ผู้บัญชาการทหารบก]] [[ผู้บัญชาการทหารสูงสุด]] [[รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย|รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม]] และ [[รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ]] ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาลใน[[เหตุการณ์ 14 ตุลา]] ปี 2516 ซึ่งเป็นเหตุการณ์การประท้วงของ นิสิต นักศึกษา และประชาชน โดยในเหตุการณ์ ทหารได้ใช้อาวุธสงครามเข้าปราบปรามนักศึกษาประชาชนที่ชุมนุมเรียกร้องรัฐธรรมนูญ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เป็นผลให้ จอมพล ถนอม กิตติขจร ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่ง และเดินทางออกจากประเทศ พร้อมกับ [[ประภาส จารุเสถียร|จอมพล ประภาส จารุเสถียร]] และ [[ณรงค์ กิตติขจร|พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร]] ภายหลังเหตุการณ์ จอมพล ถนอม กิตติขจร ก็ได้เดินทางกลับ แล้วบวชเป็นพระสามเณร เป็นชนวนไปสู่การ ขับไล่ ของ[[มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์|นักศึกษาธรรมศาสตร์]] จนโยงไปสู่[[เหตุการณ์ 6 ตุลา]] ปี 2519 ทำให้มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหายจำนวนมาก{{ต้องการอ้างอิงตรงนี้}}
จอมพล ถนอม กิตติขจร เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 4 สมัย เป็นระยะเวลาถึง 10 ปี 6 เดือนเศษ และนับจากการเปลี่ยนการปกครอง [[พ.ศ. 2475]] เป็นต้นมา นายทหารที่มาจากคนธรรมดาสามัญที่ครองยศจอมพลสายทหารบก มีด้วยกัน 7 คน จอมพลถนอมเป็นคนที่ 6 จอมพล[[ประภาส จารุเสถียร]]เป็นคนที่ 7 แต่ผู้ที่มีอายุยืนที่สุด คือจอมพลถนอม จึงกลายเป็น "'''จอมพลคนสุดท้าย'''" จอมพลถนอมถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตกเมื่อกลางดึก เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2547 รวมอายุได้ 92 ปี
== ประวัติ ==
จอมพล ถนอม กิตติขจร เกิดเมื่อ [[11 สิงหาคม]] [[พ.ศ. 2454]] ณ [[บ้านหนองหลวง]] [[อำเภอเมืองตาก]] [[จังหวัดตาก]] เป็นบุตรของ[[ขุนโสภิตบรรณลักษณ์ (อำพัน กิตติขจร)]] กับนางโสภิตบรรณลักษณ์ (ลิ้นจี่) มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 7 คน ได้แก่
* นาง รำพึง พันธุมเสน (ถึงแก่กรรม)
* เด็กหญิง ลำพูน กิตติขจร (ถึงแก่กรรม)
* จอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ ถนอม กิตติขจร
* นาง สุรภี ชูพินิจ (ถึงแก่กรรม)
* นาย สนิท กิตติขจร (ถึงแก่กรรม)
* นาง สายสนม กิตติขจร อดีตนายกสมาคมเภสัชและอายุรเวชโบราณแห่งประเทศไทย (ถึงแก่กรรม)
* พลตำรวจตรี [[สง่า กิตติขจร]] อดีต[[รายนามรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย|รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ]] (ถึงแก่อนิจกรรม)
* นาง ปราณีต สุคันธวณิช อดีตนายกสมาคมส่งเสริมการศึกษาในถิ่นกันดาร ในพระอุปถัมภ์[[สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี]] (ถึงแก่กรรม)
จอมพล ถนอม กิตติขจร มีแซ่ในภาษาจีนว่า ฝู (จีน: 符; พินอิน: fú)เริ่มการศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนประชาบาลวัดโคกพลู [[จังหวัดตาก]]หลังจากนั้นได้เข้าศึกษาต่อที่[[โรงเรียนนายร้อยทหารบก]] และในระหว่างรับราชการทหารได้ศึกษาต่อที่ โรงเรียนแผนที่ทหาร [[กองทัพบก]] โรงเรียนทหารราบ กองทัพบก และ[[วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร]] (รุ่นที่ 1) ตามลำดับ
จอมพล ถนอมได้รับปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จาก[[จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]]เมื่อ พ.ศ. 2504<ref>http://www.eng.chula.ac.th/index.php?q=th/node/2736</ref> จอมพล ถนอมดำรงตำแหน่งอธิการบดี[[มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์]] ระหว่าง วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2503 <ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2503/D/005/42.PDF ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์] </ref> - 18 ธันวาคม พ.ศ. 2506 <ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2506/D/121/2728.PDF ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์] </ref>
== บุตรธิดา ==
[[ไฟล์:Thanom and Jongkol.jpg|right|thumb|300px|จอมพลถนอม กิตติขจร [[นายกรัฐมนตรีไทย]] และท่านผู้หญิง[[จงกล กิตติขจร]] ภรรยา]]
จอมพลถนอม กิตติขจรสมรสกับ[[ท่านผู้หญิง]][[จงกล กิตติขจร]] (สกุลเดิม ถนัดรบ บุตรีของ พันเอก[[หลวงจบกระบวนยุทธ์ (แช่ม ถนัดรบ)]] และ คุณหญิง[[เครือวัลย์ จบกระบวนยุทธ์]]) มีบุตรธิดาทั้งสิ้น 6 คน ได้แก่
* นาง นงนาถ เพ็ญชาติ (พ.ศ. 2474-ปัจจุบัน)
* พันเอก [[ณรงค์ กิตติขจร]] (พ.ศ. 2476-ปัจจุบัน) สมรสกับคุณสุภาพร (จารุเสถียร) กิตติขจร มีบุตรเป็นทหาร 2 คน พลเอก เกริกเกียรติ กิตติขจร กับ พลตรี กิจก้อง กิตติขจร
* คุณหญิง นงนุช จิรพงศ์ สมรสกับ พล.อ.เอื้อม จิรพงศ์ มีบุตรชื่อ อนุสร จิรพงศ์ เป็นสมาชิก[[สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ]]
* พลอากาศเอก ยุทธพงศ์ กิตติขจร
* คุณหญิง ทรงสุดา ยอดมณี (พ.ศ. 2487-ปัจจุบัน) สมรสกับ ร้อยโท ดร.[[สุวิทย์ ยอดมณี]] มีบุตรชายคือ ดร. ก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการ [[การกีฬาแห่งประเทศไทย]]
* คุณหญิง ทรงสมร คชเสนี (พ.ศ. 2489-ปัจจุบัน) สมรสกับ พลเรือเอก [[สุภา คชเสนี]]
นอกจากนี้ยังรับหลานอีก 2 คน ซึ่งเป็นบุตรของน้องสาวของท่านผู้หญิงจงกลมาเลี้ยงดูดุจลูกแท้ๆ ของท่านเอง คือ
* พลตำรวจตรี นเรศ คุณวัฒน์
* นาย นรา คุณวัฒน์
== การรับราชการ ==
เขารับราชการครั้งแรกในตำแหน่งผู้บังคับหมวดกรมทหารราบที่ 8 กองพันที่ 1 [[จังหวัดเชียงใหม่]] ต่อมาได้ร่วมก่อรัฐประหารซึ่งผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยไม่โดนลงโทษแต่อย่างใดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน [[พ.ศ. 2490]] ในขณะที่มียศเป็นพันโท และดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกรมทหารบกที่ 11 ต่อมาได้เป็น รองผู้บัญชาการกองพลที่ 1 ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รองแม่ทัพภาคที่ 1 แม่ทัพภาคที่ 1 ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก รองผู้บัญชาการทหารบก และเป็น รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด มาโดยลำดับจนกระทั่งวันที่ [[11 ธันวาคม]] [[พ.ศ. 2506]] พลเอกถนอมได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง [[ผู้บัญชาการทหารบก]] และ [[ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ประเทศไทย)|ผู้บัญชาการทหารสูงสุด]] <ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2506/D/119/1.PDF ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 80 ตอน 119 ง พิเศษ หน้า 1 12 ธันวาคม พ.ศ. 2506 </ref> สืบต่อจาก [[จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์]] ที่ถึงแก่อสัญกรรม
ต่อมาในวันที่ [[10 มกราคม]] [[พ.ศ. 2507]] พลเอกถนอมได้รับพระราชทานยศ [[จอมพล (ประเทศไทย)|จอมพล]] [[จอมพลเรือ]] [[จอมพลอากาศ]] <ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2507/D/003/1.PDF ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 81 ตอน 3 ง หน้า 1 11 มกราคม พ.ศ. 2507 </ref>
และในวันที่ [[1 ตุลาคม]] [[พ.ศ. 2507]] จอมพลถนอมได้สละตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกให้กับ [[พลเอกประภาส จารุเสถียร]] รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและรักษาราชการรองผู้บัญชาการทหารบกโดยเหลือตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดเพียงตำแหน่งเดียว <ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2507/D/087/2.PDF ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 81 ตอน 87 ง พิเศษ หน้า 2 11 กันยายน พ.ศ. 2507 </ref>
จอมพลถนอม กิตติขจร ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลของ[[แปลก พิบูลสงคราม|จอมพล แปลก พิบูลสงคราม]] และเป็น[[รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม]]ในรัฐบาลของ[[พจน์ สารสิน|นายพจน์ สารสิน]] [[สภาผู้แทนราษฎร]]ได้มีมติให้จอมพลถนอมดำรงตำแหน่ง[[นายกรัฐมนตรี]]คนที่ 10 เมื่อวันที่ [[1 มกราคม]] [[พ.ศ. 2501]] แต่บริหารประเทศแค่ 9 เดือนเศษก็ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้[[สฤษดิ์ ธนะรัชต์|จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์]] ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อสฤษดิ์ตาย จอมพลถนอมได้ด้รับการแต่งตั้งให้เป็น[[นายกรัฐมนตรี]]อีกครั้งหนึ่ง ในช่วงระยะเวลาที่จอมพลเผด็จการทหารคนนี้เป็นนายกฯ มีการสร้างทางหลวงสายต่าง ๆ ทั่วประเทศหลายสาย โดยได้รับทุนสนับสนุนส่วนหนึ่งจากอเมริกาในช่วงสงครามเย็น เพื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์ และสร้างเขื่อน อาทิ [[เขื่อนสิริกิติ์]] [[เขื่อนอุบลรัตน์]] และในปี [[พ.ศ. 2508]] ได้ส่งทหารไปร่วมรบใน[[สงครามเวียดนาม]]ด้วยในฐานะพันธมิตรกับอเมริกา
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ [[พ.ศ. 2542]] ในสมัยรัฐบาล[[ชวน หลีกภัย]] จอมพลถนอมได้รับการแต่งตั้งเป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ สร้างความไม่พอใจและกระแสต่อต้านในสังคมระยะหนึ่ง ถึงกับมีการอภิปรายในสภาและกังวลกันว่าอาจเป็นชนวนเหตุให้เกิดเหตุร้ายซ้ำอีก<ref>การเสนอแต่งตั้ง จอมพล ถนอม กิตติขจร และ พลตรี มนูกฤต รูปขจร เป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ชิงชัย มงคลธรรม; จาตุรนต์ ฉายแสง; อดิศร เพียงเกษ; เปรมศักดิ์ เพียยุระ; ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง; สุรพร ดนัยตั้งตระกูล; นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ; ถาวร เสนเนียม; ไพจิต ศรีวรขาน; สนั่น ขจรประศาสน์; ชวน หลีกภัย; กุศล หมีเทศ; ขจิตร ชัยนิคม http://dl.parliament.go.th/handle/lirt/52565</ref> ต่อมาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม จอมพลถนอมจึงลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว<ref> [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2542/E/019/3.PDF ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้พ้นจากตำแหน่งนายทหารพิเศษ] </ref>
== การเมือง ==
[[ไฟล์:Thanom speak.JPG|thumb|left|200px|จอมพลถนอม ปราศรัยออกอากาศทาง[[สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย]] [[กรมประชาสัมพันธ์]]]]
หลังจากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2511 มีการเลือกตั้งทั่วไปและมีรัฐสภา ในปี [[พ.ศ. 2514]] ถนอม กิตติขจรได้ทำ[[รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2514|รัฐประหารรัฐบาล]]ของตนเอง และได้จัดตั้งสภาบริหารคณะปฏิวัติขึ้น ทั้งหมดนี้เพื่อตอบสนองผลประโยชน์และความทะเยอทะยานของตนเอง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง หนึ่งในผู้ที่ยืนหยัดวิจารณ์อย่างไม่เกรงกลัวอำนาจเถื่อน ได้แก่ [[ป๋วย อึ๊งภากรณ์|ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์]] ที่เขียนจดหมายในนามนายเข้ม เย็นยิ่ง ถึง ผู้ใหญ่ ทำนุ เกียรติก้อง (หมายถึงจอมพลถนอมนั่นเอง)
จนกระทั่งมีการประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองแห่งราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม [[พ.ศ. 2515]] และสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามธรรรมนูญการปกครองดังกล่าวได้มีมติให้จอมพล ถนอม กิตติขจร เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายต่อความทะเยอทะยานที่ปราศจากความชอบธรรมในหลักการประชาธิปไตย
ถนอมพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อเกิด[[เหตุการณ์ 14 ตุลา|เหตุการณ์ 14 ตุลา]] [[พ.ศ. 2516]] รัฐบาลได้ใช้อาวุธสงครามเข้าปราบปรามนักศึกษาประชาชนที่ชุมนุมเรียกร้องรัฐธรรมนูญ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จากเหตุการณ์นี้ ทำให้พลังทางการเมืองหลายฝ่ายกดดันให้จอมพลถนอมลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยการยึดอำนาจและรัฐประหารทั้งสิ้น 10 ปี 6 เดือนเศษ หลังจากนั้น ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของจอมพลถนอม จนนำไปสู่การยึดทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่สุจริตต้องเป็นจำนวนมาก
วันที่ [[19 กันยายน]] [[พ.ศ. 2519]] ท่ามกลางกระแสรัฐประหารของฝ่ายทหารทวีความรุนแรงอย่างกว้างขวาง จอมพลถนอมในวัย 65 ปี ได้กลับประเทศไทยอีกครั้งโดยบวชเป็นสามเณร ทำให้นักศึกษาประชาชนได้ออกมาประท้วงขับไล่อดีตนายกรัฐมนตรีมือเปื้อนเลือดรายนี้ เป็นเหตุให้กลุ่มการเมืองอีกฝ่ายที่นำโดย พลเรือเอก [[สงัด ชลออยู่]] ฉวยโอกาสก่อรัฐประหารและ[[เหตุการณ์ 6 ตุลา|ทำการล้อมฆ่านักศึกษาประชาชนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์]] เมื่อวันที่ [[6 ตุลาคม]] [[พ.ศ. 2519]] ทำให้มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหายจำนวนมาก นำไปสู่การยกเลิกรัฐธรรมนูญ ยุติการปกครองแบบประชาธิปไตยรัฐสภา และทำให้ประเทศไทยอยู่ภายใต้เผด็จการทหารต่อมาเป็นเวลาปีเศษ จะเห็นได้ว่าข้าราชการทหารมักไม่เคยเลิกความทะเยอทะยานที่น่ารังเกียจ พวกเขาเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเอง และมีปืนไว้ข่มขู่คนธรรมดาเท่านั้น
ถนอม กิตติขจร เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 4 สมัย (รวมในสมัยเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติตัวเองด้วยเป็นสมัยที่ 3) สมัยแรกเป็นนายกในระยะเวลาสั้น ๆ หลังการรัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ในปี [[พ.ศ. 2501]] สมัยที่สองถึงสี่หลังจากจอมพลสฤษดิ์ถึงแก่อสัญกรรม ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของจอมพลถนอมจึงถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของเผด็จการทหาร ถึงแม้ว่า ได้รับพระราชทานปฐมจุลจอมเกล้า และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันมีศักดิ์รามาธิบดีชั้นที่ 1 เสนางคบดี ซึ่งเปรียบเสมือนสายสะพายแห่งความกล้าหาญ พร้อมกันนี้ยังได้เครื่องราชอิสริยาภรณ์อีกกว่า 30 รายการ ซึ่งถือว่าเป็นการจบชีวิตของนายทหารยศจอมพลคนสุดท้ายของกองทัพไทย
===ผลงานสมัยเป็นรัฐบาล===
ในช่วงที่จอมพลถนอม กิตติขจร บริหารประเทศ ได้มีผลงานที่สำคัญดังนี้
1. ด้านการทหาร ตลอดระยะเวลา 15 ปี นับแต่จอมพลถนอม กิตติขจร ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในปี พ.ศ. 2500 และเลื่อนขั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จนถึงดำรงตำแหน่งสูงสุดคือ นายกรัฐมนตรี ได้เสริมสร้างกองทัพทั้งสามเหล่าทัพอย่างทัดเทียม ได้มีการวางนโยบายปรับปรุงแก้ไขพัฒนากิจการงานสาขาต่าง ๆ ของกระทรวงกลาโหม สำนักงานเลขานุการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ตลอดจนรัฐวิสาหกิจที่ขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม ให้มีความเจริญก้าวหน้า มีการสนับสนุนกองทัพทั้ง 3 เหล่าทัพด้วยการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เสริมเหล่าทัพให้มีประสิทธิภาพทัดเทียมกับประเทศตะวันตก รวมถึงงานด้านยุทธบริการ เช่น ริเริ่มปรับปรุงงานส่งกำลังบำรุง ได้แก่ จัดทำแคตตาล็อกสำหรับสิ่งอุปกรณ์ ยุทธภัณฑ์ เพื่อให้ทุกเหล่าทัพสามารถใช้ร่วมกันได้ กำหนดแบบอาการมาตรฐานของกระทรวงกลาโหมเพื่อให้เป็นแบบเดียวกันซึ่งจะอำนวยให้ลดงบประมาณค่าก่อสร้างและค่าซ่อมบำรุง นอกจากนี้ ยังได้พัฒนางานในด้านการศึกษาให้เจริญเติบโต ทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ เพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษาออกไปทำหน้าที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร โรงเรียน เสนาธิการทหาร โรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียนช่างฝีมือทหาร เป็นต้น
2. ด้านการเศรษฐกิจและสังคม จอมพลถนอม กิตติขจร ได้ยึดหลักการพัฒนาตามแผนพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ 1 ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเมื่อจอมพลถนอม กิตติขจร ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ได้ทำการพัฒนาประเทศ ดำเนินการตามโครงการสนับสนุนการพัฒนาส่วนภูมิภาคและท้องถิ่นต่าง ๆ
== ยศ ==
|