ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 198:
จอห์น โฮลดิง เคยเป็นประธานคนแรกของสโมสร ในฐานะที่เป็นเจ้าของแอนฟีลด์และผู้ก่อตั้งของลิเวอร์พูล เขาดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1892 จนถึง ค.ศ. 1896 ต่อมา [[จอห์น แมกเคนนา]] เข้ามารับตำแหน่งเป็นประธานสโมสร ในปี ค.ศ. 1909{{sfn|Liversedge|1991|p=108}} ต่อมา แมกเคนนา ได้กลายเป็นประธานของฟุตบอลลีก{{sfn|Liversedge|1991|p=109}} มีการผลัดเปลี่ยนตำแหน่งประธานสโมสรอยู่หลายคน ก่อนที่ จอห์น สมิธ ซึ่งพ่อของเขาเป็นผู้ถือหุ้นของสโมสร เข้ามารับตำแหน่งในปี ค.ศ. 1973 เขาเป็นประธานสโมสรในช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล ก่อนที่เขาจะก้าวลงมาจากตำแหน่งในปี ค.ศ. 1990{{sfn|Liversedge|1991|p=110}} [[โนเอล ไวต์]] กลายเป็นประธานสโมสรในปี ค.ศ. 1990{{sfn|Reade|2009|p=206}} [[เดวิด มัวร์ส]] ซึ่งครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของสโมสรมายาวนานกว่า 50 ปี กลายเป็นประธานสโมสรในปี ค.ศ. 1991 ลุงของเขา [[จอห์น มัวร์ส]] เคยเป็นผู้ถือหุ้นของลิเวอร์พูลและเคยเป็นประธานของเอฟเวอร์ตัน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1961 ถึง 1973 มัวร์สเป็นเจ้าของสโมสรร้อยละ 51 และในปี ค.ศ. 2004 เขาแสดงความเต็มใจที่จะพิจารณาการเสนอราคาสำหรับหุ้นของเขาในลิเวอร์พูล<ref>{{cite news |url=http://uk.reuters.com/article/2008/03/05/dubai-liverpool-bids-idUKB81717020080305 |title=Factbox Soccer who owns Liverpool Football Club |agency=Reuters |date=5 March 2008 |accessdate=22 August 2010 |first=Nagesh |last=Narayana }}</ref>
 
ในที่สุดมัวร์สก็ขายสโมสรให้กับนักธุรกิจชาวอเมริกัน จอร์จ ยิลเลตต์และทอมยิลเลตต์ และทอม ฮิกส์ เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2007 โดยที่ข้อตกลงมีมูลค่าสโมสรและหนี้คงค้างที่ 218.9 ล้านปอนด์ ทั้งสองคนจ่าย 5,000 ปอนด์ต่อหุ้น หรือ 174.1 ล้านปอนด์สำหรับการถือหุ้นทั้งหมดและ 44.8 ล้านปอนด์เพื่อชำระหนี้สินของสโมสร<ref>{{cite news|url=http://news.bbc.co.uk/1/hi/business/6244441.stm |first=Bill |last=Wilson |title=US business duo at Liverpool helm |publisher=BBC |date=6 February 2007 |accessdate=2 December 2008 }}</ref> ความขัดแย้งระหว่างยิลเลตต์กับฮิกส์และแฟนบอลก็ไม่สนับสนุนพวกเขา ทำให้ทั้งสองคนต้องการขายสโมสร<ref>{{cite news|url=http://news.bbc.co.uk/sport1/hi/football/teams/l/liverpool/7197675.stm |first=Phil |last=McNulty |title=Liverpool braced for takeover bid |work=BBC Sport |date=20 January 2008 |accessdate=2 December 2008 }}</ref> [[มาร์ติน บรอตัน]] ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานสโมสรเมื่อวันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 2010 เพื่อดูแลการขายสโมสร<ref name="broughtonchair">{{cite news|url=https://www.theguardian.com/football/2010/apr/16/martin-broughton-liverpool-chairman-sale|title=Liverpool appoint Martin Broughton as chairman to oversee sale of club|last=Bandini|first=Paolo|date=16 April 2010|work=The Guardian|accessdate=16 April 2010}}</ref> ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2010 บัญชีได้รับการปล่อยออกมา แสดงให้เห็นว่า บริษัทโฮลดิงของสโมสรมีหนี้ 350 ล้านปอนด์ (เนื่องจากการซื้อสโมสรที่ใช้เงินจากการยืม) พร้อมกับขาดทุน 55 ล้านปอนด์ ทำให้ผู้สอบบัญชี [[เคพีเอ็มจี]] มีคุณสมบัติเป็นผู้ทำรายงานตรวจสอบบัญชี<ref name="autogenerated1">{{cite news|url=https://www.theguardian.com/football/2010/may/07/liverpool-record-losses|title=Auditors cast doubt on future of Liverpool after losses|date=7 May 2010|work=The Guardian|accessdate=8 May 2010 |first=David |last=Conn}}</ref> กลุ่มของเจ้าหนี้ รวมไปถึง [[รอยัลแบงก์ออฟสกอตแลนด์]] นำตัวยิลเลตต์กับฮิกส์ขึ้นศาล และบังคับให้พวกเขาอนุญาตให้คณะกรรมการดำเนินการขายสโมสรและสินทรัพย์หลักของบริษัทโฮลดิง ผู้พิพากษาศาลสูง [[คริสโตเฟอร์ ฟลอยด์]] ผู้พิพากษาศาลสูง ตัดสินให้เจ้าหนี้ชนะคดีและปูทางให้การขายสโมสรให้กับ [[เฟนเวย์สปอร์ตกรุป]] (อดีต นิวอิงแลนด์สปอร์ตเวนเจอร์ส) ถึงแม้ว่า ยิลเลตต์กับฮิกส์ยังคงมีตัวเลือกในการอุทธรณ์<ref>{{cite web|url=http://soccernet.espn.go.com/news/story?id=831953&sec=england&cc=4716 |title=Liverpool takeover to go ahead as owners lose case |publisher=ESPN |date=13 October 2010 |accessdate=23 March 2011}}</ref> ลิเวอร์พูลถูกขายให้กับแก่เฟนเวย์สปอร์ตกรุปเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 2010 เป็นจำนวนเงิน 300 ล้านปอนด์<ref>{{cite news|url=http://news.bbc.co.uk/sport1/hi/football/teams/l/liverpool/9094283.stm |title=Liverpool takeover completed by US company NESV |work=BBC Sport |date=15 October 2010 |accessdate=12 August 2011}}</ref>
 
ลิเวอร์พูลได้รับการขนานนามว่าเป็นตราสินค้าระดับโลก จากรายงานเมื่อปี ค.ศ. 2010 ประเมินมูลค่าของเครื่องหมายการค้าของสโมสรและทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องไว้ที่ 141 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ 5 ล้านปอนด์ ลิเวอร์พูลได้รับการจัดอันดับเรตติงของแบรนด์ อยู่ในระดับ AA (แข็งแกร่งมาก)<ref>{{cite web|url=http://www.brandfinance.com/images/upload/bf_footballeaguetable2010.pdf |title=Top 25 Football Club Brands |publisher=Brand Finance |accessdate=7 August 2011 }}</ref> ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2010 นิตยสารธุรกิจ ''[[ฟอบส์]]'' จัดอันดับให้ลิเวอร์พูลอยู่ในอันดับที่ 6 ของทีมฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ตามหลัง [[สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด|แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด]], [[สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด|เรอัลมาดริด]], [[สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล|อาร์เซนอล]], [[สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา|บาร์เซโลนา]] และ[[สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิกไบเอิร์นมิวนิกไบเอิร์นมิวนิก|ไบเอิร์นมิวนิก]] โดยประเมินมูลค่าของลิเวอร์พูลไว้ที่ 822 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (532 ล้านปอนด์) ไม่รวมหนี้<ref name="Forbes">{{cite news |title=Liverpool |url=https://www.forbes.com/lists/2010/34/soccer-10_Liverpool_340009.html |work=Forbes |date=21 April 2010 |accessdate=8 August 2010 }}</ref> นักบัญชีจาก [[ดีลอยต์ทูชโทมัตสุ|ดีลอยต์]] จัดอันดับให้ลิเวอร์พูลอยู่ในอันดับที่ 8 ใน [[ดีลอยต์ฟุตบอลมันนีลีก]] ซึ่งเป็นการจัดอันดับสโมสรฟุตบอลในโลกในแง่ของรายได้ รายได้ของลิเวอร์พูลในฤดูกาล 2009–10 อยู่ที่ 225.3 ล้านยูโร<ref>{{cite news|url=https://www.bbc.co.uk/news/business-12376035 |title=Real Madrid top football rich list for sixth year |publisher=BBC |date=10 February 2011 |accessdate=22 July 2011 |first=Bill |last=Wilson }}</ref> จากรายงานโดยดีลอยต์เมื่อปี ค.ศ. 2018 สโมสรมีรายได้ประจำปีของปีก่อนหน้าอยู่ที่ 424.2 ล้านยูโร<ref>{{cite web|url=https://www2.deloitte.com/uk/en/pages/sports-business-group/articles/deloitte-football-money-league.html|title=Deloitte Football Money League 2018|date=23 January 2018|accessdate=23 January 2018|publisher=Deloitte}}</ref> และ ''ฟอบส์'' ประเมินมูลค่าสโมสรไว้ที่ 1.944 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ<ref>{{Cite news|url=https://www.forbes.com/sites/mikeozanian/2018/06/12/the-worlds-most-valuable-soccer-teams-2018/#3dddb7c845c8|title=The World's Most Valuable Soccer Teams 2018|last=Ozanian|first=Mike|work=Forbes|access-date=2018-06-12}}</ref> ในปี ค.ศ. 2018 รายได้ประจำปีเพิ่มขึ้นเป็น 513.7 ล้านยูโร<ref>{{cite web|url=https://www2.deloitte.com/uk/en/pages/sports-business-group/articles/deloitte-football-money-league.html|title=Deloitte Football Money League 2018|date=23 January 2018|accessdate=5 November 2019|publisher=Deloitte}}</ref> และ ''ฟอบส์'' ประเมินมูลค่าสโมสรไว้ที่ 2.183 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ<ref name="Forbes 2019"/> ในปี ค.ศ. 2019 รายได้ประจำปีเพิ่มขึ้นเป็น 604 ล้านยูโร (533 ล้านปอนด์) จากรายงานโดยดีลอยต์ ทำให้สโมสรทำเงินเกินครึ่งพันล้านปอนด์แล้ว<ref name="Revenue 2019"/>
 
ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2020 แฟนบอลและสื่อต่าง ๆ แสดงความไม่พอใจต่อเจ้าของสโมสร หลังตัดสินใจจะพักงานลูกจ้างที่ไม่ใช่นักเตะในช่วง[[การระบาดทั่วของไวรัสโคโรนา พ.ศ. 2562–2563|การระบาดทั่วของไวรัสโคโรนา]]<ref>{{Cite news|last=Hunter|first=Andy|url=https://www.theguardian.com/football/2020/apr/04/liverpool-become-latest-premier-league-club-to-furlough-non-playing-staff|title=Liverpool under fire for furloughs while PFA points to pay-cut tax trap|date=2020-04-04|work=The Observer|access-date=2020-04-07|language=en-GB|issn=0029-7712}}</ref> ทำให้สโมสรกลับคำและขอโทษสำหรับการตัดสินใจในตอนแรกของพวกเขา<ref>{{Cite news|url=https://www.bbc.co.uk/sport/football/52191140|title=Liverpool: Premier League leaders reverse furlough decision & apologise to fans|date=2020-04-06|work=BBC Sport|access-date=2020-04-07|language=en-gb}}</ref>