ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เคน ดาเหลา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ชวลิต ประกอบสุข (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าใหม่: {{กล่องข้อมูล นักแสดง | bgcolour = | name = เคน ดาเหลา | image = ไฟล์:หมอลำเคน ดาเ...
(ไม่แตกต่าง)

รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:19, 29 กรกฎาคม 2563

เคน ดาเหลา มีฉายาทางหมอลำกลอนว่า หมอลำเคนฮุด ปรมาจารย์ผู้มีความสามารถโดนเด่นด้านหมอลำกลอนแห่งภาคอีสานของประเทศไทย เกิดเมื่อวันอังคาร ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2473 ปีมะเมีย ที่บ้านหนองเต่า ตำบลเป้า อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันคือตำบลหนองเต่า) เป็นบุตรของคุณพ่อโอ๋ ดาเหลา และคุณแม่จันทร์แดง ดาเหลา มีพี่น้องรวม 7 คน เป็นชาย 3 คน เป็นหญิง 4 คน

เคน ดาเหลา
ลีลาการฟ้อนของหมอลำเคนฮุด
ลีลาการฟ้อนของหมอลำเคนฮุด
สารนิเทศภูมิหลัง
เกิด3 เมษายน พ.ศ. 2473
เสียชีวิต9 ตุลาคม พ.ศ. 2557 (84 ปี)
คู่สมรสคำภา ฤทธิทิศ , บุญเพ็ง ไฝผิวชัย
อาชีพศิลปินพื้นบ้าน
ผลงานเด่นลำกลอนแตงสังหารสาว ฯลฯ
ศิลปินแห่งชาติพ.ศ. 2534 - สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ)

ชีวิตวัยเยาว์

พ.ศ. 2483 เมื่อสำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดบ้านหนองเต่า ตำบลเป้า อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี ได้ออกมาทำนาทำไร่ช่วยบิดามารดา แต่ด้วยความสนใจในการแสดงพื้นบ้านอีสานคือหมอลำที่มีอยู่ในตัว ประกอบกับเป็นผู้มีแววศิลปินมาตั้งแต่เด็กๆ จึงได้เริ่มหัดลำ ลิเกพื้นบ้าน และหนังประโมทัยด้วยตนเอง

ชีวิตครอบครัว

เคน ดาเหลา ได้ประกอบอาชีพทางด้านศิลปินด้วยการแสดงหมอลำเพียงอย่างเดียว จนประสบผลสำเร็จในด้านชื่อเสียง และมีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีพอสมควร จนสามารถสนับสนุนให้บุตรธิดาได้รับการศึกษาในระดับสูงๆ และประกอบอาชีพอย่างมั่นคงได้ หมอลำเคน ดาเหลา มีภรรยา และบุตรธิดา ดังนี้

  1. นางเบ็ญ คำไม มีบุตรธิดาร่วมกัน 3 คน
  2. นางพูนทรัพย์ ผาลา มีบุตรร่วมกัน 1 คน
  3. นางคำภา ฤทธิทิศ มีบุตรธิดาร่วมกัน 6 คน
  • นางสาวดารณี ดาเหลา
  • นายเริงชัย ดาเหลา
  • นางสาวดวงธิดา ดาเหลา
  • นายยอดชาย ดาเหลา
  • นางสาวประกายแก้ว ดาเหลา
  • นางสาวแววตา ดาเหลา
  1. นางบุญเพ็ง ไฝผิวชัย ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) พ.ศ. 2540 ไม่มีบุตรธิดาร่วมกัน อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 528/155 หมู่บ้านแก่นทองธานี ต.บ้านเป็ด อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น

การทำงานหมอลำ

พ.ศ. 2489 ได้เกิดโรคระบาดขึ้นในหมู่บ้านคือ โรคผีดาษ หรือ โรคไข้ทรพิษ ระบาดไปทั่วหมู่บ้านในอีสานผู้คนล้มตายมาก ชาวบ้านจึงแยกย้ายกันไปอยู่ตามทุ่งนา ไม่มีการพบปะกันเท่าที่ควร เคน ดาเหลา ก็ได้ไปอาศัยอยู่ที่ทุ่งนาของตน และใช้เวลาว่างนอนท่องกลอนลำเล่น โดยอาศัยการได้สัมผัสจดจำ ลีลาการแสดงและท่องกลอนที่จดจำมาจากหมอลำคง ดาเหลา ซึ่งเป็นพี่ชาย และเป็นหมอลำที่กำลังมีชื่อเสียงในละแวกบ้านของตน และได้ยึดลีลาท่าทางการแสดงและกลอนลำของพี่ชายเป็นหลักในการฝึก จนสามารถลำเองได้โดยไม่มีครูสอนให้

พ.ศ. 2491 หมอลำคง ดาเหลา ผู้เป็นพี่ชายได้เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน จึงได้นำกลอนลำที่ผู้เป็นพี่ชายได้จดบันทึกเอาไว้มาหัดท่องจนสามารถจดจำได้ เมื่อมีการแสดงจึงถูกนำขึ้นเป็นหมอลำแสดงแทนพี่ชายของตน และสามารถแสดงหมอลำกลอนได้เป็นอย่างดี จนได้รับความนิยมในหมู่ชาวอีสานอย่างรวดเร็ว

ต่อมาเคน ดาเหลา ได้พัฒนาตนเองขึ้นมาเรื่อยๆ ด้วยลักษณะการลำที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตน ท่วงท่าลีลาการฟ้อน น้ำเสียงก้องกังวาล มีคารมคมคาย ทั้งลำทางสั้น ลำทางยาว ลำเต้ย และลำเบ็ดเตล็ดอื่นๆ มีปฏิภาณไหวพริบเป็นเลิศในเชิงกลอนลำสด ที่เรียกว่า แตกลำ การใช้สำนวนผญาแบบอีสาน สำนวนกลอนที่มีความเฉียบคมลึกถึงใจผู้ฟังแล้วยังประกอบไปด้วยสาระที่น่าสนใจอย่างยิ่ง จนเป็นหมอลำชั้นครูต้นแบบของการแต่งกลอนลำ และลำแม่บทที่เรียกว่า ลำแม่บท 32 ท่า ได้สมบูรณ์แบบที่สุด จึงทำให้เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย และมีผู้คนนิยมกันเป็นวงกว้างทั่วภาคอีสาน จนเป็นได้รับการยอมรับในวงการหมอลำทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ขนานนามว่า บรมครูหมอลำ

พ.ศ. 2500 เคน ดาเหลา ได้เริ่มหัดแต่งกลอนลำได้เอง โดยอาศัยวิธีการแต่งตามประสบการณ์ในการลำ และศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมตามแหล่งความรู้ต่างๆ ที่พอจะหาได้ จนสามารถแต่งกลอนเพื่อใช้ลำเอง และลูกศิษย์ได้ใช้ลำมากมาย กลอนลำที่ท่านแต่งจะมีลีลาและจังหวะที่แปลกไปจากกลอนลำของหมอลำอื่นๆ ในด้านเนื้อหาที่หลากหลาย เช่น ในด้านศาสนา ขนบธรรมเนียมประเพณีอีสาน ประวัติศาสตร์ นิทาน กลอนลำ แบบตลก กลอนลำเบ็ดเตล็ด เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้นำเอาสำนวนภาษาอีสาน หรือสำนวนผญาอีสานมาแทรกไว้ในกลอนได้อย่างดียิ่ง จึงทำให้กลอนลำมีเนื้อหาสาระ สัมผัสคล้องจองที่ดี และมีภาษาที่ลึกซึ้งกินใจแก่ผู้ฟังเป็นอย่างยิ่ง กลอนลำได้สอดแทรกด้านเนื้อหาสาระ และสัมผัสตามรูปแบบการประพันธ์ โดยอาศัยประสบการณ์ในการลำและกลอนลำของครูที่ใช้ลำมาเป็นแบบอย่าง นอกจากนี้ยังเป็นผู้ที่ติดตามข่าวสารเหตุการณ์บ้านเมืองอยู่มิได้ขาด จึงทำให้ผลงานการแต่งกลอนลำของท่าน มีความสัมพันธ์กับสภาพทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างดี

พ.ศ. 2509 เคน ดาเหลา ได้ตั้งโรงเรียนหมอลำที่บ้านหนองเต่า ตำบลเป้า อำเภอตระการพืชผล และอำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี

ต่อมาเคน ดาเหลา ได้เปิดสำนักงานหมอลำร่วมกับหมอลำคำภา ฤทธิทิศ ที่ตำบลหนองบัว อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ทำให้มีลูกศิษย์เดินทางเข้ามาเล่าเรียนเป็นจำนวนมากจนมีชื่อเสียงโด่งดัง อาทิ ทองเจริญ ดาเหลา (บุตรชายของหมอลำคง ดาเหลา) , ฉวีวรรณ ดำเนิน , บุญช่วง เด่นดวง , บุญเสริม เพ็ญศรี , อำพัน สร้อยสังวาลย์ , ทองศรี ศรีรักษ์ เป็นต้น

พ.ศ. 2527 มูลนิธิญี่ปุ่น (The Japan Foundation) และบริษัทการกระจายเสียงและแพร่ภาพแห่งญี่ปุ่น (Japan Broadcasting Corporation) ร่วมกับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตมหาสารคาม ได้เชิญเคน ดาเหลา , บุญเพ็ง ไฝผิวชัย และฉวีวรรณ ดำเนิน ร่วมเดินทางไปทำการเผยแพร่ศิลปะวัฒนธรรมอีสานที่ประเทศญี่ปุ่น

เสียชีวิต

เคน ดาเหลา ได้ป่วยด้วยโรคมะเร็งตับระยะสุดท้ายมาร่วมเดือน โดยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557 สิริรวมอายุ 84 ปี นับเป็นการสูญเสียปูชนียาจารย์แห่งวงการหมอลำของภาคอีสาน

และวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ได้จัดให้มีงานพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุวัดสว่างสุทธาราม บ้านหนองกุง ต.ศิลา อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น

ผลงาน

ผลงานด้านกลอนลำของเคน ดาเหลา ส่วนใหญ่เกี่ยวกับด้านการเมืองการปกครอง ด้านเศรษฐกิจ ด้านศาสนาและความเชื่อ ด้านการศึกษา ด้านขนบธรรมเนียมประเพณี และด้านการดำเนินชีวิตของผู้คน อาทิ

  • ลำกลอนแตงสังหารสาว
  • ลำกลอนฟ้อน 32 ท่า
  • ลำกลอนต้นกำเนิดหมอลำ
  • ลำกลอนล่องโขง
  • ลำกลอนสอนผู้เฒ่า
  • ลำกลอนสร้อยศาสนา
  • ลำกลอนเว้าสาวสวนแตง
  • ลำกลอนร่างกาย 32 อย่าง
  • อัลบั้มเคนฮุดชุดเต้ย (ซึ่งเป็นผลงานชิ้นสุดท้าย)

รางวัลและเกียรติคุณ

อ้างอิง