ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แอร์วีน ร็อมเมิล"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 32:
| awards = {{plainlist|
* [[กางเขนเหล็ก|กางเขนเหล็กชั้นหนึ่ง]]
* [[ปูร์พัวร์เลอเมริตรีท]]
* [[กางเขนอัศวินแห่งกางเขนเหล็ก|กางเขนอัศวินแห่งกางเขนเหล็กประดับด้วยใบโอ๊กและดาบประดับเพชร]]
}}
บรรทัด 46:
==ประวัติ==
===ช่วงต้น===
แอร์วีนเกิดในเมือง[[ไฮเดินไฮม์]] [[ราชอาณาจักรเวือร์ทเทิมแบร์ค]] ส่วนหนึ่งของ[[จักรวรรดิเยอรมัน]] เป็นบุตรคนที่สามในจำนวนห้าคนของครอบครัว บิดาเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นและเป็นอดีตทหารปืนใหญ่ เมื่ออายุได้ 18 ปี เขาบรรจุเป็นร้อยตรีในกองทัพเวือร์ทเทิมแบร์คในปี 1910 และเรียนโรงเรียนทหารสัญญาบัตรในนายร้อยนคร[[ดันท์ซิช]] เขาจบการศึกษาในปี 1911 และได้รับบรรจุเป็นร้อยโทในกองทัพบกจักรวรรดิในต้นปี 1912{{sfn|Butler|2015|pp=30–31}}
 
===อาชีพทหาร===
ร็อมเมิลเป็นนายทหารที่ได้รับการเชิดชูเกียรติขั้นสูงใน[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]] เขาได้รับอิสริยาภรณ์[[ปูร์พัวร์เลอเมริตรีท]]จากการปฏิบัติหน้าที่ในแนวรบอิตาลี ในปี 1937 เขาตีพิมพ์หนังสือเรื่อง ''[[ทหารราบจู่โจม]]'' ({{lang|de|''Infanterie greift an''}}) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับหลักยุทธวิธีและประสบการณ์ของเขาในสงคราม ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เขาได้เป็นผู้บัญชาการ[[กองพลยานเกราะที่ 7 (แวร์มัคท์)|กองพลยานเกราะที่ 7]] สมญา "กองพลผี"<ref>{{Cite book|title=Churchill's sacrifice of the Highland Division. France 1940|last=David|first=Saul|publisher=Brassey's (UK) Ltd|year=1994|isbn=978-1857533781|location=London|pages=42}}</ref> ใน[[ยุทธการที่ฝรั่งเศส]] ซึ่งในครั้งนี้เอง เขาและ[[ไฮนทซ์ กูเดรีอัน|พลเอกกูเดรีอัน]]ตัดสินใจฝ่าฝืนคำสั่งของหน่วยเหนือที่ให้หยุดรอทหารราบมาสมทบ ร็อมเมิลนำกองยานเกราะข้าม[[แม่น้ำเมิซ]]บุกทะลวงแนวรบของฝรั่งเศสต่อทันทีเพื่อไม่ให้เสียจังหวะ''[[บลิทซ์ครีค]]'' โดยมีกองพลยานเกราะของกูเดรีอันตามมาติดๆ การตัดสินใจบุกต่อของทั้งสองคนเป็นเหตุผลสำคัญที่สร้างความได้เปรียบแก่เยอรมัน
 
[[ไฟล์:Bundesarchiv Bild 101I-786-0327-19, Nordafrika, Erwin Rommel mit Offizieren.jpg|253px|thumb|[[พลเอกอาวุโส (เยอรมัน)|พลเอกอาวุโส]]ร็อมเมิลในแอฟริกาเหนือ ภาพนี้ถ่ายเพียงหนึ่งวันก่อนได้รับยศจอมพล]]
บรรทัด 56:
===จุดยืนทางการเมืองและการเสียชีวิต===
ทหารส่วนใหญ่ในกองทัพรวมทั้งตัวร็อมเมิลล้วนยินดีต่อ[[มัคท์แอร์ไกรฟุง|การเถลิงอำนาจของฮิตเลอร์และพรรคนาซี]]{{sfn|Naumann|2009|p=190
}}{{sfn|Watson|1999|p=158}} พวกเขาเชื่อว่าเยอรมนีต้องการระบอบการปกครองที่มั่นคงและเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ร็อมเมิลไม่เคยเป็นสมาชิก[[พรรคนาซี]]{{sfn|Butler|2015|p=138}} และไม่เห็นด้วยกับ[[การต่อต้านยิว]]และ[[ระบอบนาซี|อุดมการณ์นาซี]] นักวิชาการยังคงถกเถียงกันว่าร็อมเมิลมีส่วนรับรู้ต่อเหตุการณ์[[ฮอโลคอสต์]]มากน้อยเพียงใด{{sfn|Remy|2002|pp=28, 355, 361}}{{sfn|Scheck|2010}}{{sfn|Butler|2015|pp=18, 122, 139, 147}}{{sfn|Hart|2014|pp=128-52}}{{sfn|Von Fleischhauer|Friedmann|2012|}} ร็อมเมิลเคยสร้างความตะลึงใจแก่ฮิตเลอร์ในปี 1943 ด้วยข้อเสนอให้แต่งตั้ง[[ชาวยิว]]ดำรงตำแหน่ง[[เกาไลเทอร์]] เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ต่อประชาคมโลกและแก้ต่างให้พ้นจากข้อกล่าวหาของพวกอังกฤษที่ว่าเยอรมนีปฏิบัติไม่ดีต่อชาวยิว แต่ฮิตเลอร์ตอบกลับเขาว่า ''"ร็อมเมิลที่รัก คุณไม่เข้าใจความคิดผมเลย"''{{sfn|Von Fleischhauer|Friedmann|2012|}}<ref name=FrankAllg112012>{{cite news |date=3 November 2012 |title=Der Mann wusste, dass der Krieg verloren ist |newspaper=Frankfurter Allgemeine |language=de |url=http://www.faz.net/aktuell/feuilleton/medien/hans-ulrich-wehler-zu-rommel-der-mann-wusste-dass-der-krieg-verloren-ist-11947572.html |accessdate= 15 June 2016 }}</ref>
 
ในปี 1944 ร็อมเมิลเข้าไปเกี่ยวพันกับ[[แผนลับ 20 กรกฎาคม|แผนลับเพื่อสังหารฮิตเลอร์]] แต่เนื่องจากร็อมเมิลมีสถานะเป็นวีรบุรุษของชาติ ฮิตเลอร์จึงไม่อาจลงโทษเขาอย่างโจ่งแจ้งได้ ร็อมเมิลได้รับข้อเสนอสามข้อจาก[[วิลเฮ็ล์ม บวร์คดอร์ฟ|พลโทบวร์คดอร์ฟ]] ทางเลือกหนึ่ง; ไปแก้ตัวต่อฮิตเลอร์ด้วยตนเองที่กรุงเบอร์ลิน ทางเลือกสอง; เข้ารับการพิจารณาคดีในชั้นศาลและถูกติดสินพิพากษาประหารชีวิต ทางเลือกสาม; ปลิดชีพตัวเองแลกกับการดำรงเกียรติยศและสิทธิทุกอย่าง ครอบครัวจะไม่ถูกลงโทษและได้รับบำนาญตามปกติ ร็อมเมิลเลือกทางเลือกสุดท้าย เขาฆ่าตัวตายโดยการกัด[[การเป็นพิษจากไซยาไนด์|แคปซูลไซยาไนด์]]<ref>{{cite news|url=https://www.nytimes.com/2013/11/11/world/europe/manfred-rommel-son-of-german-field-marshal-dies-at-84.html|title=Manfred Rommel, Son of German Field Marshal, Dies at 84|first=Douglas|last=Martin|date=9 November 2013|publisher=|newspaper=The New York Times}}</ref> ฮิตเลอร์จัดรัฐพิธีศพให้ร็อมเมิลอย่างสมเกียรติ กองทัพประกาศว่าเขาถูกเครื่องบินข้าศึกยิงกราดขณะโดยสารรถยนต์ทหารประจำตัวในนอร์ม็องดี
 
==วีรตำนาน==
ร็อมเมิลได้รับกิตติศัพท์ว่าเป็นผู้บัญชาการที่มีมนุษยธรรมสูงและนายทหารมืออาชีพ กองทัพน้อยแอฟริกาใต้บัญชาของเขาไม่เคยถูกกล่าวหาว่าก่อ[[อาชญากรรมสงคราม]]เลย ทหารที่ตกเป็นเชลยระหว่างการทัพแอฟริกาของร็อมเมิลได้ให้การว่าได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมด้วยการแบ่งส่วนอาหารที่เท่ากับทหารเยอรมัน เพราะร็อมเมิลคิดว่านักโทษควรได้รับสิทธิ์เท่าเทียบกับพลเรือนเยอรมัน ทหารเยอรมันที่ประจำการที่แอฟริกาเล่าว่า ขณะที่รถของร็อมเมิลติดทราย ร็อมเมิลยังลงมาช่วยทหาร ยิ่งไปกว่านั้น ร็อมเมิลยังปฏิเสธคำสั่งฆ่าคอมมานโด ทหาร และพลเรือนชาวยิวในทุกเขตสงครามใต้บังคังของเขาบังคับของเขา ร็อมเมิลไม่เคยเกณฑ์พลเรือนมาช่วยงานเขาฟรีๆ เขาจะมีค่าจ้างให้เสมอ<ref>AT ROMMEL'S SIDE: The Lost Letters of Hans-Joachim Schraepler Publisher: Frontline Books (September 2009) Language: English ISBN 1-84832-538-X ISBN 978-1-84832-538-8</ref>
 
[[วินสตัน เชอร์ชิล]]เคยกล่าวต่อรัฐสภาอังกฤษว่าร็อมเมิลเป็น ''"คู่ปรับที่ชาญฉลาดและใจกล้าเกินธรรมดา"'' และเป็น ''"แม่ทัพบกผู้ยิ่งใหญ่"''{{sfn|Watson|1999|pp=166–167}}{{sfn|Reuth|2005|pp=141–143}} ภายหลังสงครามสิ้นสุด ฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตกโดยเฉพาะอังกฤษได้ยกย่องร็อมเมิลเป็น "คนดีเยอรมัน" และเป็น "สหายร็อมเมิล" ชื่อของเขาถูกนำไปตั้งให้ฐานทัพบกที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนีหลังสงคราม นั่นคือค่ายจอมพลร็อมเมิล (''{{lang|de|Generalfeldmarschall-Rommel-Kaserne}}'') ในเมืองเอากุสท์ดอร์ฟ [[รัฐนอร์ทไรน์-เว็สท์ฟาเลิน]]