ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แคทารีน เฮปเบิร์น"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Novaskosia (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 17:
'''แคทารีน ฮอตัน เฮปเบิร์น''' ({{lang-en|Katharine Houghton Hepburn}}) ([[12 พฤษภาคม]] [[ค.ศ. 1906]] - [[29 มิถุนายน]] [[ค.ศ. 2003]]) เป็นนักแสดงหญิงชาวอเมริกัน เธอเป็นที่รู้จักอย่างมากจากนิสัยที่รักอิสระอย่างรุนแรงและมีชีวิตชีวา เฮปเบิร์นเป็นสตรีชั้นนำใน[[ฮอลลีวูด]]มาเป็นเวลากว่า 60 ปี เธอปรากฏตัวในวงการบันเทิงหลากหลายประเภท มีทั้ง[[ภาพยนตร์ตลกพ่อแง่แม่งอน]] (Screwball comedy film) จนถึงภาพยนตร์แนววรรณกรรม และเธอได้รับ[[รางวัลออสการ์]]ใน[[รางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม|สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม]]ถึง 4 ครั้ง ซึ่งมีการบันทึกว่าเป็นจำนวนมากกว่านักแสดงใดๆ ในปี ค.ศ. 1999 เฮปเบิร์นได้รับการประกาศชื่อจาก[[สถาบันภาพยนตร์อเมริกัน]]ในฐานะ[[AFI's 100 Years...100 Stars|นักแสดงหญิงที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล]] ของภาพยนตร์ฮอลลีวูดยุคคลาสสิก
เฮปเบิร์นเติบโตขึ้นใน[[รัฐคอนเนตทิคัต]]และถูกเลี้ยงดูโดยบิดามารดาที่มั่งคั่งและอยู่ในยุค[[สมัยแห่งความก้าวหน้า]] เฮปเบิร์นเริ่มแสดงขณะศึกษาอยู่ที่[[วิทยาลัยบรินมอร์]] หลังจากใช้เวลาสี่ปีแสดงในโรงละคร ได้มีบทวิจารณ์ที่ดีในช่วงที่ทำการแสดง[[ละครบรอดเวย์]]ได้ทำให้เธอเป็นที่สนใจของฮอลลีวูด ช่วงปีแรกๆของเธอในวงการภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยความสำเร็จ โดยเธอได้รางวัลออสการ์จากการแสดงในภาพยนตร์เรื่องที่สามของเธอ คือ เรื่อง ''[[
เฮปเบิร์นได้สร้างความท้าทายให้ตนเองในช่วงครึ่งหลังของชีวิต โดยเธอมักจะปรากฏตัวเป็นประจำในละครเวทีแนว[[วิลเลียม เชกสเปียร์|เชกสเปียร์]]และสร้างความท้าทายในบทบาทที่หลากหลายในด้านวรรณกรรม เธอพบช่องทางในการแสดงบทบาทเป็นสตรีทึนทึกวัยกลางคน เช่นในภาพยนตร์เรื่อง ''[[
เฮปเบิร์นเป็นที่รู้จักจากการที่เธอพยายามหลบหลีกจากสังคมสาธารณชนในฮอลลีวูด และปฏิเสธที่จะทำตามภาพความคาดหวังของสังคมที่มีต่อผู้หญิงในยุคนั้น เธอมีบุคลิกที่ตรงไปตรงมา แน่วแน่ ว่องไวและมักจะสวมใส่กางเกงขายาวเสมอก่อนที่มันจะกลายมาเป็นแฟชั่นสำหรับผู้หญิง เธอเคยแต่งงานหนึ่งครั้งขณะเป็นวัยรุ่น แต่หลังจากนั้นเธอก็อยู่อย่างอิสระ เธอมีเรื่องอื้อฉาวจากการมีความสัมพันธ์กับดาราดังอย่าง [[สเปนเซอร์ เทรซี]] ซึ่งถูกปิดซ่อนจากสังคมมาเป็นเวลากว่า 26 ปี ด้วยการที่เธอมีวิถีการดำเนินชีวิตที่แปลกใหม่และมีบุคลิกที่เป็นอิสระซึ่งได้นำเธอให้ก้าวเข้ามาสู่จอภาพยนตร์ เฮปเบิร์นจึงถูกเขียนคำจารึกไว้ว่าเป็น "ผู้หญิงยุคใหม่" ในสหรัฐอเมริกาช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 และถูกจดจำในฐานะตัวแสดงทางวัฒนธรรมที่มีความสำคัญ
บรรทัด 30:
ในวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 1921 ขณะที่เธอไปเยี่ยมเพื่อนที่[[กรีนิชวิลเลจ]] เฮปเบิร์นได้พบศพของ ทอม<ref>Hepburn (1991) p. 44.</ref> พี่ชายที่เธอรักมาก ซึ่งเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายอย่างเห็นได้ชัด เขาได้ผูกเชือกรอบขื่อและแขวนคอตาย<ref>Hepburn (1991) p. 46.</ref> ครอบครัวเฮปเบิร์นพยายามปฏิเสธเรื่องการฆ่าตัวตาย และพยายามเก็บเรื่องการตายของทอมให้เป็นเรื่องการทดลองที่ผิดพลาด<ref>Chandler (2011) p. 6.</ref> เหตุการณ์นี้ได้ทำให้เฮปเบิร์นในวัยรุ่นมีความวิตกกังวล เจ้าอารมณ์และเป็นที่น่าสงสัยต่อคนทั่วไป<ref>Higham (2004) p. 5.</ref> เธอหลีกหนีจากเด็กคนอื่นๆ เธอออกจาก[[โรงเรียนคิงส์วูด-ออกซฟอร์ด]]และเริ่มเรียนที่บ้าน<ref>Hepburn (1991) p. 49.</ref> เป็นเวลาหลายปีที่เธอใช้วันเกิดของทอม (8 พฤศจิกายน) เป็นวันเกิดของเธอเอง และความเป็นจริงก็ระบุในอัตชีวประวัติของเธอในปี ค.ศ. 1991 คือหนังสือ ''Me: Stories of My Life'' ซึ่งเฮปเบิร์นได้เปิดเผยวันเกิดที่แท้จริงของเธอ<ref>Chandler (2011) p. 7.</ref>
ในปี ค.ศ. 1924 เฮปเบิร์นได้เข้าเรียนที่[[วิทยาลัยบรินมอร์]] เธอได้เข้าเรียนในสถาบันการศึกษาเพื่อให้มารดาพอใจ เนื่องจากมารดาของเธอเคยศึกษาที่นี่ และนั่นเป็นประสบการณ์ที่เธอไม่ชอบใจเลย<ref>Kanin (1971) p. 285.</ref> เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้าเรียนเป็นเวลาหลายปี เธอรู้สึกประหม่าและอึดอัดกับเพื่อนร่วมชั้นของเธอ<ref>Hepburn (1991) p. 69.</ref> เธอต้องต่อสู้กับความต้องการทางวิชาการในวิทยาลัยและครั้งหนึ่งเธอถูกสั่งพักการเรียนจากการที่เธอแอบสูบบุหรี่ในห้องของเธอเอง<ref name="dickens 4">Dickens (1990) p. 4.</ref> เฮปเบิร์นถูกดึงไปแสดงละคร แต่บทบาทในการเล่นละครของวิทยาลัยจะขึ้นอยู่กับเกรดที่ดี ครั้งหนึ่งเธอทำคะแนนได้ดีขึ้น จึงทำให้เริ่มแสดงละครได้บ่อยขึ้น<ref name="dickens 4"/> เธอได้แสดงบทนำในละครเวทีเรื่อง ''[[
==การทำงาน==
บรรทัด 36:
เฮปเบิร์นออกจากมหาวิทยาลัยโดยมุ่งมั่นที่จะเป็นนักแสดง<ref name="Time">{{cite news|url=http://content.time.com/time/magazine/article/0,9171,816908,00.html|title=Cinema: The Hepburn Story |date = September 1, 1952|newspaper= Time|accessdate=August 21, 2011}}{{subscription required}}</ref> หลังจากจบการศึกษา เธอเดินทางไปที่[[บอลทิมอร์]]เพื่อพบกับ[[เอ็ดวิน เอช. คน็อปฟ์]] ผู้ประสบความสำเร็จใน[[วงการผลิตละครเวที|วงการบริษัทละครเวที]]<ref name="all about me">{{Cite AV media|title=Katharine Hepburn: All About Me|publisher=[[Turner Network Television]]|airdate=January 18, 1993|credits=Directed by David Healy}} Stated by Hepburn in this documentary.</ref> เขาประทับใจในความทะเยอทะยานของเธอ คน็อปฟ์ให้เธอแสดงในละครที่เขาจัดอยู่ในขณะนั้นคือ เรื่อง '''''The Czarina'''''<ref>Higham (2004) p. 8.</ref> เธอได้รับคำวิจารณ์ที่ดีในบทเล็กๆของเธอ และการแสดงในเรื่อง '''''Printed Word''''' ได้ถูกบรรยายว่าเป็นที่ "น่าตราตรึง"<ref name="Hep p 81">Hepburn (1991) p. 81.</ref> เธอได้แสดงในอีกสัปดาห์ต่อมา แต่การแสดงครั้งที่สองของเธอได้รับการตอบรับน้อยกว่าเดิม เธอถูกวิจารณ์ในเรื่องเสียงที่แหลมสูงของเธอ และเพราะเหตุนั้นเธอจึงเดินทางออกจากบอลทิมอร์เพื่อเรียนกับผู้ฝึกสอนด้านเสียงในนิวยอร์ก<ref name="higham p 9">Higham (2004) p. 9.</ref>
[[ไฟล์:Katharine Hepburn in The Warriors Husband.jpg|thumb|left|upright|alt=Hepburn, a young woman, dressed in a short tunic and armour, acting in a play.|เฮปเบิร์นในบทบาทที่ดึงดูดความสนใจจากฮอลลีวูด ในละครเวที ''The Warrior's Husband'' ค.ศ. 1932]]
คน็อปฟ์ตัดสินใจที่จสร้างละครเวทีเรื่อง ''[[The Big Pond]]'' ในนิวยอร์ก และได้ตั้งเฮปเบิร์นให้ฝึกซ้อมเพื่อเป็นตัวสำรองบทนักแสดงนำ เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนทำการแสดง นักแสดงนำถูกไล่ออกและเฮปเบิร์นเข้ามาแทนที่ ซึ่งทำให้เธอได้มีบทบาทในการแสดงเพียงสี่สัปดาห์ในสายงานละครเวที<ref>Berg (2004) p. 59; Higham (2004) p. 9.</ref> ในคืนเปิดทำการแสดง เธอปรากฏตัวช้าเกินไป พูดบทมั่ว เดินสะดุดเท้าตัวเอง และพูดเร็วเกินกว่าจะจับใจความได้<ref name="higham p 9"/> เธอถูกไล่ออกทันที และผู้หญิงที่เล่นบทนำคนเดิมได้ถูกจ้างใหม่อีกครั้ง ด้วยไม่มีใครสามารถขวางได้ เธอจึงไปเข้าสังกัดของผู้อำนวยการสร้าง คือ [[อาเธอร์ ฮ็อปกินส์]] และรับบทเป็นนักเรียนหญิงในเรื่อง ''These Days'' การเปิดตัวในละครบรอดเวย์ครั้งแรกของเธอเริ่มในวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1928 ที่[[โรงละครคอร์ท]] แต่คำวิจารณ์ที่ออกมานั้นย่ำแย่และละครต้องยุติลงหลังจากแสดงไปแปดคืน<ref name="higham p 9"/> ฮ็อปกินส์รับจ้างเฮปเบิร์นโดยทันทีในฐานะตัวสำรองบทนักแสดงนำในบทละครของ[[ฟิลิป แบร์รี]] เรื่อง ''[[
ในปี ค.ศ. 1929 เฮปเบิร์นปฏิเสธบทบาทร่วมกับ[[เธียเตอร์กิลด์]] โดยไปแสดงบทนำในละคร ''[[
เฮปเบิร์นปรากฏตัวในละครหลายเรื่องของบริษัท[[ซัมเมอร์สต็อกเธียเตอร์]]ที่[[ไอวอรีตัน, คอนเนตทิคัต]] และเริ่มพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอเริ่มโด่งดัง<ref name="higham p 16"/> ระหว่างฤดูร้อน ค.ศ. 1931 ฟิลิป แบร์รีเสนอให้เธอแสดงในละครเรื่องใหม่ของเขา คือ เรื่อง ''
เรื่อง
===ความสำเร็จในฮอลลีวูด (ค.ศ. 1932 - 34)===
|