ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระสุนทรราชวงศาฯ (เจ้าฝ่ายบุต)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ชวลิต ประกอบสุข (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ชวลิต ประกอบสุข (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 23:
 
== ประวัติ ==
พระสุนทรราชวงศาฯ หรือ เจ้าฝ่ายบุต เป็นพระโอรสของ[[พระวิไชยราชสุริยวงษขัติยราช|เจ้าพระวิไชยราชสุริยวงษขัติยราช]] เจ้าผู้ครอง[[อาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์]] องค์ที่ 3 สมภพที่นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน ในทรงอภิเสกสมรสกับเจ้านางพรหมมา มีพระโอรส 1 องค์ คือ เจ้าเหม็น

ปี พ.ศ. 2334 เกิดเหตุ[[กบฏอ้ายเชียงแก้ว]]ที่[[อาณาจักรล้านช้าง|อาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์]] ทางฝ่ายนครจำปาศักดิ์ไม่สามารถรับมือได้ เนื่องจาก[[พระเจ้าองค์หลวงไชยกุมาร]] เจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์ในเวลานั้น ถึงแก่พิราลัยกะทันหันหลังจากได้รับทราบข่าวศึก (ก่อนหน้านั้นพระเจ้าองค์หลวงฯ เองก็ประชวรเรื้อรังมานานแล้ว) เจ้าฝ่ายหน้า ได้นำเจ้าคำสิงห์ และเจ้าฝ่ายบุต พระโอรสทั้งสองไปร่วมมือกับ[[พระประทุมวรราชสุริยวงศ์|พระประทุมราชวงศา (เจ้าคำผง)]] เจ้าผู้ครองเมืองอุบล ผู้เป็นพระเชษฐา ยกทัพไปปราบกบฏอ้ายเชียงแก้วจนราบคาบ และเจ้าฝ่ายหน้าได้จับตัวอ้ายเชียงแก้วประหารชีวิตที่[[แก่งตะนะ]] (อยู่ใน[[แม่น้ำมูล]] ระหว่าง[[อำเภอพิบูลมังสาหาร]]กับ[[อำเภอสิรินธร]]ในปัจจุบัน) ก่อนหน้าที่กองทัพเมือง[[นครราชสีมา]]จะยกมาถึงตามรับสั่งจากกรุงเทพฯ ด้วยความดีความชอบในครั้งนี้ ทำให้เจ้าหน้าได้รับการแต่งตั้งเป็น '''"พระวิไชยราชสุริยวงษขัติยราช"'''<ref>ชื่อตาม ''พงศาวดารหัวเมืองมณฑลอีสาน'' ของ[[หม่อมอมรวงศ์วิจิตร]]</ref> เจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์ องค์ที่ 3 แลพระวิไชยราชสุริยวงษขัติยราชก็ยังให้เจ้าฝ่ายบุต ผู้เป็นพระราชโอรสลงไปรับราชการสนองที่นครจำปาศักดิ์อีกด้วย
 
ปี พ.ศ. 2370 พระยาราชสุภาวดีจึงกราบบังคมทูลความดีความชอบของเจ้าฝ่ายบุตในคราวปราบกบฎเจ้าอนุวงศ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเจ้าฝ่ายบุตเป็น'''พระสุนทรราชวงศา มหาขัติยชาติ ประเทศราชวงศ์เวียง ดำรงรักษ์ภักดียศฦๅไกร ศรีพิไชยสงคราม'''<ref>พระราชพงศาวดาร-กรุงรัตนโกสินทร์-รัชชกาลที่-๔/๒๑๑-ทรงตั้งและแปลงนามเจ้าเมืองกรมการ</ref> เจ้าผู้ครองเมืองยศสุนทร องค์ที่ 3 (พ.ศ. 2370-2400) พร้อมพระราชทานพระพุทธรูปสำคัญคือ [[พระพุทธปฏิมาบุษยรัตน์]] หรือ พระแก้วหยดน้ำค้าง อันเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองยโสธรในปัจจุบัน , พระราชทานเชลยศึกจากนครเวียงจันทน์ จำนวน 500 ครอบครัว และพระราชทานปืนใหญ่ไว้สำหรับเมืองยศสุนทร 1 กระบอก อันมีชื่อว่า "ปืนนางป้อง" ซึ่งยังคงปรากฏอยู่ที่ศาลหลักเมืองยโสธรมาจนถึงปัจจุบัน