ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระสุนทรราชวงศาฯ (เจ้าฝ่ายบุต)"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 20:
|รัชกาลถัดมา= [[พระสุนทรราชวงศาฯ (เจ้าเหม็น)]]
}}
'''พระสุนทรราชวงศาฯ''' หรือ '''เจ้าฝ่ายบุต''' เจ้าผู้ครองเมืองยศสุนทรประเทศราช องค์ที่ 3 และเป็นพระโอรสของ[[พระวิไชยราชสุริยวงษขัติยราช|เจ้าพระวิไชยราชสุริยวงษขัติยราช]] เจ้าผู้ครอง[[อาณาจักรล้านช้าง
== ประวัติ ==
พระสุนทรราชวงศาฯ หรือ เจ้าฝ่ายบุต เป็นพระโอรสของ[[พระวิไชยราชสุริยวงษขัติยราช|เจ้าพระวิไชยราชสุริยวงษขัติยราช]] เจ้าผู้ครอง[[อาณาจักรล้านช้าง
ในปี พ.ศ. 2370 พระยาราชสุภาวดีจึงกราบบังคมทูลความดีความชอบของเจ้าฝ่ายบุตในคราวปราบกบฎเจ้าอนุวงศ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเจ้าฝ่ายบุตเป็น'''พระสุนทรราชวงศา มหาขัติยชาติ ประเทศราชวงศ์เวียง ดำรงรักษ์ภักดียศฦๅไกร ศรีพิไชยสงคราม'''<ref>พระราชพงศาวดาร-กรุงรัตนโกสินทร์-รัชชกาลที่-๔/๒๑๑-ทรงตั้งและแปลงนามเจ้าเมืองกรมการ</ref> เจ้าผู้ครองเมืองยศสุนทร องค์ที่ 3 (พ.ศ. 2370-2400) พร้อมพระราชทานพระพุทธรูปสำคัญคือ [[พระพุทธปฏิมาบุษยรัตน์]] หรือ พระแก้วหยดน้ำค้าง อันเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองยโสธรในปัจจุบัน , พระราชทานเชลยศึกจากนครเวียงจันทน์ จำนวน 500 ครอบครัว และพระราชทานปืนใหญ่ไว้สำหรับเมืองยศสุนทร 1 กระบอก อันมีชื่อว่า "ปืนนางป้อง" ซึ่งยังคงปรากฏอยู่ที่ศาลหลักเมืองยโสธรมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อเจ้าฝ่ายบุตได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองเมืองแล้ว ได้ให้ไพร่พลนำหินศิลาจากบ้านแก้งหินโงม มาสร้างพระพุทธบาทจำลองประดิษฐานที่มณฑปวัดป่าอัมพวัน สร้างวัดขึ้นที่ท่าน้ำริมฝั่งแม่น้ำชี เรียกว่า '''วัดท่าแขก''' (หรือ'''[[วัดศรีธรรมาราม]]'''ในปัจจุบัน) และสร้างวัดขึ้นที่กลางเมือง เรียกว่า '''วัดกลางศรีไตรภูมิ''' ไว้เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองสืบมา
บรรทัด 67:
|boxstyle_5=background-color: #9fe;
|1= [[พระสุนทรราชวงศาฯ (เจ้าฝ่ายบุต)]]
|2= [[พระวิไชยราชสุริยวงษขัติยราช]] แห่ง[[อาณาจักรล้านช้าง
|3= พระชายา
|4= [[เจ้าพระตา|เจ้าพระวรราชปิตา]] แห่งนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน
|