ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระยาพิมพิสารราชา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Nubbkao (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
พีรวงค์ (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 9:
|รัชกาลก่อนหน้า = [[พระยาอินทวิไชย]]
|รัชกาลถัดมา = [[เจ้าพิริยเทพวงษ์]]
|ฐานันดร = พระยาประเทศราชเจ้าหลวง
|วันประสูติ = [[พ.ศ. 2356]]
|วันพิราลัย = [[พ.ศ. 2429]]
บรรทัด 28:
}}
{{เจ้าผู้ครองนครแพร่แห่งราชวงศ์เทพวงศ์}}
'''พระยาพิมพิสารราชา''' หรือ '''เจ้าหลวงพิมพิสาร''' ทรงเป็น[[รายพระนามเจ้าผู้ครองนครแพร่|เจ้าผู้ครองนครแพร่]] องค์ที่ 2124 (องค์ที่ 3 แห่ง[[ราชวงศ์เทพวงศ์]]) ในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] พระองค์ได้เสด็จขึ้นครองนครแพร่ต่อจาก[[พระยาอินทวิไชย]]ผู้เป็นราชมาตุลาของพระองค์
 
==พระประวัติ==
พระยาพิมสารราชา หรือ '''เจ้าหลวงพิมพิสาร'''<ref name="เจ้านาย"/> ([[พ.ศ. 2356]] – [[พ.ศ. 2429]]) มีพระนามเดิมว่าเจ้าพิมพิสาร เป็นโอรสของพระยาวังขวา (เฒ่า) กับ[[เจ้าปิ่นแก้ว|แม่เจ้าปิ่นแก้ว]] ซึ่งราชธิดา[[พระยาเทพวงศ์]] [[รายพระนามเจ้าผู้ครองนครแพร่|เจ้าผู้ครองนครแพร่]] องค์ที่ 1 กับ[[แม่เจ้าสุชาดา|แม่เจ้าสุชาดาราชเทวี]] ''(แต่พระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 4 ระบุว่าเป็นน้องสาว [[พระยาแสนซ้าย]] เจ้าเมืองแพร่)''
 
เจ้าพิมพิสารได้รับราชการมีบรรดาศักดิ์เป็น''พระยาราชวงศ์'' เมื่อพระยาอินทวิไชยผู้เป็นราชมาตุลาถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 2390 [[พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว]]จึงโปรดเกล้าฯ ตั้งเป็น''พระยาแพร่'' ขณะมีชันษาได้ 34 ปี เมื่อ[[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ขึ้นครองราชย์ พระยาพิมพิสารไม่ลงไปเข้าเฝ้า จึงไม่ได้รับพระราชทานนามใหม่ขึ้นเป็นเจ้าอย่างเจ้านครเชียงใหม่ เจ้านครลำพูน เจ้านครลำปาง และเจ้านครเมืองน่าน<ref>{{อ้างหนังสือ| ผู้แต่ง = เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค)| ชื่อหนังสือ = พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑-๔| จังหวัด = กรุงเทพฯ| พิมพ์ที่ = ศรีปัญญา| ปี = 2555| ISBN = 978-616-7146-30-0| จำนวนหน้า = 2,136| หน้า = 1559}}</ref>
 
พระยาพิมพิสาร ทรงเป็นเจ้าหลวงที่ปลูกฝังนิสัยเรื่องการประหยัด และการรู้จักประมาณตนแก่ชาวเมืองแพร่เป็นอย่างดี ดังมีเรื่องเล่ากันว่า หม้อน้ำที่ท่านตั้งไว้ข้างถนนสำหรับผู้สัญจรนั้น จะมีกระบวยใหญ่และกระบวยเล็กอย่างละ 1 อัน หากใครใช้กระบวยใหญ่ตักดื่มน้ำแล้ว เทน้ำที่เหลือทิ้ง หรือใช้กระบวยเล็กตักดื่มซ้ำเมื่อไม่อิ่ม ต่างก็โดนก๋งยิง (เป็นอาวุธที่ใช้ลูกหินขนาดเล็กเป็นกระสุนสามารถทำให้เจ็บตัวหรือเป็นแผลได้) ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่รู้จักประมาณตนเอง หรือไม่ประหยัด นอกจากนี้เจ้าหลวงพิมพิสารยังมีกิจการค้าไม้สัก ทำรายได้เข้าเมืองแพร่นับหลายล้านบาทต่อปี ทำให้เศรษฐกิจในเมืองแพร่มีความต่อเนื่องและเป็นไปได้ดี<ref name="เจ้าหลวง"/>และพระองค์ยังทรงบูรณะวัดหลวง เมืองแพร่ในปีพ.ศ. 2416
 
พระยาพิมพิสาร ถึงแก่พิราลัยเวลาบ่าย 5 โมง แรม 7 ค่ำ เดือน 11 ปีจอ พ.ศ. 2429 สิริชันษา 73 ปี
บรรทัด 50:
 
::* แม่เจ้าอินทร์ลงเหลา เสกสมรสกับเจ้าหนานศรีทิ (เจ้านายเมืองน่าน) มีโอรส-ธิดา 3 คน
:::1.เจ้าศรีเมือง
:::2.แม่เจ้าฟอง บรรเลง สมรสกับนายหนานแสน บรรเลง โยมบิดา-มารดา-บิดา [[พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ฟู อตฺตสิโว)]] อดีตเจ้าคณะตรวจการภาค 4 และ 5
:::3.แม่เจ้าแก้ว เหลี่ยมเพชร
::* เจ้าน้อยเทพวงศ์ ต่อมาคือ [[เจ้าพิริยเทพวงษ์]] เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย
 
บรรทัด 67:
*'''หม่อมจันทร์''' (พบชื่อในประวัติ[[พญาพรหมโวหาร]]) ไม่ปรากฎว่ามีราชบุตรด้วยกันหรือไม่
 
== พระอิสริยยศ ==
==พงศาวลี==
 
* พ.ศ. 2356 เจ้าพิมพิสาร
* ก่อนพ.ศ. 2390 พระยาราชวงศ์
* พ.ศ. 2390 - พ.ศ. 2429 พระยาแพร่
 
== พงศาวลี ==
{{ahnentafel top|width=100%}}
<center>{{ahnentafel-compact5