ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ก๊วก คูน ฮอง"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
หน้าใหม่: '''ก๊วก คูน ฮอง''' ({{lang-en|Kuok Khoon Hong}}) หรือ '''กัว ข่งเฟิง''' () เกิดเมื่อปี ค.ศ. 194... |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1:
'''ก๊วก คูน ฮอง''' ({{lang-en|Kuok Khoon Hong}}) หรือ '''กัว ข่งเฟิง''' () เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1949 เป็นนักธุรกิจชาว[[ประเทศสิงคโปร์|สิงคโปร์]]<ref name="Forbes 1">{{cite web|url=https://www.forbes.com/lists/2011/79/singapore-billionaires-11_Kuok-Khoon-Hong_7AFC.html|title=#6 Kuok Khoon Hong|publisher=[[Forbes]]|accessdate=June 4, 2013}}</ref> เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท[[วิลมาร์อินเตอร์แนชันนัล]] ผู้ผลิต[[น้ำมันปาล์ม]]รายใหญ่ที่สุดของโลก ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท นิตยสาร[[ฟอบส์]]เปิดเผยว่าก๊วกมีทรัพย์สินมากถึง 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2019<ref>[https://www.forbes.com/profile/kuok-khoon-hong/ Kuok Khoon Hong]</ref>
== ประวัติ ==
ก๊วกเกิดเมื่อปี ค.ศ. 1949 ที่หมู่บ้านเมอร์ซิงริมชายทะเลใน[[รัฐยะโฮร์]] ประเทศมาเลเซีย เป็นบุตรคนที่สองของ ก๊วก ฮ็อก สวี และตัน เส็ก เหม็ง บิดาของเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ[[โรเบิร์ต ก๊วก]] มหาเศรษฐีชาวมาเลเซีย<ref>[https://asia.nikkei.com/Spotlight/Asian-Family-Conglomerates/Mahathir-s-94-year-old-top-adviser-rekindles-China-connections Mahathir's 94-year-old top adviser rekindles China connections]</ref> บิดาของก๊วกเป็นชาวจีนอพยพมาจากฟูโฉว ทางตอนใต้ของจีนตั้งแต่อายุ 18 และตั้งรกรากที่เมอร์ซิง เปิดร้านค้าขายผลิตภัณฑ์อาหารกับทางชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมลายู
ก๊วกศึกษาระดับต้นที่โรงเรียนศรีเมอร์ซิง โรงเรียนเซนต์สตีเฟน และอิงลิชคอลเลจ และจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจจาก[[มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์]] (NUS) จากนั้นเริ่มต้นอาชีพด้วยการค้าน้ำมันทำอาหารและธัญพืชของเครือบริษัทก๊วก เติบโตขึ้นเป็นผู้อำนวยการจัดการของบริษัทได้ พัฒนาศูนย์กลั่นน้ำมันทำอาหาร Pasir Gudang ที่ยะโฮร์ และต่อมาได้เปิดโรงงานที่จีน<ref>https://www.bloomberg.com/research/stocks/people/person.asp?personId=11517962&capId=877757&previousCapId=879147&previousTitle=Gamuda%2520Bhd</ref>
ในปี ค.ศ. 1991 ก๊วกได้ลาออกจากบริษัทเพื่อตั้งบริษัทวิลมาร์ร่วมกับมาร์ทัว ซิโทรุส โดยใช้เงินทุน 2 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์จากการจำนองบ้านของครอบครัว<ref name="Bloomberg 1">{{cite news|url=https://www.bloomberg.com/news/2013-01-31/billionaire-kuok-says-his-empire-can-last-generations-.html|newspaper=[[Bloomberg L.P.|Bloomberg]]|title=Billionaire Kuok Says His Empire Can Last ’Generations’|author1=Chanyaporn Chanjaroen|author2=William Mellor|date=February 1, 2013}}</ref> จากนั้นได้ทุนเพิ่มเติมจากบริษัท''ก๊วกฮ็อกสวีและลูก'' บริษัทร่วมทุนที่ผู้เป็นบิดาได้ตั้งขึ้น บริษัทวิลมาร์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจากการขายนอกประเทศ ประกอบกับความเฟื่องฟูจากการปลูกต้นปาล์มที่[[เกาะสุมาตรา]]ใน[[ประเทศอินโดนีเซีย|อินโดนีเซีย]]และการตั้งโรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มในอินโดนีเซีย ต่อมาเมื่อขยายกิจการไปยังจีนและร่วมทุนกับอดานีกรุ๊ปจากอินเดีย บริษัทจึงกลายเป็นผู้นำในตลาดน้ำมันทำอาหารของเอเชีย
ในปี ค.ศ. 2006 วิลมาร์อินเตอร์แนชันนัล จดทะเบียนใน[[ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์]]และเปิดขายหุ้นแก่สาธารณชนครั้งแรก (IPO) มีมูลค่าการตลาดสูงถึง 2.38 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ จากนั้นได้เจรจากับโรเบิร์ต ก๊วก ผู้มีศักดิ์เป็นลุงในการรวมธุรกิจน้ำมันทำอาหาร จำหน่าย และปลูกต้นน้ำมันปาล์มเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวิลมาร์ แลกกับหุ้นร้อยละ 31 คืนให้กับลุง การรวมกิจการครั้งนี้ทำให้วิลมาร์เติบโตขึ้นไปอีกภายใต้ความเป็นหนึ่งเดียวกับก๊วกกรุ๊ป
== อ้างอิง ==
| |||