9,287
การแก้ไข
แผ่นเหล็กในส่วนกลาง 60 เปอร์เซ็นต์ของตัวเรือถูกยึดด้วยหมุดเหล็กเหนียวสามแถว แต่แผ่นเหล็กที่หัวเรือและท้ายเรือถูกยึดติดด้วยหมุดเหล็กอ่อนสองแถว ซึ่งตามความเห็นของนักวิทยาศาสตร์ด้านวัสดุทิม โฟค (Tim Foecke) และเจนนิเฟอร์ แมคคาร์ตี้ (Jennifer McCarty) - หมุดเข้าใกล้กับขีดจำกัด[[ความเค้น]]ก่อนเกิดการชน{{sfn|''Materials Today'', 2008}}{{sfn|McCarty|Foecke|2012|p=83}} "Best" หรือหมุดเหล็ก No. 3 มีกากแร่ในระดับสูงทำให้มีความเปราะมากกว่า "Best-Best" หรือหมุดเหล็ก No. 4 และมีแนวโน้มที่จะแตกหักเมื่อเกิดความเค้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อากาศเย็นจัด{{sfn|Broad|2008}}{{sfn|Verhoeven|2007|p=49}} ทอม แมคคลัสกี้ (Tom McCluskie) นักจดหมายเหตุเกษียณอายุของฮาร์แลนด์และวูล์ฟ ชี้ให้เห็นว่าเรือ ''[[อาร์เอ็มเอส โอลิมปิก|โอลิมปิก]]'' ซึ่งเป็นเรือพี่น้องกับ ''ไททานิก'' ใช้หมุดเหล็กชนิดเดียวกัน และให้บริการโดยไม่เกิดอุบัติเหตุเป็นเวลาเกือบ 25 ปี รอดพ้นจากการชนหนักหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงการถูกกระแทกโดย[[เรือลาดตระเวน]]อังกฤษ{{sfn|Ewers|2008}} เมื่อ ''โอลิมปิก'' ชนและจม[[เรืออู]] ''อู 103'' ทางหัวเรือ ทวนหัวบิด แผ่นเหล็กตัวเรือทางกราบขวาโค้งงอ แต่ไม่ทำลายความมั่นคงของตัวเรือ{{sfn|Ewers|2008}}{{sfn|Mills|1993|p=46}}
เหนือเส้นน้ำลึกมีหลักฐานของการชนกันเพียงเล็กน้อย บริกรในห้องรับประทานอาหารชั้นเฟิร์สต์คลาสสังเกตเห็นความสั่นสะเทือน ซึ่งพวกเขาคิดว่าอาจเกิดจากปลดใบจักร ผู้โดยสารหลายคนรู้สึกว่าถูกกระแทกหรือรู้ถึงความสั่นสะเทือน - "ราวกับว่าหินหลายพันก้อนถล่มลงมา"<ref>{{cite web|url=http://www.titanicinquiry.org/USInq/AmInq12White01.php|title=Testimony of Mrs J Stuart White at the US Inquiry|accessdate=1 May 2017}}</ref> ตามที่ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งกล่าวเอาไว้ แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น{{sfn|Butler|1998|pp=67–69}} ผู้ที่อยู่บนดาดฟ้าเรือชั้นล่างสุดซึ่งใกล้กับจุดที่เกิดการปะทะมากที่สุด จะรู้สึกคล้ายกันแต่รุนแรงกว่า พนักงานหล่อลื่นเครื่องยนต์ วอลเตอร์ เฮิร์สต์ (Walter Hurst) จำได้ว่า "ตื่นขึ้นจากการชนบดยาวไปทางกราบขวา ไม่มีใครตื่นตกใจมาก แต่รู้ว่าเราชนอะไรบางอย่าง"{{sfn|Barratt|2010|p=151}}
น้ำไหลเข้าท่วมเรือในทันทีด้วยในอัตราเร็วประมาณ 7.1 ตันต่อวินาทีซึ่งเร็วกว่าที่เรือจะสูบออกได้ถึงสิบห้าเท่า{{sfn|Aldridge|2008|p=86}} รองต้นกล เจ. เอช. เฮชเซ็ธ (J. H. Hesketh) และหัวหน้าผู้ควบคุมเตาไฟ เฟรดเดอริก บาร์เร็ตต์ (Frederick Barrett) ทั้งคู่ถูกกระแทกด้วยน้ำที่เย็นเยือกที่พุ่งเข้ามาจากรอยแยกในห้องหม้อไอน้ำหมายเลข 6 และหนีออกไปได้ก่อนที่ประตูผนึกน้ำจะถูกปิด{{sfn|Ballard|1987|p=71}} นี่เป็นสถานการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่งสำหรับเจ้าหน้าที่วิศวกรรม หม้อไอน้ำยังคงเต็มไปด้วยไอน้ำร้อนแรงดันสูง และมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการระเบิดหากสัมผัสกับน้ำทะเลที่เย็นเยือกที่ไหลเข้าท่วมห้องหม้อไอน้ำ ผู้ควบคุมเตาไฟและพนักงานดับเพลิงได้รับคำสั่งให้ลดไฟและระบายหม้อไอน้ำทิ้ง โดยส่งไอน้ำปริมาณมากขึ้นไปในท่อระบาย เมื่อเสร็จงานน้ำได้ท่วมลึกถึงเอวแล้ว{{sfn|Barczewski|2006|p=18}}
ดาดฟ้าเรือชั้นล่างสุดของ ''ไททานิก'' แบ่งเป็น 16 ห้อง แต่ละห้องแบ่งแยกจากกันด้วยผนังกั้นห้องยาวไปตามความกว้างของตัวเรือ มีทั้งสิ้น 15 ผนัง แต่ละผนังกั้นสูงถึงดาดฟ้าเรือชั้น E สูง {{convert|11|ft|m}} เหนือเส้นน้ำลึก สองห้องใกล้หัวเรือและหกห้องใกล้ท้ายเรือ ผนังกั้นสูงขึ้นไปถึงดาดฟ้าเรืออีกชั้น - ชั้น D{{sfn|Mersey|1912}}
แต่ละผนังกั้นห้องสามารถปิดผนึกด้วยประตูผนึกน้ำ ห้องเครื่องยนต์และห้องหม้อไอน้ำบนท้องเรือชั้นในมีประตูเป็นแบบแนวดิ่งที่สามารถควบคุมระยะไกลได้จากสะพานเดินเรือ ปิดโดยอัตโนมัติโดยทุ่นลอยถ้าน้ำท่วม หรือปิดโดยลูกเรือเอง ประตูจะใช้เวลาปิดประมาณ 30 วินาที สัญญาณเตือนภัยและทางหลบหนีอื่นได้ถูกจัดเตรียมไว้เพื่อไม่ให้ลูกเรือติดอยู่ในห้อง เหนือท้องเรือชั้นในบนดาดฟ้าเรือชั้นท้องเรือ, ดาดฟ้าเรือชั้น F และ ดาดฟ้าเรือชั้น E เป็นประตูปิดในแนวขวางและปิดด้วยมือ ประตูสามารถปิดที่ตัวประตูเองหรือจากดาดฟ้าเรือด้านบน{{sfn|Mersey|1912}}
แม้ว่าผนังกั้นห้องผนึกน้ำจะอยู่เหนือเส้นน้ำลึก แต่ตัวเรือก็ไม่ได้ปิดผนึกที่ดาดฟ้าเรือด้านบน ถ้ามีน้ำท่วมในหลายห้อง หัวเรือจะจมลึกลงไปในน้ำ และน้ำจะล้นทะลักจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่งที่อยู่ถัดไปตามลำดับ คล้ายกับน้ำที่ล้นไปที่ด้านบนของถาดน้ำแข็งเมื่อเอียงถาด ความเสียหายที่เกิดกับ ''ไททานิก'' เกิดที่ห้องหัวเรือ ห้องว่างสามห้องถัดไป และห้องหม้อไอน้ำหมายเลข 6 รวมทั้งสิ้น 5 ห้องเรือ ''ไททานิก'' ได้รับการออกแบบให้ยังลอยอยู่ได้โดยมีห้องเรือสองห้องถูกน้ำท่วมและเรือจะไม่ล่มถ้าสี่ห้องแรกแตกรั่ว ด้วยห้าห้องเรือที่น้ำท่วมทำให้น้ำท่วมสูงกว่าผนังกั้นห้องไหลท่วมเรือต่อไป{{sfn|Mersey|1912}}{{sfn|Ballard|1987|p=22}}
[[ไฟล์:Titanic sinking gif.gif|alt=|thumb|''
กัปตันสมิธรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของการชนจากในห้องเคบินของเขาและมาถึงสะพานเดินเรือทันที เมื่อทราบถึงสถานการณ์เขาเรียกโทมัส แอนดรูวส์ (Thomas Andrews) ผู้สร้างไททานิค ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มวิศวกรจากฮาร์แลนด์และวูล์ฟที่เข้าร่วมสังเกตการณ์การเดินทางเที่ยวแรกของเรือ{{sfn|Barczewski|2006|p=147}} เรือเอียงห้าองศาไปทางกราบขวาและหัวเรือจมลงสององศาในห้านาทีหลังการชน{{sfn|Butler|1998|p=71}} สมิธและแอนดรูว์ลงไปด้านล่างและพบว่าห้องเก็บสัมภาระด้านหน้า ห้องไปรษณีย์ และสนามสควอชถูกน้ำท่วม ในขณะที่ห้องหม้อไอน้ำหมายเลข 6 น้ำท่วมลึก {{convert|14|ft}} และทะลักเข้าสู่หม้อไอน้ำหมายเลข 5 {{sfn|Butler|1998|p=71}} และลูกเรือกำลังดิ้นรนสูบน้ำออก{{sfn|Butler|1998|p=72}}
ภายใน 45 นาทีหลังการชน น้ำอย่างน้อย 13,700 ตันไหลเข้าสู่เรือ นี่เป็นเรื่องที่มากเกินไปที่อับเฉาเรือและปั๊มน้ำท้องเรือของ ''ไททานิก'' จะรับมือไหว ความสามารถในการสูบน้ำของปั๊มรวมกันมีทั้งหมดเพียง 1,700 ตันต่อชั่วโมง{{sfn|Halpern|Weeks|2011|p=112}} แอนดรูว์แจ้งกัปตันว่าห้าห้องแรกถูกน้ำท่วม ดังนั้น ''ไททานิก'' ถึงจุดจบแล้ว จากการประเมินของเขา เรือจะสามารถลอยตัวได้ไม่เกินสองชั่วโมง{{sfn|Barczewski|2006|p=148}}
<!--From the time of the collision to the moment of her sinking, at least {{convert|35000|LT|t}} of water flooded into ''Titanic'', causing her [[displacement (ship)|displacement]] to nearly double from {{convert|48300|LT|t}} to over {{convert|83000|LT|t}}.{{sfn|Halpern|Weeks|2011|p=106}} The flooding did not proceed at a constant pace, nor was it distributed evenly throughout the ship, due to the configuration of the flooded compartments. Her initial list to starboard was caused by asymmetrical flooding of the starboard side as water poured down a passageway at the bottom of the ship.{{sfn|Halpern|Weeks|2011|p=116}} When the passageway was fully flooded, the list corrected itself but the ship later began to list to port by up to ten degrees as that side also flooded asymmetrically.{{sfn|Halpern|Weeks|2011|p=118}}
''Titanic''{{'}}s down angle altered fairly rapidly from zero degrees to about four and a half degrees during the first hour after the collision, but the rate at which the ship went down slowed greatly for the second hour, worsening only to about five degrees.{{sfn|Halpern|Weeks|2011|p=109}} This gave many of those aboard a false sense of hope that the ship might stay afloat long enough for them to be rescued. By 1:30, the sinking rate of the front section increased until ''Titanic'' reached a down angle of about ten degrees.{{sfn|Halpern|Weeks|2011|p=118}} At about 02:15, ''Titanic''{{'}}s angle in the water began to increase rapidly as water poured into previously unflooded parts of the ship through deck hatches, disappearing from view at 02:20.{{sfn|Barratt|2010|p=131}}-->
|
การแก้ไข