ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ไอนด์โฮเวน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ลบการเปลี่ยนทางไป ไอนด์โฮเฟน
ป้ายระบุ: ลบหน้าเปลี่ยนทาง
Natty sci (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 41:
 
== ชื่อ ==
ชื่อของไอน์โฮเฟนไอนด์โฮเฟน อาจมาจากการผสมคำระหว่างคำว่า ไอน์ไอนด์ (eind) ที่หมายถึงจุดสิ้่นสุด และ โฮฟ (hove) ที่เป็นหน่วยวัดพื้นที่ขนาดราวๆ 14 เฮกเตอร์ ไอน์ไอนด์เป็นคำที่มักใช้นำหน้าสถานที่และถนนต่างๆ ส่วนโฮฟเป็นหน่วยวัดพื้นที่ที่ได้รับความนิยมในสมัยโบราณโดยมักหมายถึงขนาดพื้นที่ที่เจ้าของที่ดินปล่อยเช่าให้กับบุคคลอื่น เช่นชาวนา และเป็นหน่วยที่ใช้กันมากในแถบเมืองโบราณที่ชื่อ วูนเซล (Woensel) ดังนั้น ชื่อเมืองไอน์โฮเฟนไอนด์โฮเฟน น่าจะหมายถึง พื้นที่โฮฟสุดท้ายของเมืองวูนเซล นั่นเอง
 
== ประวัติ ==
 
=== คริสต์ศตวรรษที่ 13-15 ===
บันทึกทางประวัติศาสตร์ชี้ว่าไอน์โฮเฟนไอนด์โฮเฟนมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1232 เมื่อ ดยุค เฮนดริค ที่ 1 แห่งบราบันต์ได้สิทธิความเป็นเมืองแก่ไอน์โฮเฟนไอนด์โฮเฟน ซึ่งในขณะนั้นเป็นเพียงแค่หมู่บ้านเล็กๆที่เป็นจุดบรรจบกันของแม่น้ำดมเมลและแม่น้ำเคนเดอร์ มีบ้านเพียง 170 หลังที่อยู่หลังกำแพงเมือง หลังจากยกระดับเป็นเมืองแล้ว เมืองสามารถมีตลาดนัดรายสัปดาห์ได้ ดึงดูดให้ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงเดินทางมายังไอน์โฮเฟนไอนด์โฮเฟนเพื่อซื้อขายสินค้า กลายเป็นจุดส่งผ่านสินค้าที่สำคัญ ที่เชื่อมระหว่างแผ่นดินฮอลแลนด์และเมืองลีแอจ (ในเบลเยียม ปัจจุบัน)
 
ราวปี ค.ศ. 1388 ได้มีการสร้างกำแพงเมืองที่แข็งแรงขึ้นมาอีกชั้น แต่ไม่รอดพ้นกับการถูกปล้นและเผาเมืองในปี ค.ศ. 1486
 
=== คริสต์ศตวรรษที่ 16-18 ===
ไอน์โฮเฟนไอนด์โฮเฟนได้รับการบูรณะซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1502 โดยมีกำแพงเมืองที่แข็งแรงขึ้น และปราสาทใหม่ แต่กลับถูกโจมตีอีกครั้งในปี ค.ศ. 1543 เพราะระบบการป้องกันเมืองไม่ได้รับการทำนุบำรุงเนื่องจากขาดงบประมาณ
 
ต่อมา ในปี ค.ศ. 1554 เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ทำให้พื้นที่ราว 75 เปอร์เซ็นต์ของเมองได้รับความเสียหาย ก่อนที่จะถูกบูรณะขึ้นมาอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งราชวงศ์ออเรนจ์
 
ในช่วงสงครามปฏิวัติของดัตช์ ไอน์โฮเฟนไอนด์โฮเฟนตกอยู่ในมือของชาวดัตช์และสเปนสลับไปมาหลายครั้ง ก่อนจะถูกทหารสเปนบุกยึดได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1583 และได้ทำลายกำแพงเมืองลงโดยสิ้นเชิง
 
แต่เมื่อเนเธอร์แลนด์ประกาศเอกราชได้สำเร็จ ราวๆ ค.ศ. 1629 ไอน์โฮเฟไอนด์โฮเฟนกลับไม่ได้ถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งเนเธอร์แลนด์ ต่อมาเมื่อถูกฝรั่งเศสยึดครอง กองกำลังฝรั่งเศสได้ทำลายบ้านเมืองลงอย่างมาก ทำให้ไอน์โฮเฟไอนด์โฮเฟนกลายเป็นเพียงแค่เมืองรอง จนถึงช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม
 
=== คริสต์ศตวรรษที่ 19 ===
การปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงศตวรรษที่ 19 นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากแก่ไอน์โฮเฟนไอนด์โฮเฟน มีการขุดคลอง สร้างถนน ทางรถไฟเพื่อเชื่อมต่อไอน์โฮเฟนไอนด์โฮเฟนเข้ากับเมืองใหญ่อย่าง [[ติลบืร์ค]] [[เซร์โทเคนบอส]] [[เวนโล]] และ[[เบลเยียม]] ระหว่าง ค.ศ. 1866 ถึง 1870
 
ในช่วงแรก อุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับเมืองคือ ยาสูบและสิ่งทอ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นอุตสาหกรรมหลอดไฟ เมื่อบริษัท[[ฟิลิปส์]] ยักษ์ใหญ่ในวงการการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าจะเริ่มตั้งโรงงานผลิตหลอดไฟขึ้นในปี ค.ศ. 1891
 
การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้จำนวนประชากรในไอน์โฮเฟนไอนด์โฮเฟนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อมีการสถาปนา[[ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์]]ใน ค.ศ. 1815 ไอน์โฮเฟนไอนด์โฮเฟนมีประชากรเพียง 2,310 คนเท่านั้น
 
=== คริสต์ศตวรรษที่ 20 ===
จำนวนประชากรของไอน์โฮเฟนไอนด์โฮเฟนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก 47,946 คนในปี 1920 เป็น 63,870 คนในปี 1925 และพุ่งขึ้นเป็น 103,030 คน ในปี 1935 <ref name="GrowthOfEndhoven">{{cite web|url=http://www.eindhoven.nl/stad/historie-1/Groei-van-Eindhoven-1.htm|title=Eindhoven - Groei van Eindhoven (inwoners)|website=Eindhoven.nl|date=2016-04-30|accessdate=2017-03-05|archive-url=https://web.archive.org/web/20170306133502/https://www.eindhoven.nl/stad/historie-1/Groei-van-Eindhoven-1.htm|archive-date=6 March 2017|url-status=dead|df=dmy-all}}</ref> อุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้นทำให้ผู้ทำงานในโรงงานมีความต้องการบ้านที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น จากที่เคยมีการพัฒนาจำกัดแค่ในรัศมีกำแพงเมืองในยุคกลาง ได้มีการสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ในเขตเทศบาลโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็น วูนเซล (ทางเหนือ) ทงเคลเรอ (ทางตะวันออก) สตราตรัม (ทางตะวันออกเฉียงใต้) เคสเทล เอน บลาร์เธม (ทางตะวันตกเฉียงใต้) และสไตรป์ (ทางตะวันตก) รวมกลายเป็นนครบาลไอน์โฮเฟนใหญ่ไอนด์โฮเฟนใหญ่ (Groot-Eindhoven) แต่คำว่าใหญ่ได้ถูกตัดทิ้งในภายหลัง
 
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 อุตสาหกรรมยานยนต์ได้ก้าวเข้ามาสู่ไอน์โฮเฟนไอนด์โฮเฟนหลังจากมีการตั้งบริษัทประกอบรถยนต์ฟานโดร์น (Van Doorne's Automobiel Fabriek หรือ DAF) ขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และวิศวกรรม รวมทั้งยาสูบและสิ่งทอ กลายเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาจนถึงราว ค.ศ. 1970
 
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไอน์โฮเฟนไอนด์โฮเฟนได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการโจมตีของกองทัพอากาศของอังกฤษและของเยอรมนี เมื่อสงครามสิ้นสุดลง ได้มีการบูรณะฟื้นฟูเมืองขึ้นมาอีกครั้งแต่สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ไม่ได้รับการซ่อมแซมเท่าไหร่หนัก แต่มักจะถูกทำลายและสร้างขึ้นมาเป็นอาคารสมัยใหม่ตามแผนบูรณะของเมืองเสียมากกว่า ทำให้ปัจจุบัน ไอน์โฮเฟนไอนด์โฮเฟนมีมรดกทางประวัติศาสตร์หลงเหลืออยู่น้อย
 
ราวทศวรรษที่ 1970 ถึง 1990 มีการสร้างบ้านขึ้นมาจำนวนมากในเขตวูนเซล ส่งผลให้ไอน์โฮเฟไอนด์โฮเฟนกลายมาเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 5 ของเนเธอร์แลนด์ และมีแผนขยายพื้นที่อยู่อาศัยไปทางทาอาศยานแห่งเก่าทางตะวันตกของไอน์โฮเฟนอีกด้วยไอนด์โฮเฟนอีกด้วย ส่วนท่าอากาศยานแห่งใหม่ถูกย้ายไปยังพื้นที่ปัจจุบัน
 
== อ้างอิง ==