ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Piyawat Sudkid (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขขั้นสูงด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่
Piyawat Sudkid (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขขั้นสูงด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 56:
* 5 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เป็น[[พระราชาคณะเจ้าคณะรอง]]ชั้นหิรัญบัฎที่ '''''พระพรหมดิลก''' ปริยัตินายกคณาทร บวรศาสนกิจวิธาน ศีลสมาจารนิวิฐ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี''<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2554/B/009/1.PDF พระบรมราชโองการ ประกาศสถาปนาสมณศักดิ์], ตอนที่ 9 ข, เล่ม 128, 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554, หน้า 13</ref>
* 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 โปรดเกล้าฯ ให้ถอดถอนออกจากสมณศักดิ์ เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า กระทำการทุจริตและถูกดำเนินคดีอาญา ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือ โดยทุจริต<ref>ราชกิจจานุเบกษา, [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/B/015/1.PDF ประกาศ เรื่อง ถอดถอนสมณศักดิ์], ตอนที่ 15 ข, เล่ม 135, 30 พฤษภาคม 2561, หน้า 1</ref>
 
'''<u>คดีความ</u>'''
 
 
'''<u>คดีความ</u>'''
 
ศาลอาญาคดีทุจริตฯตัดสินคดีเงินทอนวัดสำนวนที่ 2 สั่งจำคุก 6 ปี อดีตพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยาและอดีตกรรมการ มส. และจำคุกอดีตเลขานุการวัด 3 ปี โดยศาลเห็นว่าวัดไม่มีโรงเรียนปริยัติธรรมแต่รับเงินสนับสนุน 5 ล้านบาท จำเลยทั้งสองนำไปใช้บูรณะก่อสร้างอาคารแทนทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้รับเงินบูรณะไปแล้ว จากนั้นหมกเม็ดเอาฝากธนาคารกินดอกเบี้ย อันความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน และร่วมกันฟอกเงิน อีกทั้งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐต้องรับโทษเป็น 2 เท่า
 
*
*
*
 
ศาลตัดสินคดีพระชั้นผู้ใหญ่ทุจริตเงินทอนวัดเป็นสำนวนที่ 2 เปิดเผยขึ้นที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนนครไชยศรี กทม. เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 พ.ค. ที่ห้องพิจารณาคดี 7 ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีทุจริตเงินทอนวัด คดีที่พนักงานอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเอื้อน กลิ่นสาลี หรืออดีตพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และอดีตเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และนายสมทรง อรรถกฤษณ์ หรืออดีตพระอรรถกิจโสภณ อดีตเลขานุการเจ้าคณะกรุงเทพฯ วัดสามพระยา ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน และร่วมกันฟอกเงิน อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542
 
สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 56-57 จำเลยร่วมกันทุจริตคดีเงินทอนวัดในส่วนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวจำเลยทั้งสองมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทั้งคู่อยู่ในชุดนุ่งขาวห่มขาวโดยมีญาติสนิท ผู้ที่ยังเคารพศรัทธา และพระวัดสามพระยาประมาณ 10 รูป เข้าร่วมฟังคำพิพากษา
 
ศาลพิเคราะห์ว่า จากกรณีสำนักพระพุทธศาสนาอนุมัติเงินเบิกจ่ายให้แก่วัด 9 วัด จำนวน 72 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ วัดสามพระยาได้รับเงินจำนวน 5 ล้านบาท ในการสนับสนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรมเป็นลำดับที่ 6 ทั้งที่วัดสามพระยาไม่มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม จำเลยทั้งสองนำเงินดังกล่าวไปใช้ก่อสร้างอาคารร่มธรรมและบูรณะอาคารพักสงฆ์ อันผิดวัตถุประสงค์ในการมอบเงินของสำนักพระพุทธศาสนา ซึ่งจำเลยควรนำเงินดังกล่าวคืนสำนักพระพุทธศาสนาแต่กลับนำไปก่อสร้างอาคาร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ในปี 56 สำนักพระพุทธศาสนาเคยมอบเงินเพื่อเป็นการบูรณะอาคารร่มธรรมและอาคารพักสงฆ์ให้แก่วัดสามพระยา แต่จำเลยทั้งสองนำเงินไปฝากเพื่อรับดอกเบี้ยจากธนาคาร และนำเงินที่ได้รับการสนับสนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรมไปเป็นเงินในการบูรณะก่อสร้างอาคารแทน โดยถอนออกจากบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยตลาดบางกรวย 2 ครั้ง
 
ทั้งนี้ จำเลยทั้งสองมีพฤติกรรม โอน เปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือซุกซ่อน หรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน และการกระทำด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิด หรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงอันเป็นการฟอกเงิน
 
ศาลพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5 (1) (2) และมาตรา 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิดฐาน
 
ฟอกเงิน ต้องรับโทษเป็น 2 เท่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมให้เรียงกระทงลงโทษ ลงโทษความผิดฐานฟอกเงินจำคุกจำเลยที่ 1 รวม 2 กระทง ลงโทษกระทงละ 3 ปี รวมจำคุกเป็นเวลา 6 ปี และจำคุกจำเลยที่ 2 รวม 2 กระทง กระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี
 
== อ้างอิง ==