ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มาดอนนา"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Add Mani Image ป้ายระบุ: ผู้ใช้ใหม่เพิ่มลิงก์ไปยังเว็บอื่น การแก้ไขแบบเห็นภาพ |
change reference on picture |
||
บรรทัด 2:
| ชื่อ = มาดอนน่า
| ประเภท = นักร้อง
| ภาพ =
| คำบรรยายภาพ =
| ขนาดภาพ =
| ภาพแนวนอน =
| ชื่อจริง = มาดอนน่า ลูอิส ชีคโคเน
บรรทัด 20:
}}
{{ลิงก์ไปภาษาอื่น}}
{{ความหมายอื่น|เปลี่ยนทาง=Madonna|ดูที่=พระแม่มารี}}<!--Mary, called since medieval times Madonna, was a Jewish resident of Nazareth in Galilee and known from the New Testament as the mother of Jesus of Nazareth.-->'''มาดอน
== ประวัติ ==
บรรทัด 26:
ในปี 1977 เธอได้ย้ายจากบ้านเกิดที่[[เบย์ซิตี้]] [[รัฐมิชิแกน]] [[สหรัฐอเมริกา]] ด้วยเงินติดตัวเพียง 35 ดอลลาร์ เธอบอกให้แท็กซี่พาเธอไปที่ที่เป็นใจกลางของทุกสิ่ง จนเธอได้เรื่มต้นเข้ามาทำงานในร้านดังกิ้นโดนัทใน [[นครนิวยอร์ก|นิวยอร์ก]] ด้วยความหวังที่ว่า สักวันนึงเธอจะต้องดังให้ได้ เธอตะเกียกตะกายมาเรื่อยๆ
จนกระทั่งปี 1979 เธอได้งานเป็นนักแสดงในคณะละครเสียดสีสังคม ในช่วงนั้นเธอได้รู้จักกับ[[แดน กิลรอย]] (''[[:en:Dan Gilroy|Dan Gilroy]]'') ต่อจากนั้นไม่นานนัก ทั้งสองตัดสินใจคบกันในฐานะคนรัก และได้ฟอร์มวงดนตรีขึ้นมา ชื่อว่า เดอะ เบรกฟาสต์ คลับ (''The Breakfast Club'') เริ่มแรกมาดอนน่าเล่นกลองและในเวลาต่อมาเธอก็ได้เป็นนักร้องนำ
[[ไฟล์:
จนกระทั่งเธอกับแฟนเก่า [[สตีเฟ่น เบรย์]] (''[[:en:Stephen Bray|Stephen Bray]]'') ตั้งวงดนตรีขึ้นมาใหม่โดยใช้ชื่อว่าเอ็มมี่ (Emmy) แต่ด้วยความที่อยาก
ออกอัลบั้ม มาดอนน่าและเบรย์จึงได้ลาออกจากวง และได้ทำเทปเดโมส่งไปให้[[มาร์ค คามินส์]] (''[[:en:Mark Kamins|Mark Kamins]]'') โปรดิวเซอร์
บรรทัด 33:
จนเธอได้ออกอัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกที่ใช้ชื่อของตัวเองเป็นชื่ออัลบั้ม เพลง ''Holiday'' เป็นเพลงแรกของเธอ
ที่เข้าชาร์ท Billboard Hot100 จากนั้นมาเธอก็มีเพลงดังมาเรื่อยๆอย่าง ''Borderline'' และ ''Lucky Star'' ร่วมปูทางในเส้นทางสายดนตรีให้เธอได้อย่างสวยงาม
[[ไฟล์:Madonna, Rotterdam, 26-8-1987.jpg|left|thumb|
อัลบั้มที่สอง '''Like A Virgin''' เธอได้เปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นสาวเซ็กซี่ตามสไตล์[[มาริลีน มอนโร]]
อัลบั้มนี้มีเพลงสร้างชื่ออย่างเช่น ''Like A Virgin'', ''Material Girl'', ''Dress You Up'' และ ''Angel'' และที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้คือโชว์ Like A Virgin สุดหวือหวาในงานประกาศรางวัล[[เอ็มทีวี วิดีโอ มิวสิก อวอร์ดส]] ปี 1984 (''[[:en:MTV Video Music Awards|MTV Video Music Awards]] 1984'') เธอใส่ชุดเจ้าสาวเดินควงตุ๊กตาเจ้าบ่าวตัวเท่าคนจริงเดินลงมาจากเค้กก้อนยักษ์ แล้ว
บรรทัด 45:
ในปี 1990 เธอเริ่มต้น ''Blonde Ambition Tour'' ที่ยาวนานกินเวลาทั้งปี และมีเพลง ''Vogue'' เป็นซิงเกิลฮิตติดอันดับ 1 อีกหนึ่งเพลง ภาพยนตร์เรื่อง ''Dick Tracy'' ทำรายได้อย่างงดงามเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดของเธอนับจาก Desperately Seeking Susan
[[ไฟล์:
[[ไฟล์:MadonnaDrownedWorld8 cropped.jpg|thumb|270x270px|มาดอนน่า แสดงเพลง "Don't Tell Me" ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต Drowned World Tour]]▼
'''The Immaculate Collection''' อัลบั้มรวมฮิตอันแรกของเธอ มีเพลงเพิ่มมาใหม่สองเพลงหนึ่งในนั้นคือ ''Justify My Love'' ที่เธอช็อคแฟนเพลงด้วยเอ็มวีที่แรงที่สุดในชีวิตของเธอโดยมีฉากสำคัญคือตอนที่มาดอนน่าจูบกับผู้หญิงต่อหน้าแฟนหนุ่ม เอ็มทีวีแบนวิดีโอนี้โดยยกเหตุผลเรื่องความลามกอนาจารในวิดีโอ ที่มีทั้งเซ็กส์แบบชาย-หญิง, ชาย-ชาย, หญิง-หญิง เธอจึงนำเอ็มวีนี้ใส่วิดีโอออกขาย
ในปี 1992 มาดอนน่าออกหนังสือ ''Sex'' ที่รวบรวมภาพโป๊ทั้งของตัวเธอเองและคนดังมากมายหนังสือเล่มนี้ถูกวิจารณ์ในแง่ลบและถูกด่าอย่างมาก แฟนๆมาดอนน่าบางคนรับไม่ได้จนถึงขั้นเผาซีดีเลยก็มี แต่ในด้านยอดขายกลับกลายเป็นหนังสือที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก จนต้องพิมพ์ครั้งที่ 2 ภายในวันนั้นเลย ทางด้านอัลบั้ม '''Erotica''' ที่ออกพร้อมๆกับหนังสือเล่มนี้ก็ขายได้ถึง 2 ล้านก๊อปปี้[[ไฟล์:EroticaGirlieShowUnderGround sh.jpg|left|thumb|331x331px|มาดอนน่า แสดงเพลง "Erotica" ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต The Girlie Show World Tour ในปี ค.ศ.1993|alt=]]อัลบั้ม '''Bedtime Stories''' ดูเหมือนจะลดภาพความเซ็กซี่ลงจากอัลบั้มก่อน แต่ก็ยังมีเพลงฮิตอย่าง ''Take A Bow'' ส่วนเพลง ''Bedtime Stories'' และ ''Human Nature'' คงเป็นอานิสงส์จากการที่เธอลดความเซ็กซี่ เพราะสองเพลงนี้กลายเป็นสองเพลงแรกของเธอที่ไปไม่ถึงชาร์ท Top 40
ในปี 1995 เธอเปลี่ยนลุคตัวเองจากสาวเซ็กซี่มาเป็นผู้ใหญ่ในภาพยนตร์เพลงเรื่อง ''Evita'' เธอได้ให้กำเนิดลูกสาวคนแรก ''Lourdes Maria Ciccone Leon'' ในช่วงที่ภาพยนตร์เรื่องนี้กำลังออกฉายพอดี ''Evita'' ทำให้เธอได้รางวัลลูกโลกทองคำในสาขานักแสดงนำยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรกและเพลงประกอบภาพยนตร์ทั้ง cover ของเพลง ''Don't Cry for Me Argentina''และ ''You Must Love Me'' ก็เป็นเพลงฮิตด้วย
<br />
[[ไฟล์:HungUpFresno (cropped).jpg|thumb|234x234px|มาดอนน่า แสดงเพลง Hung Up ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต The Confession Tour ในปี ค.ศ.2006]]▼
[[ไฟล์:ReInventionJason (cropped).jpg|left|thumb|261x261px|มาดอนน่า แสดงเพลง American Life ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต Re-Invention World Tour ปี ค.ศ. 2004]]▼
3 ปีให้หลังอัลบั้ม '''Ray of Light''' เป็นอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกในยุคคุณแม่มาดอนน่าที่มีแนวเพลงทันสมัยขึ้นและเปิดตัวอย่างสวยงามที่อันดับ 2 ของชาร์ท
เส้น 64 ⟶ 59:
''What It Feels Like for A Girl'' ในปีเดียวกันเธอร้องเพลงประกอบภาพยนตร์
''James Bond'' ตอน ''Die Another Day''
▲[[ไฟล์:
ในปีถัดมาเธอออกอัลบั้ม '''American Life''' ที่มีเนื้อหาเสียดสีสังคม และเอ็มวีก็เสียดสีจนถูกแบนอีกครั้ง โชว์ ''Like A Virgin/Hollywood'' ในงาน ''MTV Video Music Awards'' 2003 ที่มาดอนน่าร่วมแสดงกับ ''[[บริทนีย์ สเปียร์ส]]'', ''[[คริสติน่า อากีเลร่า]]'' และ ''[[มิสซี เอลเลียต]]'' ก็ช็อคแฟนๆอีกครั้ง เมื่อบริทนี่ย์และคริสติน่าแต่งตัวและแสดงแบบที่มาดอนน่าเคยทำใน เพลง ''Like A Virgin'' เมื่อปี 1984 และทั้งคู่ก็จูบปากมาดอนน่าทีละคน ทำเอา[[จัสติน ทิมเบอร์เลค]] แฟนเก่าของบริทนี่ย์ มองด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจนัก หลังจากนั้นไม่นาน ความสัมพันธ์ระหว่างมาดอนน่ากับบริทนี่ย์เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมาดอนน่าร้องเพลงร่วมกับบริทนี่ย์ในเพลง ''Me Against The Music''[[ไฟล์:ReInventionJason (cropped).jpg|left|thumb|343x343px|มาดอนน่า แสดงเพลง "American Life" ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต Re-Invention World Tour ปี ค.ศ. 2004|alt=]]'''Re-Invention World Tour''' ของเธอกลายเป็นทัวร์ที่ได้รับคำชมมากมายและกวาดรายได้มากสุดของปี เธอช็อคแฟนเพลงด้วยการเล่นโยคะเอาขาชี้ฟ้ากลางเวที▼
และในปี 2005 เธอประสบอุบัติเหตุตกหลังม้าแต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการวางแผงอัลบั้มใหม่ '''[[คอนเฟสชันส์ออนอะแดนซ์ฟลอร์|Confessions On A Dancefloor]]''' อัลบั้มเพลงเปิดตัวด้วยซิงเกิล ''Hung Up'' ขึ้นอันดับ 1 ในอังกฤษเป็นเพลงที่ 11 ของเธอ[[ไฟล์:HungUpFresno (cropped).jpg|thumb|342x342px|มาดอนน่า แสดงเพลง "Hung Up" ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต The Confession Tour ในปี ค.ศ.2006|alt=]]ในปี 2008 มาดอนน่ามีผลงานอัลบั้มชุดที่ 11 ชื่อชุด '''[[ฮาร์ดแคนดี|Hard Candy]]''' โดยมีซิงเกิลแรกคือ "[[กิพว์อิททูมี]]" ({{lang-en|Give It 2 Me}}) , "4 Minutes" ที่ร้องร่วมกับขึ้นอันดับ 3 ในอเมริกา อันดับ 1 ในอังกฤษ[[จัสติน ทิมเบอร์เลค]]<ref>[http://newsroom.mtv.com/2008/03/14/madonna-justin-timberlake-look-sweet-in-hard-candy-pics/ Madonna, Justin Timberlake Look Sweet In Hard Candy Pics]</ref> และในเดือนสิงหาคม ปี 2009 กับผลงานล่าสุดในอัลบั้ม ''Cerebration'' กับซิงเกิ้ลแรก Cerebration (เซละเบรทชั่น) ที่อาจเรียกได้ว่าเพื่อฉลองครบรอบ 27 ปี ในเส้นความสำเร็จทางดนตรีของเธอ มิวสิกวิดีโอเพลงนี้ไปถ่ายทำไกลถึงมิลาน ประเทศอิตาลี นอกจากนี้ยังได้ผู้กำกับรางวัลแกรมมี่ “โจนาส อเคอร์ลันด์” Jonas Akerlund ที่เคยกำกับมิวสิกวิดีโอ “เรย์ ออฟ ไลท์” Ray Of Light มากำกับมิวสิกวิดีโอเพลงนี้อีกครั้งหนึ่งด้วย▼
▲ในปีถัดมาเธอออกอัลบั้ม '''American Life''' ที่มีเนื้อหาเสียดสีสังคม และเอ็มวีก็เสียดสีจนถูกแบนอีกครั้ง โชว์ ''Like A Virgin/Hollywood'' ในงาน ''MTV Video Music Awards'' 2003 ที่มาดอนน่าร่วมแสดงกับ ''[[บริทนีย์ สเปียร์ส]]'', ''[[คริสติน่า อากีเลร่า]]'' และ ''[[มิสซี เอลเลียต]]'' ก็ช็อคแฟนๆอีกครั้ง เมื่อบริทนี่ย์และคริสติน่าแต่งตัวและแสดงแบบที่มาดอนน่าเคยทำใน เพลง ''Like A Virgin'' เมื่อปี 1984 และทั้งคู่ก็จูบปากมาดอนน่าทีละคน ทำเอา[[จัสติน ทิมเบอร์เลค]] แฟนเก่าของบริทนี่ย์ มองด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจนัก หลังจากนั้นไม่นาน ความสัมพันธ์ระหว่างมาดอนน่ากับบริทนี่ย์เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมาดอนน่าร้องเพลงร่วมกับบริทนี่ย์ในเพลง ''Me Against The Music''
▲ในปี 2008 มาดอนน่ามีผลงานอัลบั้มชุดที่ 11 ชื่อชุด '''[[ฮาร์ดแคนดี|Hard Candy]]''' โดยมีซิงเกิลแรกคือ "[[กิพว์อิททูมี]]" ({{lang-en|Give It 2 Me}}) , "4 Minutes" ที่ร้องร่วมกับขึ้นอันดับ 3 ในอเมริกา อันดับ 1 ในอังกฤษ[[จัสติน ทิมเบอร์เลค]]<ref>[http://newsroom.mtv.com/2008/03/14/madonna-justin-timberlake-look-sweet-in-hard-candy-pics/ Madonna, Justin Timberlake Look Sweet In Hard Candy Pics]</ref> และในเดือนสิงหาคม ปี 2009 กับผลงานล่าสุดในอัลบั้ม ''Cerebration'' กับซิงเกิ้ลแรก Cerebration (เซละเบรทชั่น) ที่อาจเรียกได้ว่าเพื่อฉลองครบรอบ 27 ปี ในเส้นความสำเร็จทางดนตรีของเธอ มิวสิกวิดีโอเพลงนี้ไปถ่ายทำไกลถึงมิลาน ประเทศอิตาลี นอกจากนี้ยังได้ผู้กำกับรางวัลแกรมมี่ “โจนาส อเคอร์ลันด์” Jonas Akerlund ที่เคยกำกับมิวสิกวิดีโอ “เรย์ ออฟ ไลท์” Ray Of Light มากำกับมิวสิกวิดีโอเพลงนี้อีกครั้งหนึ่งด้วย
== ผลงาน ==▼
[[ไฟล์:DressYouUpSticky&SweetTour2.jpg|thumb|253x253px|มาดอนน่า แสดงเพลง Dress You Up ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต Sticky & Sweet Tour ในปี ค.ศ.2008]]▼
<br />
▲== ผลงาน ==
=== ผลงานเพลง ===
[[ไฟล์:Madonna Halftime show (6837586603) (cropped1).jpg|thumb|
[[ไฟล์:
▲[[ไฟล์:
* Madonna (1983)
เส้น 109 ⟶ 107:
* Rebel Heart Tour (2015-16)
*Madame X Tour (2019)
=== ผลงานการแสดง ===
เส้น 136 ⟶ 132:
== อ้างอิง ==
▲[[ไฟล์:
▲[[ไฟล์:
{{รายการอ้างอิง}}
|