ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มาดอนนา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Antareseo (คุย | ส่วนร่วม)
Add Mani Image
ป้ายระบุ: ผู้ใช้ใหม่เพิ่มลิงก์ไปยังเว็บอื่น การแก้ไขแบบเห็นภาพ
Antareseo (คุย | ส่วนร่วม)
change reference on picture
บรรทัด 2:
| ชื่อ = มาดอนน่า
| ประเภท = นักร้อง
| ภาพ =https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/d/dd/Madonna_en_Chelsea.jpg
| คำบรรยายภาพ =
| ขนาดภาพ = 500700
| ภาพแนวนอน =
| ชื่อจริง = มาดอนน่า ลูอิส ชีคโคเน
บรรทัด 20:
}}
{{ลิงก์ไปภาษาอื่น}}
{{ความหมายอื่น|เปลี่ยนทาง=Madonna|ดูที่=พระแม่มารี}}<!--Mary, called since medieval times Madonna, was a Jewish resident of Nazareth in Galilee and known from the New Testament as the mother of Jesus of Nazareth.-->'''มาดอนนาน่า ลูอิส ชีโคเน'''<ref>{{cite web|title=Brando Enterprises LP v. Madonna Louise Ciccone et al |work=RFC Express|year=2004|url=http://www.rfcexpress.com/lawsuits/trademark-lawsuits/california-central-district-court/110985/brando-enterprises-lp-v-madonna-louise-ciccone-et-al/summary/|date=2012-10-28|accessdate=2013-02-26}}</ref> ({{lang-en|Madonna Louise Ciccone}}; {{IPAc-en|tʃ|ɪ|ˈ|k|oʊ|n|eɪ}} {{respell|chi|KOH|nay}}) หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อของ '''มาดอนน่า''' เป็น[[นักร้อง]]สาว[[ป๊อป|แนวเพลงป็อป]][[อเมริกา|ชาวอเมริกัน]] เป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมมาก มีชื่อเสียงแพร่หลายไปทั่วทุกมุมโลกและโด่งดังเป็นอย่างมากในช่วงยุค 80s ด้วยภาพลักษณ์ที่แรง เป็นคนกล้า มุ่งมั่น และชัดเจน อันเป็นเอกลักษณ์ของเธอเสมอมา โดยเป็นนักร้องหญิงเพียงคนเดียวที่มีเพลงขึ้นอันดับหนึ่งมากกว่า 10 เพลงทั้งฝั่งอเมริกา และอังกฤษ และได้รับฉายาว่าเป็น"ราชินีแห่งเพลง[[ป็อป]]" นอกจากความสามารถด้านการร้องเพลงแล้ว มาดอนน่ายังเป็น[[นักแต่งเพลง]] [[โปรดิวเซอร์]] [[ผู้กำกับภาพยนตร์]] และนักแสดงอีกด้วย
 
== ประวัติ ==
บรรทัด 26:
ในปี 1977 เธอได้ย้ายจากบ้านเกิดที่[[เบย์ซิตี้]] [[รัฐมิชิแกน]] [[สหรัฐอเมริกา]] ด้วยเงินติดตัวเพียง 35 ดอลลาร์ เธอบอกให้แท็กซี่พาเธอไปที่ที่เป็นใจกลางของทุกสิ่ง จนเธอได้เรื่มต้นเข้ามาทำงานในร้านดังกิ้นโดนัทใน [[นครนิวยอร์ก|นิวยอร์ก]] ด้วยความหวังที่ว่า สักวันนึงเธอจะต้องดังให้ได้ เธอตะเกียกตะกายมาเรื่อยๆ
จนกระทั่งปี 1979 เธอได้งานเป็นนักแสดงในคณะละครเสียดสีสังคม ในช่วงนั้นเธอได้รู้จักกับ[[แดน กิลรอย]] (''[[:en:Dan Gilroy|Dan Gilroy]]'') ต่อจากนั้นไม่นานนัก ทั้งสองตัดสินใจคบกันในฐานะคนรัก และได้ฟอร์มวงดนตรีขึ้นมา ชื่อว่า เดอะ เบรกฟาสต์ คลับ (''The Breakfast Club'') เริ่มแรกมาดอนน่าเล่นกลองและในเวลาต่อมาเธอก็ได้เป็นนักร้องนำ
[[ไฟล์:Madonna Dress You Up at Virgin TourMadonnaVirginTour.jpg|link=link=Special:FilePath/Madonna_Dress_You_Up_at_Virgin_Tour.png|alt=|left|thumb|182241x182241px|มาดอนน่า แสดงเพลงและ Dress You Upทีมนักเต้นและนักดนตรี ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต The Virgin Tour ในปี 1985|link=Special:FilePath/Madonna_Dress_You_Up_at_Virgin_Tour.png]]
จนกระทั่งเธอกับแฟนเก่า [[สตีเฟ่น เบรย์]] (''[[:en:Stephen Bray|Stephen Bray]]'') ตั้งวงดนตรีขึ้นมาใหม่โดยใช้ชื่อว่าเอ็มมี่ (Emmy) แต่ด้วยความที่อยาก
ออกอัลบั้ม มาดอนน่าและเบรย์จึงได้ลาออกจากวง และได้ทำเทปเดโมส่งไปให้[[มาร์ค คามินส์]] (''[[:en:Mark Kamins|Mark Kamins]]'') โปรดิวเซอร์
บรรทัด 33:
จนเธอได้ออกอัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกที่ใช้ชื่อของตัวเองเป็นชื่ออัลบั้ม เพลง ''Holiday'' เป็นเพลงแรกของเธอ
ที่เข้าชาร์ท Billboard Hot100 จากนั้นมาเธอก็มีเพลงดังมาเรื่อยๆอย่าง ''Borderline'' และ ''Lucky Star'' ร่วมปูทางในเส้นทางสายดนตรีให้เธอได้อย่างสวยงาม
[[ไฟล์:Madonna, Rotterdam, 26-8-1987.jpg|left|thumb|295390x295390px|มาดอนน่าแสดงในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต Who's that Girl World Tour ในปี ค.ศ.1987]]
อัลบั้มที่สอง '''Like A Virgin''' เธอได้เปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นสาวเซ็กซี่ตามสไตล์[[มาริลีน มอนโร]]
อัลบั้มนี้มีเพลงสร้างชื่ออย่างเช่น ''Like A Virgin'', ''Material Girl'', ''Dress You Up'' และ ''Angel'' และที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้คือโชว์ Like A Virgin สุดหวือหวาในงานประกาศรางวัล[[เอ็มทีวี วิดีโอ มิวสิก อวอร์ดส]] ปี 1984 (''[[:en:MTV Video Music Awards|MTV Video Music Awards]] 1984'') เธอใส่ชุดเจ้าสาวเดินควงตุ๊กตาเจ้าบ่าวตัวเท่าคนจริงเดินลงมาจากเค้กก้อนยักษ์ แล้ว
บรรทัด 45:
 
ในปี 1990 เธอเริ่มต้น ''Blonde Ambition Tour'' ที่ยาวนานกินเวลาทั้งปี และมีเพลง ''Vogue'' เป็นซิงเกิลฮิตติดอันดับ 1 อีกหนึ่งเพลง ภาพยนตร์เรื่อง ''Dick Tracy'' ทำรายได้อย่างงดงามเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดของเธอนับจาก Desperately Seeking Susan
[[ไฟล์:EroticaGirlieShowUnderGroundLikeAVirginMadonnaUnderground sh(cropped).jpg|left|thumb|252253x252253px|มาดอนน่า แสดงเพลง Erotica"Like A Virgin" ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ตบลอนด์แอมบิชั่น The Girlie Show World Tour ในปี ค.ศ.19931990 ซึ่งเกิดกระแสต่อต้านจากสำนักวาติกัน]]
[[ไฟล์:MadonnaDrownedWorld8 cropped.jpg|thumb|270x270px|มาดอนน่า แสดงเพลง "Don't Tell Me" ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต Drowned World Tour]]
'''The Immaculate Collection''' อัลบั้มรวมฮิตอันแรกของเธอ มีเพลงเพิ่มมาใหม่สองเพลงหนึ่งในนั้นคือ ''Justify My Love'' ที่เธอช็อคแฟนเพลงด้วยเอ็มวีที่แรงที่สุดในชีวิตของเธอโดยมีฉากสำคัญคือตอนที่มาดอนน่าจูบกับผู้หญิงต่อหน้าแฟนหนุ่ม เอ็มทีวีแบนวิดีโอนี้โดยยกเหตุผลเรื่องความลามกอนาจารในวิดีโอ ที่มีทั้งเซ็กส์แบบชาย-หญิง, ชาย-ชาย, หญิง-หญิง เธอจึงนำเอ็มวีนี้ใส่วิดีโอออกขาย
 
ในปี 1992 มาดอนน่าออกหนังสือ ''Sex'' ที่รวบรวมภาพโป๊ทั้งของตัวเธอเองและคนดังมากมายหนังสือเล่มนี้ถูกวิจารณ์ในแง่ลบและถูกด่าอย่างมาก แฟนๆมาดอนน่าบางคนรับไม่ได้จนถึงขั้นเผาซีดีเลยก็มี แต่ในด้านยอดขายกลับกลายเป็นหนังสือที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก จนต้องพิมพ์ครั้งที่ 2 ภายในวันนั้นเลย ทางด้านอัลบั้ม '''Erotica''' ที่ออกพร้อมๆกับหนังสือเล่มนี้ก็ขายได้ถึง 2 ล้านก๊อปปี้[[ไฟล์:EroticaGirlieShowUnderGround sh.jpg|left|thumb|331x331px|มาดอนน่า แสดงเพลง "Erotica" ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต The Girlie Show World Tour ในปี ค.ศ.1993|alt=]]อัลบั้ม '''Bedtime Stories''' ดูเหมือนจะลดภาพความเซ็กซี่ลงจากอัลบั้มก่อน แต่ก็ยังมีเพลงฮิตอย่าง ''Take A Bow'' ส่วนเพลง ''Bedtime Stories'' และ ''Human Nature'' คงเป็นอานิสงส์จากการที่เธอลดความเซ็กซี่ เพราะสองเพลงนี้กลายเป็นสองเพลงแรกของเธอที่ไปไม่ถึงชาร์ท Top 40
 
อัลบั้ม '''Bedtime Stories''' ดูเหมือนจะลดภาพความเซ็กซี่ลงจากอัลบั้มก่อน แต่ก็ยังมีเพลงฮิตอย่าง ''Take A Bow'' ส่วนเพลง ''Bedtime Stories'' และ ''Human Nature'' คงเป็นอานิสงส์จากการที่เธอลดความเซ็กซี่ เพราะสองเพลงนี้กลายเป็นสองเพลงแรกของเธอที่ไปไม่ถึงชาร์ท Top 40
 
ในปี 1995 เธอเปลี่ยนลุคตัวเองจากสาวเซ็กซี่มาเป็นผู้ใหญ่ในภาพยนตร์เพลงเรื่อง ''Evita'' เธอได้ให้กำเนิดลูกสาวคนแรก ''Lourdes Maria Ciccone Leon'' ในช่วงที่ภาพยนตร์เรื่องนี้กำลังออกฉายพอดี ''Evita'' ทำให้เธอได้รางวัลลูกโลกทองคำในสาขานักแสดงนำยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรกและเพลงประกอบภาพยนตร์ทั้ง cover ของเพลง ''Don't Cry for Me Argentina''และ ''You Must Love Me'' ก็เป็นเพลงฮิตด้วย
 
<br />
[[ไฟล์:HungUpFresno (cropped).jpg|thumb|234x234px|มาดอนน่า แสดงเพลง Hung Up ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต The Confession Tour ในปี ค.ศ.2006]]
[[ไฟล์:ReInventionJason (cropped).jpg|left|thumb|261x261px|มาดอนน่า แสดงเพลง American Life ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต Re-Invention World Tour ปี ค.ศ. 2004]]
3 ปีให้หลังอัลบั้ม '''Ray of Light''' เป็นอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกในยุคคุณแม่มาดอนน่าที่มีแนวเพลงทันสมัยขึ้นและเปิดตัวอย่างสวยงามที่อันดับ 2 ของชาร์ท
 
เส้น 64 ⟶ 59:
''What It Feels Like for A Girl'' ในปีเดียวกันเธอร้องเพลงประกอบภาพยนตร์
''James Bond'' ตอน ''Die Another Day''
[[ไฟล์:MadonnaDrownedWorld8FrozenDionisioWeiland (cropped).jpg|alt=|thumb|270256x270256px|มาดอนน่า แสดงเพลง "Don't Tell MeFronzen" ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต Drowned World Tour ปี ค.ศ.2001]]
ในปีถัดมาเธอออกอัลบั้ม '''American Life''' ที่มีเนื้อหาเสียดสีสังคม และเอ็มวีก็เสียดสีจนถูกแบนอีกครั้ง โชว์ ''Like A Virgin/Hollywood'' ในงาน ''MTV Video Music Awards'' 2003 ที่มาดอนน่าร่วมแสดงกับ ''[[บริทนีย์ สเปียร์ส]]'', ''[[คริสติน่า อากีเลร่า]]'' และ ''[[มิสซี เอลเลียต]]'' ก็ช็อคแฟนๆอีกครั้ง เมื่อบริทนี่ย์และคริสติน่าแต่งตัวและแสดงแบบที่มาดอนน่าเคยทำใน เพลง ''Like A Virgin'' เมื่อปี 1984 และทั้งคู่ก็จูบปากมาดอนน่าทีละคน ทำเอา[[จัสติน ทิมเบอร์เลค]] แฟนเก่าของบริทนี่ย์ มองด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจนัก หลังจากนั้นไม่นาน ความสัมพันธ์ระหว่างมาดอนน่ากับบริทนี่ย์เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมาดอนน่าร้องเพลงร่วมกับบริทนี่ย์ในเพลง ''Me Against The Music''[[ไฟล์:ReInventionJason (cropped).jpg|left|thumb|343x343px|มาดอนน่า แสดงเพลง "American Life" ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต Re-Invention World Tour ปี ค.ศ. 2004|alt=]]'''Re-Invention World Tour''' ของเธอกลายเป็นทัวร์ที่ได้รับคำชมมากมายและกวาดรายได้มากสุดของปี เธอช็อคแฟนเพลงด้วยการเล่นโยคะเอาขาชี้ฟ้ากลางเวที
 
และในปี 2005 เธอประสบอุบัติเหตุตกหลังม้าแต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการวางแผงอัลบั้มใหม่ '''[[คอนเฟสชันส์ออนอะแดนซ์ฟลอร์|Confessions On A Dancefloor]]''' อัลบั้มเพลงเปิดตัวด้วยซิงเกิล ''Hung Up'' ขึ้นอันดับ 1 ในอังกฤษเป็นเพลงที่ 11 ของเธอ[[ไฟล์:HungUpFresno (cropped).jpg|thumb|342x342px|มาดอนน่า แสดงเพลง "Hung Up" ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต The Confession Tour ในปี ค.ศ.2006|alt=]]ในปี 2008 มาดอนน่ามีผลงานอัลบั้มชุดที่ 11 ชื่อชุด '''[[ฮาร์ดแคนดี|Hard Candy]]''' โดยมีซิงเกิลแรกคือ "[[กิพว์อิททูมี]]" ({{lang-en|Give It 2 Me}}) , "4 Minutes" ที่ร้องร่วมกับขึ้นอันดับ 3 ในอเมริกา อันดับ 1 ในอังกฤษ[[จัสติน ทิมเบอร์เลค]]<ref>[http://newsroom.mtv.com/2008/03/14/madonna-justin-timberlake-look-sweet-in-hard-candy-pics/ Madonna, Justin Timberlake Look Sweet In Hard Candy Pics]</ref> และในเดือนสิงหาคม ปี 2009 กับผลงานล่าสุดในอัลบั้ม ''Cerebration'' กับซิงเกิ้ลแรก Cerebration (เซละเบรทชั่น) ที่อาจเรียกได้ว่าเพื่อฉลองครบรอบ 27 ปี ในเส้นความสำเร็จทางดนตรีของเธอ มิวสิกวิดีโอเพลงนี้ไปถ่ายทำไกลถึงมิลาน ประเทศอิตาลี นอกจากนี้ยังได้ผู้กำกับรางวัลแกรมมี่ “โจนาส อเคอร์ลันด์” Jonas Akerlund ที่เคยกำกับมิวสิกวิดีโอ “เรย์ ออฟ ไลท์” Ray Of Light มากำกับมิวสิกวิดีโอเพลงนี้อีกครั้งหนึ่งด้วย
ในปีถัดมาเธอออกอัลบั้ม '''American Life''' ที่มีเนื้อหาเสียดสีสังคม และเอ็มวีก็เสียดสีจนถูกแบนอีกครั้ง โชว์ ''Like A Virgin/Hollywood'' ในงาน ''MTV Video Music Awards'' 2003 ที่มาดอนน่าร่วมแสดงกับ ''[[บริทนีย์ สเปียร์ส]]'', ''[[คริสติน่า อากีเลร่า]]'' และ ''[[มิสซี เอลเลียต]]'' ก็ช็อคแฟนๆอีกครั้ง เมื่อบริทนี่ย์และคริสติน่าแต่งตัวและแสดงแบบที่มาดอนน่าเคยทำใน เพลง ''Like A Virgin'' เมื่อปี 1984 และทั้งคู่ก็จูบปากมาดอนน่าทีละคน ทำเอา[[จัสติน ทิมเบอร์เลค]] แฟนเก่าของบริทนี่ย์ มองด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจนัก หลังจากนั้นไม่นาน ความสัมพันธ์ระหว่างมาดอนน่ากับบริทนี่ย์เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมาดอนน่าร้องเพลงร่วมกับบริทนี่ย์ในเพลง ''Me Against The Music''
 
'''Re-Invention World Tour''' ของเธอกลายเป็นทัวร์ที่ได้รับคำชมมากมายและกวาดรายได้มากสุดของปี เธอช็อคแฟนเพลงด้วยการเล่นโยคะเอาขาชี้ฟ้ากลางเวที
 
และในปี 2005 เธอประสบอุบัติเหตุตกหลังม้าแต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการวางแผงอัลบั้มใหม่ '''[[คอนเฟสชันส์ออนอะแดนซ์ฟลอร์|Confessions On A Dancefloor]]''' อัลบั้มเพลงเปิดตัวด้วยซิงเกิล ''Hung Up'' ขึ้นอันดับ 1 ในอังกฤษเป็นเพลงที่ 11 ของเธอ
 
ในปี 2008 มาดอนน่ามีผลงานอัลบั้มชุดที่ 11 ชื่อชุด '''[[ฮาร์ดแคนดี|Hard Candy]]''' โดยมีซิงเกิลแรกคือ "[[กิพว์อิททูมี]]" ({{lang-en|Give It 2 Me}}) , "4 Minutes" ที่ร้องร่วมกับขึ้นอันดับ 3 ในอเมริกา อันดับ 1 ในอังกฤษ[[จัสติน ทิมเบอร์เลค]]<ref>[http://newsroom.mtv.com/2008/03/14/madonna-justin-timberlake-look-sweet-in-hard-candy-pics/ Madonna, Justin Timberlake Look Sweet In Hard Candy Pics]</ref> และในเดือนสิงหาคม ปี 2009 กับผลงานล่าสุดในอัลบั้ม ''Cerebration'' กับซิงเกิ้ลแรก Cerebration (เซละเบรทชั่น) ที่อาจเรียกได้ว่าเพื่อฉลองครบรอบ 27 ปี ในเส้นความสำเร็จทางดนตรีของเธอ มิวสิกวิดีโอเพลงนี้ไปถ่ายทำไกลถึงมิลาน ประเทศอิตาลี นอกจากนี้ยังได้ผู้กำกับรางวัลแกรมมี่ “โจนาส อเคอร์ลันด์” Jonas Akerlund ที่เคยกำกับมิวสิกวิดีโอ “เรย์ ออฟ ไลท์” Ray Of Light มากำกับมิวสิกวิดีโอเพลงนี้อีกครั้งหนึ่งด้วย
 
 
== ผลงาน ==
[[ไฟล์:DressYouUpSticky&SweetTour2.jpg|thumb|253x253px|มาดอนน่า แสดงเพลง Dress You Up ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต Sticky & Sweet Tour ในปี ค.ศ.2008]]
 
 
 
 
<br />
== ผลงาน ==
=== ผลงานเพลง ===
[[ไฟล์:Madonna Halftime show (6837586603) (cropped1).jpg|thumb|190261x190261px|Madonna เปิดการแสดงเพลง Vogueช่วงพักเบรค ในการแข่งขันชิงแชมป์อเมริกันฟุตบอลอาชีพประจำปีของเอ็นเอฟแอล - Superbowl XLVI Halftime Show ปี ค.ศ.2012|alt=]]
[[ไฟล์:MadonnaHuman TheNature MDNA@ TourSticky Human& NatureSweet strip2Tour (cropped).jpg|alt=|thumb|253326x253326px|มาดอนน่า แสดงเพลง "Human Nature" ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต MDNASticky & WorldSweet Tour ในปี ค.ศ.20122008]]
[[ไฟล์:ReInventionJasonMadonna MDNA Concert Live D7C31582 (cropped).jpg|leftalt=|thumb|261361x261361px|มาดอนน่า แสดงเพลง American Life"Vogue" ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต Re-InventionMDNA World Tour ในปี ค.ศ. 20042012]]
 
* Madonna (1983)
เส้น 109 ⟶ 107:
* Rebel Heart Tour (2015-16)
*Madame X Tour (2019)
 
[[ไฟล์:Madonna Rebel Heart Tour 2015 - Amsterdam 2 (23823323680).jpg|thumb|252x252px|มาดอนน่า แสดงเพลง Iconic ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต Rebel Heart World Tour ในปี ค.ศ. 2015]]
 
=== ผลงานการแสดง ===
เส้น 136 ⟶ 132:
 
== อ้างอิง ==
[[ไฟล์:DressYouUpSticky&SweetTourMadonna Rebel Heart Tour 2015 - Amsterdam 2 (23823323680).jpg|thumb|253323x253323px|มาดอนน่า แสดงเพลง Dress You Up"Iconic" ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต StickyRebel &Heart SweetWorld Tour ในปี ค.ศ.2008 2015|alt=|left]]
[[ไฟล์:HungUpFresnoMadame x - London Palladium I (cropped).jpg|thumb|234287x234287px|มาดอนน่า แสดงเพลง Hung"Like a UpPrayer" ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต TheMadame ConfessionX Tour ในปี ค.ศ.20062020]]
{{รายการอ้างอิง}}