ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Cuteystudio (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ประวัติ |
||
บรรทัด 24:
== ประวัติ ==
เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เดิมชื่อว่า'''สิงห์''' เป็นบุตรคนที่ 4 ของ[[เจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น)
เมื่อเจริญวัยขึ้น ในช่วงปลายรัชกาลที่ 1 เจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น) ผู้เป็นบิดาได้นำตัวนายสิงห์เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กใน[[พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย|สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร]]
ในพ.ศ. 2359 เจ้าเมืองน่านคล้องช้างเผือกมาถวายแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงเสด็จออกไปรับช้างเผือก พระยาเกษตรรักษา (สิงห์) ออกรับเสด็จด้วยแต่เนื่องจากหมอกลงจัดทำให้พระยาเกษตรรักษา (สิงห์) แล่นเรือตัดหน้าฉานขบวนเรือพระที่นั่งขบวนหลังต้องโทษกบฏ กรมพระราชวังบวรฯทรงให้จำคุกพระยาเกษตรรักษา (สิงห์) ไว้เป็นเวลาสี่เดือนจนกระทั่ง[[กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์]]ได้ทรงช่วยทูลขอให้ไว้ชีวิตพระยาเกษตรรักษา พระยาเกษตรรักษา (สิงห์) จึงได้รับการปล่อยตัวพ้นโทษออกมาและในปีพ.ศ. 2360 กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ทิวงคต พระยาเกษตรรักษา (สิงห์) จึงดำรงฐานะเป็น "พระยาเกษตรรักษานอกราชการ"<ref>https://www.matichon.co.th/entertainment/arts-culture/news_640883</ref>
พระยาเกษตรรักษานอกราชการ (สิงห์) ได้ช่วยราชการในกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ในการต่อเรือค้าขายและการศาลต่างๆ ต่อมาเมื่อกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ได้ขึ้นครองราชสมบัติเป็น[[พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว]] พระยาเกษตรรักษานอกราชการ (สิงห์) จึงได้เข้ารับราชการอีกครั้งในตำแหน่ง'''''พระยาราชสุภาวดี'''''เจ้ากรมพระสุรัสวดี
=== ศึกเจ้าอนุวงศ์ ===
ต่อมาในปี พ.ศ. 2369 [[เจ้าอนุวงศ์]]แห่งราชอาณาจักรล้านช้าง[[เวียงจันทน์]]ก่อสงครามขึ้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้พระยาราชสุภาวดีเป็นแม่ทัพหน้ายกไปปราบปรามกองทัพลาว ในที่สุดท่านได้ปราบปรามกองทัพลาวสำเร็จและสามารถยกเข้าเมืองนคร[[จำปาศักดิ์]]ได้สำเร็จ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็น '''เจ้าพระยาราชสุภาวดี''' ว่าที่สมุหนายก
เสร็จศึกเจ้าอนุวงศ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงสถาปนาเจ้าพระยาราชสุภาวดีขึ้นเป็น '''เจ้าพระยาบดินทรเดชา''' อัครมหาเสนาบดีสมุหนายกใน พ.ศ. 2372 (เวลานั้นท่านอายุได้ 52 ปี)
=== อานามสยามยุทธ ===
อีกไม่กี่ปีต่อมา (พ.ศ. 2376) [[ญวน]]เกิดเข้าไปแทรกแซงหาทางจะเอา[[เขมร]]เป็นของตน พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดฯ ให้เจ้าพระยาบดินทรเดชายกทัพขึ้นไปสู้รบกับญวนอีก จนกระทั่งญวนยอมทำไมตรีกับไทยแล้ว และเหตุการณ์ในกัมพูชากลับเป็นปกติตามเดิมเจ้าพระยาบดินทรเดชาจึงเดินทางกลับเข้าสู่ประเทศไทยใน พ.ศ. 2391 ท่านได้ควบคุมบ้านเมืองในเขมรนานถึง 15 ปีเต็ม
เส้น 40 ⟶ 46:
เมื่อ[[สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี|สมเด็จพระหริรักษ์รามาธิบดี (นักองด้วง)]] [[พระเจ้ากรุงกัมพูชา]] ได้ทราบว่า เจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์) ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว พระองค์ทรงระลึกถึงครั้งที่เจ้าพระยาบดินทรเดชาได้ช่วยเหลือปราบปรามหมู่ปัจจามิตรทั้งช่วยจัดราชการเมืองเขมรให้ราบคาบเรียบร้อยตลอดมา จึงดำรัสสั่งสร้างเก๋งขึ้นที่หน้าค่ายใหญ่ ใกล้[[วัดโพธาราม]]ในเมืองอุดงมีชัย (เมืองหลวงเก่าเมืองเขมร) แล้วให้พระภิกษุสุกชาวเขมรช่างปั้นฝีมือเยี่ยมในยุคนั้น ปั้นรูปเจ้าพระยาบดินทรเดชาขึ้นไว้เป็นอนุสาวรีย์ด้วยปูนเพชร และประกอบการกุศลมีสดับปกรณ์เป็นต้นปีละครั้งที่เก๋ง ชาวเขมรเรียกว่า "รูปองบดินทร" ตลอดมาจนบัดนี้ รูปนี้สร้างขึ้นในราวปีจอ พ.ศ. 2392
== ความทรงจำ ==
จากผลงานและคุณงามความดีที่ปรากฏต่อประเทศชาติ ทำให้อนุชนรุ่นหลังสร้างอนุสรณ์สถานขึ้นเพื่อเคารพสักการะและระลึกถึงพระคุณของท่านหลายแห่ง เช่น เมืองอุดงมีชัย ประเทศกัมพูชา, [[วัดจักรวรรดิราชาวาส]] (วัดสามปลื้ม), [[โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)]], [[โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ๒]], [[นวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา|โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา]], [[โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ๔]], [[โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) นนทบุรี]], [[โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สมุทรปราการ]], [[โรงเรียนเทพลีลา]], โรงเรียนพระปริยัติธรรมเจ้าพระยาบดินทรเดชา จังหวัดยโสธร, วัดมหาธาตุ อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร, ค่ายบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี, ค่ายเจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี), กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว, ค่ายบดินทรเดชา กรมทหารราบที่ 16 อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์ตาก อำเภอโพธิ์ตาก และองค์การบริหารส่วนตำบลค่ายบกหวาน อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย
|