ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จิญจมาณวิกา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 15:
}}
 
'''จิญจมาณวิกา''' หรือโดยย่อว่า '''จิญจา''' เป็นสตรีที่เชื่อว่ามีชีวิตอยู่ใน[[พุทธกาล]] โดยใน[[พระไตรปิฎก]]กล่าวว่านางได้ให้ร้าย[[พระโคตมพุทธเจ้า]] ต่อหน้าคนจำนวนมากว่า ทำให้นางตั้งครรภ์ ด้วยความที่นางมีความฉลาดในมารยาของหญิง นับถือศรัทธาลัทธิเดียรถีย์ มีเจตนาเพื่อทำลายพระพุทธเจ้าจึงเดินเข้าออกวัดเชตวันอยู่เสมอ ทำทีเหมือนอยู่ในพระเชตวัน แต่แท้จริงแล้วนางอยู่ในวัดเดียรถีย์ใกล้เคียง โดยกาลล่วงไป 8–9 เดือน ผูกไม้กลมไว้ที่ท้องห่มผ้าทับข้างบน ให้ทุบหลังมือและเท้าด้วยไม้คางโค แสดงอาการบวมขึ้น มีอินทรีย์บอบช้ายอมตนกล่าวตู่พระพุทธเจ้าในท่ามกลางหมู่ชน ภายหลังนางจึงถูกแผ่นดินสูบ<ref>พระศรีคัมภีรญาณ,รศ.ดร.และคณะ . (2557). พจนานุกรมพระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย = Thai Tipitaka Dictionary Mahachulalongkornrajavidyalaya University.กองวิชาการ สานักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. หน้า 1009</ref>
 
ดังมีในพุทธชัยมงคลปราฏเป็นหลักฐานในบทสวด "พาหุง" บทที่ 5 ความว่า
บรรทัด 28:
หลักฐานในคัมภีร์อรรถกถาธรรมบทมีว่า
 
พระพุทธเจ้าขณะประทับที่เชตวันมหาวิหาร นครสาวัตถี เผยแผ่พระพุทธศาสนาจนเป็นที่ศรัทธาแก่มหาชนอย่างมาก ทำให้เกิดลาภสักการะในพระพุทธศาสนาอย่างมาก นักบวชในศาสนาอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบเสื่อมลาภ ผู้คนนับถือน้อยลง เกิดความอิจฉา และคิดจะกำจัดพระพุทธเจ้าเสีย จึงคิดอุบาย โดยส่งสาวงามชื่อว่า "จิญจมาณวิกา" ให้ไปใช้กลอุบายตามที่พวกตนวางไว้<ref>[ขุ.ธ.อ. หรือขุททกนิกาย ธรรมบท อรรถกถา (บาลี) เล่มที่ ๑ ข้อ ๑๔๕ หน้า ๑๓๘-๙/จิญฺจมาณวิกาวตฺถุ]</ref>
 
นางจิญจมาณวิกาทำทีเป็นศรัทธาในพุทธศาสน จึงไปยังวัดพระเชตุวันมหาวิหาร ร่วมฟังธรรมพร้อมกับคนอื่น ๆ แต่พอถึงเวลากลับ ไม่กลับ ทำทีเดินลับหายไปยังที่ ๆ พระพุทธเจ้าประทับแล้วแอบออกไปทางอื่น พอรุ่งเช้านางมาวัดแต่เช้ามืดแล้วไปแอบซุ่มบริเวณที่ประทับ พอผู้คนมาฟังการแสดงธรรมนางก็จะแกล้งเดินออกไปเป็นกลลวงให้ใคร ๆ เห็น และเข้าใจว่านางค้างคืนที่วัด<ref>[ขุ.ธ.อ. หรือขุททกนิกาย ธรรมบท อรรถกถา (บาลี) เล่ม ๑/ข้อ ๑๔๕/หน้า ๑๓๙]</ref>
บรรทัด 40:
พระพุทธองค์ทรงหยุดแสดงธรรมและกล่าวกับนางว่า
 
''“ดูก่อนน้องหญิง เรื่องนี้เจ้ากับเราสองคนเท่านั้นรู้กันว่าจริงหรือไม่จริงตามคำของนาง”''<ref>[ขุ.ธ.อ. หรือขุททกนิกาย ธรรมบท อรรถกถา (บาลี) เล่ม ๑/ข้อ ๑๔๕/หน้า ๑๓๙]</ref> จิญจมาณวิกาจึงตอบว่า ''“จริงทีเดียว เพราะการที่ข้าพเจ้ามีครรภ์ขึ้นนี้ มีแต่ท่านกับข้าพเจ้าเท่านั้นที่รู้กัน”''<ref> [ขุ.ธ.อ. หรือขุททกนิกาย ธรรมบท อรรถกถา (บาลี) เล่ม ๑/ข้อ ๑๔๕/หน้า ๑๓๙]</ref>
 
ผู้คนที่นั่งฟังธรรมได้ยิน นางจิญจมาณวิกา พูดก็ตกตะลึง หลายคนไม่เชื่อแต่บางคนก็เริ่มสงสัยเพราะเคยเห็นนางเดินเข้าออกที่ประทับจึง พากันซุบซิบแต่พระพุทธองค์ทรงนิ่งเฉย ชาวบ้านจึงกล่าวเตือนสติจิญจมาณวิกาว่า
บรรทัด 51:
 
=== ผลกรรมจากการถูกใส่ร้าย ===
พระพุทธเจ้าตรัสว่าเหตุ มาสู่ผลที่ถูกกล่าวตู่<ref>[ขุ.อป.หรือ ขุทกนิกาย อปทาน (ไทย) เล่ม ๓๒/ข้อ ๖๗-๗๒/หน้า ๕๗๕]</ref> เพราะเคยไปกล่าวตู่พระปัจเจกพุทธเจ้านามว่า “สุรภี” “ในชาติอื่น ๆ ในปางก่อน เราเกิดเป็นนักเลงชื่อว่าปุนาลิ ได้กล่าวตู่พระปัจเจกพุทธเจ้ามีนามว่าสุรภี ผู้ไม่ประทุษร้ายใคร”<ref>[ขุ.อป. หรือ ขุทกนิกาย อปทาน (ไทย) ๓๒/๖๗/๕๗๕]</ref> ด้วยผลของการกระทำนั้น ทำให้ตกนรก เสวยทุกขเวทนาหลายพันปี<ref>[ขุ.อป. หรือ ขุทกนิกาย อปทาน (ไทย) เล่ม ๓๒/ข้อ ๖๘/หน้า ๕๗๕]</ref> กล่าวตู่พระเถระนามนันทะ และทำให้ตกนรกถึง 100,000 ปี<ref>[ขุ.อป. หรือ ขุทกนิกาย อปทาน (ไทย) เล่ม ๓๒/ข้อ ๗๑/หน้า ๕๗๕]</ref> และเศษของการกระทำ ทำให้ต้องได้รับการกล่าวตู่จากนางสุนทรี<ref>[ขุ.อป. หรือ ขุทกนิกาย อปทาน (ไทย) เล่ม ๓๒/ข้อ ๖๙/หน้า ๕๗๕]</ref> และนางจิญจมาณวิกา<ref>ขุ.อป. หรือ ขุทกนิกาย อปทาน (ไทย) เล่ม ๓๒/ข้อ ๗๒/หน้า ๕๗๕]</ref> หรือข้อมูลในพุทธาปทานชื่อปุพพกัมมปิโลติพระพุทธเจ้า ตรัสบุพกรรมของตนไว้ว่า เพราะการกล่าวตู่พระเถระนามว่านันทะ ผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ผู้ครอบงำอันตรายทั้งปวง เราจึงเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในนรกเป็นเวลานาน เราเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในนรก เป็นเวลานานถึง 100,000 ปี ครั้นได้เกิดเป็นมนุษย์ ก็ได้รับการกล่าวตู่มาก ด้วยผลกรรมที่เหลืออยู่นั้น นางจิญจมาณวิกาจึงมากล่าวตู่เราด้วยคำไม่จริงท่ามกลางหมู่ชน<ref>(ขุ.อป.(ไทย) ๓๒/๗๒/๕๗๕)</ref>
 
== อ้างอิง ==