ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประมวลเรื่องปรัมปรานอร์ส"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 27:
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อีเมอร์ไม่สนใจนอกจากให้ตัวเองอิ่มไว้ก่อน นี่เป็นความต้องการแรกของมนุษย์ตั้งแต่เกิด อีเมอร์ใช้เวลาไม่นานนักก็กินนมวัวจนอิ่ม แต่ดูจะอิ่มมากไป มันจึงง่วงแล้วจึงก็ลงนอนบนพื้นน้ำแข็งแล้วหลับสนิทไปโดยพลัน ประกายไฟจากดาบของยักษ์ซูร์เตอร์ลอยละล่องมาตกข้างตัวเรื่อย ๆ สร้างความอบอุ่นให้เขาหลับนานขึ้นและเหงื่อออก แต่ว่าเหงื่อของยักษ์อีเมอร์ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตขึ้น
 
ตัวแรกที่เกิดจากหยาดเหงื่อของอีเมอร์ เป็นยักษ์หกหัวที่แสนจะน่าเกลียด '''ธรุดเกลเมอร์ซรูดเก็ลมีร์''' (Thrudgelmir) (ตนนี้เป็นบรรบุรุษของยักษ์น้ำค้างแข็งตัวอื่น ๆ ต่อไปอีก พวกนี้นับเป็นศัตรูตลอดกาลของพวกเทพ) ส่วนเหงื่อจากใต้[[รักแร้]]ข้างซ้ายกลายเป็นยักษ์ชาย และหญิงคู่หนึ่ง
แม้จะมีตนละหัวเดียว แต่ก็น่าเกลียดพอ ๆ กับเจ้าหกหัวตัวแรก ขนาดที่ไม่มีใครอยากจำชื่อด้วยซ้ำ
 
บูรี ต้นกำเนิดเผ่าพันธ์เทพ และ ธรุดเกลเมอร์ซรูดเก็ลมีร์ บรรพบุรุษยักษ์ คล้ายกับ อีเมอร์ เมื่อเกิดมาแล้ว ก็สามารถให้กำเนิดลูกได้เลย '''เบอร์เกลเมอร์''' (Bergelmir) เกิดจากยักษ์ ธรุดเกลเมอร์ซรูดเก็ลมีร์ ด้วยการกระโดดออกมาจากร่างของพ่อ ขณะเดียวกัน โอรสของ บุรี ก็กระโดดออกจากกายของพระองค์ มีนามว่า '''บอร์''' (Bor)
บอร์ สมรสกับ '''เบสล่า''' (Bestla)ยักษี ลูกสาวตนหนึ่งของอีเมอร์ ได้ผลพวงจากการสมรสเป็นเทพสำคัญสามองค์ '''[[โอดินน์]]''' (Odin) '''[[วิลี]]''' ( Vili) และ '''[[วี]]''' (Ve) เทพทั้งสามพระองค์นี่จะทรงเป็นต้นวงศ์ของเทพ '''แอซีร์''' (Aesir) ผู้ครองสวรรค์
 
บรรทัด 37:
ความกลัวเทพอาจเพราะคุณสมบัติที่ยักษ์ไม่มี เช่น ทั้งสามองค์แข็งแรงมาก แผลบาดเจ็บอะไรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็สามารถหายเองได้อย่างรวดเร็ว ต่างจากพวกยักษ์ซึ่งมีจะมีมาก และมีเสริมขึ้นเรื่อย ๆ แต่ความแข็งแรงและแข็งแกร่งกลับสู้เทพทั้งสามไม่ได้เลย
 
สงครามระหว่างลูก ๆ ของธรุดเกลเมอร์ซรูดเก็ลมีร์และโอรสของบอร์ เกิดขึ้นเป็นเวลานานนับพัน ๆ ปีในห้วงกินนันกาแก็บ โดยที่ไม่มีฝ่ายใดชนะเด็ดขาด หรือฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำ
 
ในที่สุด พวกเทพจึงทรงคิดจะต้องยุติ มิให้ อีเมอร์ สามารถให้กำเนิดอะไรต่อมิอะไรที่ไม่พึงปรารถนาอีก โดยทรงฆ่า อีเมอร์ เลือดของยักษ์ตนแรกไหลจากร่าง มากจนกลายเป็นแม่น้ำเลือดใหญ่ ท่วมในห้วงกินนันกาแก็บที่เหลือจนเต็ม ทายาทยักษ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในตอนแรก ต่างจมน้ำในแม่น้ำเลือดนี้ตายหมด ยกเว้น เบอร์เกลเมอร์ สามารถหนีกับภรรยาของเขา ไปขึ้นฝั่งทางใต้ได้
 
== กำเนิดแผ่นดินและโลกต่าง ๆ ==
เบอร์เกลเมอร์ ตั้งอาณาจักรของยักษ์ขึ้นใหม่ เรียกว่า '''โจตันเฮล์มยอตุนเฮย์เมอร์''' (Jotunheim) ลูกหลานของพวกเขาได้รับการสั่งสอนให้เกลียดแค้นเทพ
 
ส่วนเทพนั้นทรงคิดจะหาทางสร้างจักรวาลให้น่าอยู่เสียใหม่ ด้วยการใช้ประโยชน์จากร่างของอีเมอร์ พวกเทพทรงใช้ศพอันมหึมา ข้ามห้วงว่างกินนันกาแก็บ ส่วนต่าง ๆ จากร่างศพให้กำเนิดสรรพสิ่งต่าง ๆ ตามทางไปด้วย
บรรทัด 52:
เรียกกันว่า '''[[มิดการ์เดอร์เดอร์]]''' (Midgard) หรือ แผ่นดินที่อยู่ตรงกลาง
 
ซึ่งอันที่จริงก็จะอยู่ตรงกลางระหว่าง นิเวิลเฮย์เมอร์ ดินแดนแห่งน้ำแข็ง ความเย็นและความเงียบนิรันดร์ และ มัสเปลส์เฮมมูสเป็ลล์สเฮย์เมอร์ อาณาจักรแห่งไฟ แผ่นดินที่ถูกแผดเผาด้วยดวงอาทิตย์ในเวลากลางวัน และยังอยู่ตรงกลางของมหาสมุทร คือถูกมหาสมุทรล้อมรอบด้วย ยิ่งกว่านั้นมิดการ์เดอร์เดอร์การ์เดอร์ เป็นแผ่นดินของมนุษย์ซึ่งพวกเทพทรงวางไว้เป็นเขตกั้นระหว่าง อาสการ์เดอร์ ของตนกับ โจตันเฮล์มโจตันเฮย์เมอร์ ของยักษ์
 
== กำเนิดพระอาทิตย์-พระจันทร์ ==
บรรทัด 62:
ต่อไปนี้มีการแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ
# โอดินน์ทรงมองหาจากบรรดาลูกหลานที่เหลืออยู่ ค่อนข้างนอกคอกหน่อยคือเป็นลูกผสมยักษ์-เทพชื่อ มานิ (Mani) และ โซล (Sol) ชื่อทั้งสองแปลว่า ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์
# พี่น้องสองคนเป็นลูก '''มันดิลฟาริ''' (Mundilfari) มนุษย์จากมิดการ์เดอร์เดอร์การ์เดอร์ พ่อของเขาหาญตั้งชื่อว่า อาทิตย์และจันทร์ ด้วยคิดว่าลูกตัวงดงามเหมือนทั้งสองดวง หาญเช่นนี้ โอดินน์โกรธมาก เลยพรากตัวสองพี่น้องมาทำหน้าที่สารถีขับรถพระอาทิตย์และรถพระจันทร์เสียจริง
 
ตำนานชาวนอร์สยังกล่าวถึงศัตรูตัวฉกาจของอาทิตย์และจันทร์ไว้ด้วยคือ พญาหมาป่าสองตัว '''สก็อลล์''' (Skoll) และ '''ฮาตี''' (Hati) สองตัวนี่ปรารถนาอย่างเดียวมาแต่เกิดคือ อยากจะกินดาวทั้งสองให้สิ้นซาก แล้วก็สามารถทำได้จริงด้วยในช่วงแรกนะร็อก
บรรทัด 74:
ระหว่างที่เทพทั้งสามช่วยกันสร้างโลก เนื้อส่วนหนึ่งของอีเมอร์นั้นก็เริ่มเน่า และได้ผลิตสิ่งมีชีวิตขึ้นพวกหนึ่ง
 
เทพทั้งหลายจึงสำรวจสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น แล้วจึงเปลี่ยนรูปร่างให้เข้ากับอุปนิสัย พวกที่ทำท่าทางโลภ ชอบขู่คำรามและโค้งตัวคุ้ยเขี่ยพื้นดิน สามารถรอดชีวิตได้โดยที่พวกอื่นตาย เทพสร้างให้เป็น '''[[คนแคระ]]''' (Dwarf) ให้ไปอยู่ในอาณาเขต สวาทัล์ฟเฮม''' (Svartalfheim)''' ใต้พื้นผิวแผ่นดินมิดการ์เดอร์เดอร์การ์เดอร์ ซึ่งพวกมันสามารถจะขุดดินหาแร่มีค่าและ[[อัญมณี]]มาเก็บไว้เป็นสมบัติ สิ่งที่ต้องระวังคืออย่าโผล่ขึ้นมายามกลางวัน เพราะแค่แดดอ่อนต้องผิว จะกลายเป็นหินทันที
 
ส่วนอีกพวกหนึ่งไม่มีความโลภ เป็นพวกที่มีจิตใจดี ได้รับเปลี่ยนให้สวยงาม ตัวเบาเหมือนอากาศ เรียกว่า '''[[เอลฟ์]]''' (Elf) ได้อาณาเขต '''อัล์ฟเฮม''' (Alfheim ดินแดนแห่งเอลฟ์ขาว หรือ เอลฟ์สว่าง) อยู่ระหว่างอาสการ์เดอร์ กับมิดการ์เดอร์เดอร์การ์เดอร์ พวกนี้มีสิทธิพิเศษเหนือกว่าคนแคระ ถิ่นที่อยู่พวกเขาปลอดภัย และสามารถมาเที่ยวเล่นโลกมนุษย์ได้โดยไม่มีอันตราย เหตุนี้จึงทำให้เหล่าคนแคระไม่ชอบเหล่าเอลฟ์
 
== กำเนิดมนุษย์ ==
บรรทัด 83:
โอดินน์ทรงหักเอากิ่งที่มีสาขาของไม้ทั้งสองขึ้นมา ทรงถากให้เข้ารูปเป็นตุ๊กตามนุษย์ผู้ชาย และมนุษย์ผู้หญิง โอดินน์ทรงประทานวิญญาณให้ โฮเดอร์ประทานความรู้สึก และโลเดอร์ประทานชีวิต และสีผิวที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อ
จากนั้นกิ่งไม้ทั้งสองก็ปรากฏร่างขึ้น เป็นรูปร่างที่ใกล้เคียงเทพแต่มีขนาดเล็กกว่า เป็นมนุษย์คู่แรกของโลก ผู้ชายมาจากต้นแอชนามว่า '''อากสค์''' (Askr) ส่วนผู้หญิงนั้นมาจากต้นเอล์มชื่อ '''เอมบลา''' (Embla)
เทพทั้งหลายทรงได้ชี้ทิศให้ทั้งสองหาที่ทางตั้งที่อยู่กันในมิดการ์เดอร์เดอร์การ์เดอร์
 
== ที่อยู่ของเทพ ==
บรรทัด 98:
โลกมนุษย์อยู่ภายใต้ร่มเงากิ่งก้านสาขา ยอดไม้ระเมฆบนท้องฟ้า ความแข็งแกร่งของไม้ทำให้โลกทั้งหมดตั้งอยู่อย่างมั่นคง
 
อึกก์ดราซิลล์ มีรากใหญ่ 3 รากหยั่งลึกลงไป รากหนึ่งไปถึงโจตันเฮล์มโจตันเฮย์เมอร์ แผ่นดินของยักษ์ รากหนึ่งไปถึงนิเวิลเฮย์เมอร์แผ่นดินน้ำแข็ง และรากอันหนึ่งไปถึงอาสการ์เดอร์แผ่นดินของชาวสวรรค์ รากทั้งสามทำให้ อึกก์ดราซิลล์ สัมพันธ์กับโลกทั้งสาม คือยักษ์ เทพ และมนุษย์ และได้ดูดเอาน้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แต่ละแห่งไว้หล่อเลี้ยงต้น
 
รากที่อยู่กับ อาสการ์เดอร์ ไปโผล่ขึ้นบริเวณ'''น้ำพุเอิด''' น้ำพุแห่งเยาวภาพ (Fountain of Youth) เป็นน้ำพุที่ชาวสวรรค์ใช้ดื่มกินเพื่อให้มีความเยาว์วัยอยู่เสมอ เทพีที่คอยรักษาแหล่งน้ำ และทรงมีหน้าที่ตักน้ำให้ชาวสวรรค์วันละครั้งคือ '''พวกนอร์น''' (the Norns) สามพี่น้อง