เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
|
|
{{ต้องการอ้างอิง}}
{{สั้นมาก}}'''พระยาพลเทพ''' ขุนนางไทยในช่วงปลายสมัย [[กรุงศรีอยุธยา]] ตำแหน่ง เจ้ากรมนาซึ่งในหนังสือ [[คำให้การชาวกรุงเก่า]] ได้บันทึกว่าพระยาพลเทพผู้นี้เป็นไส้ศึกให้กับพม่าซึ่งมีส่วนทำให้กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าเป็นครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2310 แต่หลังจากเสียกรุงแล้วพระยาพลเทพก็หายสาบสูญไปมิได้มีการกล่าวถึง อีกอี▼
{{สั้นมาก}}
{{infobox royalty
| image = ขุนนางในอาณาจักรอยุธยา.jpg
| name = พระยาพลเทพ
| birth_date =
|birth_place = รอระบุ [[File:Flag of Thailand (Ayutthaya period).svg|20px]] [[อาณาจักรอยุธยา]]
| death_date = {{วันตายและอายุ|2310|4|8||||พรรษา}}
|death_place = [[วัดครุฑธาราม]] หมู่บ้าน รอระบุ [[File:Flag of Thailand (Ayutthaya period).svg|20px]] [[อาณาจักรอยุธยา]] <br> (ปัจจุบันอยู่ในเขตประเทศสยาม([[ประเทศไทย]]))
| occupation = ข้าราชการ
| succession =
| father = รอระบุ
| mother = รอระบุ
| spouse = [[แม่อุษา (ภรรยาพระยาพลเทพ)|แม่อุษา]]
| children = รอระบุ คน
| dynasty =
| yearsactive = พ.ศ. 23 - 8 เมษายน พ.ศ. 2310
|vice king1 =
|coronation_place =
| predecessor =
| successor =
| temple name =
| buddharupa =
}}
▲'''พระยาพลเทพ''' ขุนนางไทยในช่วงปลายสมัย [[กรุงศรีอยุธยา]] ตำแหน่ง เจ้ากรมนาซึ่งในหนังสือ [[คำให้การชาวกรุงเก่า]] ได้บันทึกว่าพระยาพลเทพผู้นี้เป็นไส้ศึกให้กับพม่าซึ่งมีส่วนทำให้กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าเป็นครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2310 แต่หลังจากเสียกรุงแล้วพระยาพลเทพก็หายสาบสูญไปมิได้มีการกล่าวถึงอีก
== ประวัติศาสตร์นอกตำรา ==
อ้างอิงเพิ่มเติมจากคำให้การ ของ เรนนี่ รายการ [[ช่องส่องผี]] ('''โปรดใช้วิจารณญาณ''') ได้สื่อสารกับ วิญญาณ '''พระยาพลเทพ''' ซึ่งเป็น เปรต ณ '''[[วัดครุฑธาราม]]''' จ.อยุธยา ได้ให้การว่า สาเหตุที่ท่านได้คิดการใหญ่ (ก่อกบฎ) ต้องการเป็น '''[[ขุนหลวง]]''' อันเนื่องมาจากบิดาของท่านได้สืบเชื้อสายมาจาก [[สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ]] เฉกเช่นเดียวกันกับ '''ขุนหลวง''' องค์ปัจจุบัน ([[สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์]] หรือ '''สมเด็จพระเจ้าเอกทัศ''') เนื่องจากบิดาได้ถูกใส่ความ ทำให้ต้องถูกยึดทรัพย์สิน และริดรอนยศถาบรรดาศักดิ์ รวมทั้งไพร่พล บริวาร จนต้องกลายเป็นแค่สามัญชน และทาส แต่ด้วยความวิริยะอุสาหะ และเก่งกล้าสามารถ ทำให้ท่านได้ไต่เต้ารับราชการจนได้เป็นถึง '''เจ้ากรมนา'''
ในช่วงที่ท่านได้เป็น '''เจ้ากรมนา''' ในรัชสมัยของ [[สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์]] ท่านได้เป็นกดขี่ข่มเหงราษฎร โดยการเก็บเบี้ยอัด ข้าวสาร และภาษี ในอัตราแพง หากแม้ราษฎรผู้ใดขัดขืน ท่านก็บั่นหัวเสีย จนท่านนั้นมีฐานะร่ำรวย มีเงินทอง และมีอิทธิพล ท่านจึงได้ใช้สิ่งเหล่านั้นซื้อใจไพร่พล และบริวาร ให้มาสวามิภักดิ์ต่อท่าน รวมไปถึงคนในพระราชวัง เพื่อคิดการใหญ่ (ก่อกบฎ) กอบกู้สิ่งที่บิดาของตนเคยสูญเสีย แม้ภรรยาจะเตือนท่านแลก็ตาม ถึงขั้นสมคบคิดเป็นไส้ศึกให้แม่ทัพพม่า นามว่า '''[[อะแซหวุ่นกี้]]''' ซึ่งเป็นแม่ทัพคู่บารมีของ '''[[พระเจ้ามังระ]]''' ให้เข้ามาตีกรุงศรีอยุธยาเสีย โดยกษัตริย์ของพม่าให้สัญญาว่าจะให้ท่านได้สืบราชบังลังค์เป็น '''ขุนหลวง''' แลมีอำนาจเป็นใหญ่ในกรุงศรีอยุธยาสืบต่อไป โดยท่านได้มอบแปลนผังเมือง , ทางเข้า-ออกต่างๆ จนกองทัพพม่าสามารถโอบล้อมตีกรุงศรีอยุธยา และเผาเมืองได้สำเร็จ
โดยครั้นเสียกรุงศรีอยุธยาสิ้นแล้ว ท่านได้ถูกล่อลวงไปสังหารโดยคนสนิทของท่าน ซึ่งเป็นสายลับของพระอนุชาต่างมารดาของ [[สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์]] โดยลวงว่า '''[[อะแซหวุ่นกี้]]''' ได้ส่งสารมาแจ้งว่า มีพระราชโองการจาก '''[[พระเจ้ามังระ]]''' ว่าจะยกแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา และพระราชอาสน์ ให้เสีย ขอให้ '''พระยาพลเทพ''' มาพบที่ '''[[วัดครุฑธาราม]]''' แต่เมื่อมาถึงท่านก็โดนบั่นคอสังหาร ณ ที่วัดแห่งนี้ จึงเป็นที่มาของ '''เปรตกบฎพระยาพลเทพ'''
ข้อมูลเพิ่มเติม : ภรรยาของท่านมีนามว่า '''แม่อุษา''' ซึ่งเป็นแม่หญิงที่ '''ขุนหลวง''' ได้โปรดพระราชทาน ซึ่งปัจจุบันได้กลับชาติมาเกิดเป็น [[แคนดี้ รากแก่น]]
== ในวัฒนธรรมสมัยใหม่ ==
|