ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คืนมีดยาว"

| cause = ความขัดแย้งระหว่าง[[ลัทธิสตรัสเซอร์ชตรัสเซอร์|สตรัสเซริสท์]]และฮิตเลอร์

| participants = ''[[ชุทซ์ชตัฟเฟิล]]'' (ฝ่ายฮิตเลอร์)<br />''[[ชตูร์มับไทลุงชตวร์มอัพไทลุง]]'' (ฝ่ายเริม)<br />ฝ่ายศัตรูทางการเมืองในระบบการปกครองที่ยังไม่ได้รวบรวมกัน

'''คืนมีดยาว''' ({{lang-de|Nacht der langen Messer}} ''นัชแดร์ลังเงินเมสเซอร์นัชแดร์ลังเงินเม็สเซอร์'') ยังได้เป็นที่รู้จักกันคือ '''ปฏิบัติการฮัมมิงเบิร์ดโคลิบรี''' (เยอรมัน: {{lang-de|Unternehmen Kolibri}}) หรือในเยอรมันเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า '''กบฏเริม''' (Röhm Putsch) (สะกดคำภาษาเยอรมัน: Röhm-Putsch) เป็นการกวาดล้างเมื่อเกิดขึ้นใน[[นาซีเยอรมนี]] ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน ถึง 2 กรกฎาคม ค.ศ. 1934 เมื่อ[[พรรคนาซี|พรรคกรรมกรชาติสังคมนิยมเยอรมัน]]หรือนาซีได้ดำเนินการของหนึ่งในกระทำการวิสามัญฆาตกรรมทางการเมืองด้วยวัตถุประสงค์ในการรวบรวมอำนาจเอาไว้อย่างเบ็ดเสร็จในเยอรมนีของ[[อดอล์ฟ ฮิตเลอร์]] จำนวนมากมายที่ถูกฆ่านั้นล้วนเป็นผู้นำระดับสูงของหน่วย[[ชตูร์มับไทลุงชตวร์มอัพไทลุง]](เอ็สเอเอ็สอา) องค์กรกำลังกึ่งทหารของนาซี ที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า "พวกชุดกากี" เนื่องจากสีของชุดเครื่องแบบของพวกเขา เหยื่อที่ได้เป็นที่รู้จักกันดีของการกวาดล้างคือ [[แอนสท์ เริม]] ผู้นำของหน่วยเอ็สเออาและเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนและพันธมิตรของฮิตเลอร์ สมาชิกชั้นนำของฝ่ายซ้าย ฝ่าย[[ลัทธิสตรัสเซอร์ชตรัสเซอร์]]ของพรรคนาซี พร้อมกับผู้นำในนาม [[เกรกอร์ สตรัสเซอร์ชตรัสเซอร์]] ได้ถูกสังหาร เช่นเดียวกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมและฝ่ายต่อต้านนาซี เช่น อดีตนายกรัฐมนตรี พลเอก[[คูร์ทควร์ท ฟอนฟ็อน ชไลเชอร์]] และนักการเมืองบาวาเรีย [[กุสทัฟ ริทเทอร์ ฟอนฟ็อน คาร์]] ที่ได้ยับยั้งฮิตเลอร์ในช่วง[[กบฏโรงเบียร์]]ที่[[มิวนิก]] ในปี ค.ศ. 1923 การสังหารผู้นำเอ็สเออายังได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ของรัฐบาลฮิตเลอร์ให้กับสาธารณชนเยอรมันที่วิกฤตอันตรายเพิ่มมากขึ้นของกลยุทธ์อันธพาลพวกชุดกากี

ฮิตเลอร์ได้หันต่อต้านกับหน่วยเอ็สเออาและผู้นำ แอนสท์ เริม เพราะเขาได้เห็นว่าความเป็นอิสระของหน่วยเอ็สเอเอ็สอา และความนิยมของเหล่าสมาชิกในการใช้ความรุนแรงบนท้องถนนเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่ออำนาจทางการเมืองที่เพิ่งได้รับมา ฮิตเลอร์ยังต้องการจะผูกมิตรกับผู้นำกองทัพกองกำลัง[[ไรชส์เวร์ไรชส์แวร์]] กองทัพเยอรมันอย่างเป็นทางการที่(กองกำลังป้องกันประเทศ) ซึ่งมีความหวาดกลัวและชิงชังต่อหน่วยเอ็สเอเอ็สอา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเป้าหมายของเริมนั้นเพื่อรวมกองทัพไรชส์เวร์และหน่วยเอ็สเอไรชส์แวร์และหน่วยเอ็สอามาอยู่ภายใต้การนำของเขา นอกจากนี้ฮิตเลอร์เกิดความรู้สึกอึดอัดกับการให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผยของเริมสำหรับ "การปฏิวัติครั้งที่สอง" เพื่อจัดสรรความมั่นคั่ง ในมุมมองของเริม การที่ประธานาธิบดี[[เพาล์ ฟอนฟ็อน ฮินเดนบูร์กนเดินบวร์ค|ฮินเดนบูร์กนเดินบวร์ค]]ได้แต่งตั้งให้ฮิตเลอร์เป็นนายกรัฐมนตรีเยอรมัน เมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1933 ได้สำเร็จอย่างลุล่วงในการปฏิวัติ "ชาตินิยม" แต่ยังไม่ได้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ทาง "สังคมนิยม" ของลัทธิชาติสังคมนิยม จนในที่สุด ฮิตเลอร์ได้ใช้การกวาดล้างเพื่อโจมตีหรือกำจัดนักวิจารณ์เยอรมันในระบอบใหม่ของเขา โดยเฉพาะผู้ที่ภักดีต่อรองนายกรัฐมนตรี [[ฟรันซ์ฟรันทซ์ ฟอนฟ็อน พาเพิน]] เช่นเดียวกับการชำระแค้นกับศัตรูเก่า

ด้วยจำนวนอย่างน้อย 85 คนได้เสียเสียชีวิตในช่วงการกวาดล้าง แม้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในช่วงสุดท้ายอาจจะมีในจำนวนนับร้อย และบางประมาณได้ดำเนินสูงถึง 700 คน ถึง 1,000 คน<ref name="Erik Larson 2011 p. 314">[[Erik Larson (author)|Larson, Erik]] (2011) ''[[In the Garden of Beasts]]'' New York: Broadway Paperbacks p. 314 {{isbn|978-0-307-40885-3}}; citing:<br />- memoranda in the [[William E. Dodd|W. E. Dodd]] papers;<br />- Wheeler-Bennett, John W. (1953) ''The Nemesis of Power: The German Army in Politics 1918-1945'', London: Macmillan p. 323;<br />- Gallo, Max (1972) ''The Night of the Long Knives'' New York: Harper & Row, pp. 256, 258;<br />- Rürup, Reinhard (ed.) (1996) ''Topography of Terror: SS, Gestapo and Reichssichherheitshauptamt on the "Prinz-Albrecht-Terrain", A Documentation'' Berlin: Verlag Willmuth Arenhovel, pp. 53, 223;<br />- [[Ian Kershaw|Kershaw]] ''Hubris'' p. 515;<br />- Evans (2005), pp. 34–36;<br />- [[Otto Strasser|Strasser, Otto]] and Stern, Michael (1943) ''Flight from Terror'' New York: Robert M. McBride, pp. 252, 263;<br />- [[Hans Bernd Gisevius|Gisevius, Hans Bernd]] (1947) ''To the Bitter End'' New York: Houghton Mifflin, p. 153;<br />- Metcalfe, Phillip (1988) ''1933'' Sag Harbor, New York: Permanent Press, p. 269</ref> จำนวนมากกว่าหนึ่งพันคนที่เป็นฝ่ายตรงข้ามได้กว่าพันคนถูกจับกุม{{sfn|Evans|2005|p=39}} การสังหารส่วนใหญ่ได้ถูกดำเนินโดยหน่วย[[ชุทซ์ชตัฟเฟิล]] (เอ็สเอ็ส) และ[[เกสตาโพ]] (Geheime Staatspolizei) ตำรวจลับของระบอบการปกครองรัฐ) การกวาดล้างอย่างแข็งขันและรวมถึงการได้รับการสนับสนุนของกองทัพไรชส์เวร์สำหรับฮิตเลอร์โดยมีกองกำลังไรชส์แวร์เป็นผู้อำนวยความสะดวก นอกจากนี้คืนมีดยาวยังเป็นรากฐานทางกฎหมายสำหรับจุดเริ่มต้นของระบอบกฎหมายนาซี เนื่องจากศาลเยอรมันและคณะรัฐมนตรีได้ทำลายกฎหมายกฎข้อห้ามวิสามัญฆาตกรรมที่มีอยู่มาหลายศตวรรษอย่างรวดเร็วที่ต่อต้านการวิสามัญฆาตกรรม เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีของพวกเขาที่มีต่อระบอบการปกครอง คืนมีดยาวถือเป็นจุดหักเหสำหรับต่อระบบรัฐบาลเยอรมัน{{sfn|Johnson|1991|pp=298–299}} มีการสถาปนาฮิตเลอร์ให้เป็น "ผู้ทรงยุติธรรมธรรมสูงสุดของประชาชนประชาเยอรมัน" ในขณะที่เขาได้กล่าวสุนทรพจน์ที่อาคารรัฐสภา[[ไรชส์ทาค (นาซีเยอรมนี)|ไรชส์ทาค]] การประกอบพิธีประทับตรารัฐสภาของไรช์ที่สาม ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1933 ถึง ค.ศ. 1945

ก่อนที่จะมีการดำเนินการ นักวางแผนบางครั้งในการเรียกของการกวาดล้างว่า ฮัมมิงเบิร์ดโคลิบรี (เยอรมัน: Kolibri "นก[[ฮัมมิงเบิร์ด]]") รหัสนามที่ใช้ในการส่งทีมสังหารไปสู่การปฏิบัติของวันกวาดล้าง รหัสนามสำหรับปฏิบัติการดูเหมือนจะถูกเลือกโดยไร้เหตุผล คำว่า "คืนมีดยาว" ในภาษาเยอรมันได้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการสังหารและอาจหมายถึงการกระทำของการชำระแค้น นักประวัติศาสตร์ชาวเยอรมันส่วนใหญ่ยังคงใช้คำว่า กบฏเริม เพื่อบรรยายการสังหาร คำศัพท์ที่กำหนดโดยระบอบนาซี แม้ว่าจะมีความหมายที่ไม่ได้รับการยืนยันว่าการประหารชีวิตนั้นมีความจำเป็นเพื่อป้องกันการก่อกบฏ ผู้เขียนมักใช้เครื่องหมายอัญประกาศหรือดเขียนเกี่ยวกับอัญประกาศ กบฏเริม ("เรียกว่า กบฏเริม") สำหรับการเน้นย้ำ