ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จังหวัดยโสธร"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ชวลิต ประกอบสุข (คุย | ส่วนร่วม)
ชวลิต ประกอบสุข (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 54:
 
=== สมัยธนบุรี ===
เมื่อปี พ.ศ. 2314 [[เจ้าพระตา|เจ้าพระวรราชปิตา]] พระโอรสของ[[เจ้าปางคำ|พระเจ้าสุวรรณปางคำ]] เจ้านายเชื้อสายลื้อแห่งราชวงศ์[[เชียงรุ่ง]] จากอาณาจักรหอคำเชียงรุ่ง (หรือนครเชียงรุ้งแสนหวีฟ้า) ผู้สร้างนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน (หนองบัวลุ่มภู) ได้ให้'''เจ้าคำสู''' เจ้าคำขุย เจ้าคำม่วง '''เจ้าคำสิงห์''' (บุตรคนโตของเจ้าฝ่ายหน้า) ญาติพี่น้อง และไพร่พล ลงมาสร้างบ้านเมืองใหม่ไว้เป็นเมืองหน้าด่านของนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน เมื่อเจ้าคำสูและคณะเดินทางมาถึงดงหัวช้างได้ตั้งสัจจาธิษฐานต่อเทพยดาอารักษ์อันศักดิ์สิทธิ์ที่สิงสถิตย์อยู่ในดงแห่งนี้ขอตั้งบ้านเรือน แล้วจัดพิธีจับสลากเสี่ยงทาย แต่จับสลากไม่ได้ เจ้าคำสูจึงให้คณะหยุดพักอยู่ ณ ดงแห่งนี้ก่อน โดยให้ตั้งบ้านเรือนขึ้นเพื่อเป็นที่พักพิงชั่วคราว ตั้งชื่อหมู่บ้านที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ว่า "บ้านสิงห์หิน" (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นบ้านสิงห์โคก) ต่อจากนั้นเจ้าคำสูจึงได้ให้ท้าวอินทิสาน ท้าวเมืองกลาง และพราหมณ์ ออกตรวจหาภูมิประเทศหาที่ตั้งบ้านเมืองต่อไป ท้าวอินทิสานและคณะได้พากันเดินทางมาถึงดงใหญ่ใกล้ท่าชีได้พบพระพุทธรูปใหญ่ อยู่ในวัดร้างองค์หนึ่ง และพบรูปสิงห์ทองอีกตัวหนึ่ง ท้าวอินทิสานและคณะจึงได้ทำพิธีขอตั้งบ้านเมือง โดยให้ท้าวเมืองกลางเป็นผู้จับสลาก ในที่สุดจับสลากได้ใบที่เป็นอุตมะดีเลิศ จึงได้กลับรายงานให้เจ้าคำสูทราบ และเจ้าคำสูจึงได้แบ่งไพร่พลเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งให้คงไว้ที่บ้านสิงห์หิน โดยให้เจ้าคำขุยรักษาญาติพี่น้องและไพร่พลที่อยู่ที่บ้านสิงห์หิน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเจ้าคำสูได้พามาสร้างบ้านเมืองขึ้นใหม่ที่ดงขวางท่าชี ตั้งชื่อหมู่บ้านที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ว่า บ้านสิงห์ท่า ให้สร้างวัดขึ้นที่บริเวณที่มีพระพุทธรูปใหญ่อยู่ก่อนนั้น เสร็จแล้วให้ชื่อว่า '''วัดหลวงพระเจ้าใหญ่''' ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นวัดสิงห์ท่า ถือได้ว่าเป็นพระอารามแห่งแรก
 
ในปีเดียวกันนั้นพระเจ้าสิริบุญสาร ซึ่งเป็นเจ้านครเวียงจันทน์เกิดหวาดระแวงในเจ้าพระตา และเจ้าพระวอ จึงยกกองทัพจากนครเวียงจันทน์มาปราบปราม เจ้าพระตาถูกข้าศึกยิงด้วยอาวุธปืน และฟันด้วยดาบจนถึงแก่พิราลัยในที่สนามรบ ส่วนเจ้าพระวอ เจ้าคำผง เจ้าฝ่ายหน้า เจ้าทิดพรหม และเจ้าก่ำ ได้ยกทัพฝ่าหนีออกจากนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบานลงมาตามลำน้ำชีมาพักกับเจ้าคำสูผู้ปกครองบ้านสิงห์ท่าสิงห์โคก ภายหลังต่อมาเจ้าพระวอดำริว่าหากอยู่กับเจ้าคำสูแล้ว ถ้าเวียงจันทน์ยกทัพมาก็จะเป็นการลำบากแก่บ้านสิงห์ท่าสิงห์โคก และจะเกิดศึกสงครามกันต่อไป เมื่อประชุมตกลงกันแล้วจึงได้พาไพร่พลอพยพลงไปตามลำน้ำมูล และสร้างเมืองใหม่ที่เวียงดอนกองเขตนครจำปาศักดิ์ ตามรับสั่งของพระเจ้าองค์หลวงไชยกุมาร เจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์ โดยเจ้าพระวอให้สร้างค่ายขุดคูประตูหอรบขึ้นเรียกว่า "ค่ายบ้านดู่บ้านแก"
 
ต่อมาในปี พ.ศ. 2321 เมื่อพระเจ้าสิริบุญสารทราบเรื่อง จึงได้ยกทัพมาปราบอีกครั้งจนทำให้เจ้าพระวอถึงแก่พิลาลัยในสนามรบ เจ้าคำผง เจ้าฝ่ายหน้า เจ้าทิดพรหม พร้อมบริวารจึงได้อพยพต่อไปยังเกาะกลางลำน้ำมูลซึ่งเรียกว่า "ดอนมดแดง" แต่เนื่องจากเป็นที่ต่ำไม่เหมาะสมที่จะสร้างเมืองใหม่จึงอพยพขึ้นมาตามลำน้ำมูลถึงห้วยแจระแม แล้วมาสร้างเมืองขึ้นที่ดงอู่ผึ้ง เมื่อปีกุน พ.ศ. 2322 แล้วมีหนังสือกราบบังคมทูลขอขึ้นอยู่ในขอบขัณฑสีมาของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แห่งกรุงธนบุรี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามเมืองที่ตั้งว่าเมืองอุบล เพื่อเป็นการรำลึกถึงบ้านเมืองเดิมของตนคือเมืองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน (หนองบัวลุ่มภู) จากนั้นเจ้าคำผงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองเมืองคนแรก และได้รับพระราชทานพระราชทินนามว่า "พระปทุมสุรราช"  
 
ปี พ.ศ. 2323 เกิดจราจลในเขมร สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ทองด้วง) จึงมีใบบอกมายังพระปทุมสุรราช (เจ้าคำผง) เจ้าทิดพรหม เมืองอุบล พร้อมเจ้าฝ่ายหน้า และเจ้าคำสิงห์ (บุตรชายคนโตเจ้าฝ่ายหน้า) แห่งบ้านสิงห์ท่า ได้ยกกำลังลงไปช่วยราชการปราบจราจลที่เขมรคราวนั้น แต่ก็หาทันได้ปราบปรามจนเสร็จสิ้นไม่ ทางกรุงธนบุรีก็เกิดจราจลขึ้น และได้ยกกำลังเข้าไปช่วยปราบจราจลในกรุงธนบุรีจนสำเร็จลง
 
=== สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ===