ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปฏิบัติการวัลคือเรอ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
บรันเดนบูร์ก ---> บรันเดินบวร์ค
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
แทนที่ "ออลบริชท์" → "อ็อลบริชท์" +แทนที่ "ชเตาฟ์เฟนแบร์ก" → "ชเตาเฟินแบร์ค" +แทนที่ "ฟอน" → "ฟ็อน" +แทนที่ "เทรสคอว์" → "เทร็สโค" +แทนที่ "เฮนนิง" → "เฮ็นนิง" ด้วยสจห.
บรรทัด 1:
{{ความหมายอื่น||ภาพยนตร์ซึ่งอิงเนื้อหาของแผนการดังกล่าว ในปี ค.ศ. 2008|ดูที่=ยุทธการดับจอมอหังการ์อินทรีเหล็ก}}
[[ไฟล์:Bundesarchiv Bild 146-1969-168-07, Friedrich Fromm.jpg|200px|thumb|พลเอกอาวุโส [[ฟรีดริช ฟรอมม์]] ผู้บัญชาการกองกำลังกองทัพสำรอง บุคคลเดียวนอกจากฮิตเลอร์ที่มีอำนาจสั่งใช้แผนปฏิบัติการวัลคือเรอ]]
{{ลิงก์ไปภาษาอื่น}}
'''ปฏิบัติการวัลคือเรอ''' ({{lang-de|Unternehmen Walküre}} - ตั้งตามชื่อเทพ[[วาลคิรี]]ใน[[เทพปกรณัมนอร์ส]]) เป็นแผนปฏิบัติการ[[:en:Continuity of government|ความต่อเนื่องของรัฐบาล]]ในวาระฉุกเฉิน ปฏิบัติการนี้ถูกคิดขึ้นโดยกองกำลังรักษาดินแดนเยอรมัน (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น กองกำลังสำรอง) ปฏิบัติการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศในกรณีที่เกิดเหตุที่อาจทำให้ระบบรัฐบาลฮิตเลอร์เกิดภาวะสุญญากาศ แผนฉุกเฉินนี้ได้รับการรับรองจาก[[อดอล์ฟ ฮิตเลอร์]] ซึ่งฮิตเลอร์ตั้งใจเตรียมพร้อมไว้เพื่อนำมาใช้สถานการณ์ที่เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ที่อาจเกิดขึ้นจากการทิ้งระเบิดของ[[ฝ่ายสัมพันธมิตร]] หรือการลุกฮือขึ้นก่อจลาจลของผู้ใช้แรงงานจากประเทศที่ถูกยึดครองที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมในเยอรมนี
 
'''ปฏิบัติการ[[วัลคือเรอ]]''' ({{lang-de|''Unternehmen Walküre''}} - ตั้งตามชื่อเทพ[[วาลคิรี]]ใน[[เทพปกรณัมนอร์ส]]) เป็นแผนปฏิบัติการ[[:en:Continuity of government|ความต่อเนื่องของรัฐบาล]]ในวาระฉุกเฉิน ปฏิบัติการนี้ถูกคิดขึ้นโดยกองกำลังรักษาดินแดนเยอรมัน[[กองทัพสำรอง]] (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น กองกำลังสำรอง{{lang|de|''Ersatzheer''}}) ปฏิบัติการนี้มีจุดมุ่งหมายวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศในกรณีที่เกิดเหตุที่อาจทำให้ระบบรัฐบาลฮิตเลอร์เกิดภาวะสุญญากาศ แผนฉุกเฉินนี้ได้รับการรับรองจาก[[อดอล์ฟ ฮิตเลอร์]] ซึ่งฮิตเลอร์ตั้งใจเตรียมพร้อมไว้เพื่อนำมาใช้สถานการณ์ที่เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการทิ้งระเบิดของ[[ฝ่ายสัมพันธมิตร]] หรือการลุกฮือขึ้นก่อจลาจลของผู้ใช้แรงงานจากนับล้านคนในประเทศที่ถูกเยอรมันยึดครองที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมในเยอรมนี
อย่างไรก็ดี นายทหารจากกองทัพบกเยอรมัน คือพลเอก[[ฟรีดริช ออลบริชท์]] และพลตรี[[เฮนนิง ฟอน เทรสคอว์]] ได้นำแผนการดังกล่าวมาปรับปรุงและดัดแปลงใหม่ เพื่อที่จะใช้ก่อการรัฐประหารยึดอำนาจควบคุมเยอรมนีทั้งหมด ปลดอาวุธหน่วยเอ็สเอ็ส และจับกุมคณะผู้นำรัฐบาลนาซี โดยตั้งเป้าว่าจะใช้แผนวัลคือเรอฉบับใหม่นี้หลังจากที่ฮิตเลอร์ถูกลอบสังหารใน[[แผนลับ 20 กรกฎาคม]]แล้ว ความตายของฮิตเลอร์เป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้การรัฐประหารนี้ประสบความสำเร็จ เพราะความตายของฮิตเลอร์ (มิใช่เพียงถูกจับกุม) ถือเป็นการปลดปล่อยทหารเยอรมันออกจากพันธะภายใต้คำปฏิญาณตนว่าจะจงรักภักดีต่อฮิตเลอร์ และหันมาภักดีต่อคณะรัฐประหารแทน แผนการดังกล่าวได้มีการลงมือในช่วงบ่ายของวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1944 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
 
อย่างไรก็ดี นายทหารจากกองทัพบกเยอรมัน ฮิตเลอร์อนุมัติแผนวัลคือเรอฉบับแรกที่ถูกร่างขึ้นโดยพลเอก[[ฟรีดริช ออลบริชท์อ็อลบริชท์]] และรองผู้บัญชาการกองทัพสำรอง ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1941 หลังหายนะที่[[แนบรบด้านตะวันออก]] แต่ต่อมา พลเอกอ็อลบริชท์, พลตรี[[เฮนนิงเฮ็นนิง ฟอนฟ็อน เทรสคอว์เทร็สโค]] และพันเอก[[เคลาส์ ฟ็อน ชเตาเฟินแบร์ค]] ได้นำแผนการดังกล่าวมาปรับปรุงและดัดแปลงแผนดังกล่าวเสียใหม่ เพื่อที่จะใช้ก่อการก่อรัฐประหารยึดอำนาจควบคุมเยอรมนีทั้งหมดกรุงเบอร์ลิน ปลดอาวุธหน่วยเอ็สเอ็ส และจับกุมคณะผู้นำรัฐบาลนาซี โดยตั้งเป้าว่าจะใช้แผนวัลคือเรอฉบับใหม่นี้หลังจากที่ฮิตเลอร์ถูกลอบสังหารใน[[แผนลับ 20 กรกฎาคม]]แล้ว ความตายของฮิตเลอร์เป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้การรัฐประหารรังหมาป่า แผนนี้ประสบความจะสำเร็จได้บนเงื่อนไขที่ว่าฮิตเลอร์ต้องตายเท่านั้น เพราะความตายของฮิตเลอร์ (มิใช่เพียงถูกจับกุม) ถือเป็นการปลดปล่อยปลดเปลื้องทหารเยอรมันออกจากพันธะภายใต้คำปฏิญาณตนว่าจะจงรักภักดีต่อฮิตเลอร์อย่างไร้เงื่อนไข และหันมาภักดีต่อคณะรัฐประหารแทน แผนการดังกล่าวได้มีการลงมือถูกสั่งปฏิบัติในช่วง[[แผนลับ 20 กรกฎาคม|บ่ายของวันที่ 20 กรกฎาคม]] ค.ศ. 1944 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
 
== แผนการ ==
แผนการดั้งเดิมได้รับการออกแบบมาเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินภายในประเทศ โดยกองเสนาธิการของพลเอกฟรีดริช ออลบริชท์อ็อลบริชท์<ref name="Ref-1">Joachim Fest, ''Plotting Hitler's Death: The German Resistance to Hitler, 1933–1945'', 1996, p219</ref> และได้รับการรับรองเห็นชอบจากฮิตเลอร์เอง อันที่จริง แนวคิดในการวางแผนดึงเอากองกำลังสำรองของกองทัพบกเยอรมันในแนวหลัง (ในดินแดนเยอรมันเองหลังแนวรบ) มาใช้ในการก่อ[[รัฐประหาร]]เคยมีการหยิบยกขึ้นพิจารณากันมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่การปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในการก่อรัฐประหารของพลเอกอาวุโส [[ฟรีดริช ฟรอมม์]] ผู้บังคับบัญชากองกำลังสำรองอันเป็นนายทหารคนเดียวที่จะสามารถออกคำสั่งเริ่มปฏิบัติการวัลคือเรอได้ ถือเป็นอุปสรรคต่อคณะรัฐประหารอย่างร้ายแรง แต่กระนั้น หลังจากบทเรียนที่ได้รับมาหลังจาก[[:en:Operation Spark (1940)|ความพยายามลอบสังหารฮิตเลอร์]] ในวันที่ [[13 มีนาคม]] [[ค.ศ. 1943]] แล้ว พลเอกออลบริชท์อ็อลบริชท์รู้สึกว่าแผนการก่อรัฐประหารดั้งเดิมนั้นไม่เพียงพอ และจะต้องมีการดึงเอากองกำลังสำรองมาใช้ในการก่อรัฐประหารด้วยให้ได้ แม้ว่าจะไม่ได้รับความร่วมมือจากพลเอกอาวุโสฟรอมม์ก็ตาม
[[ไฟล์:Bundesarchiv Bild 146-1969-168-07, Friedrich Fromm.jpg|200px|thumb|พลเอกอาวุโส [[ฟรีดริช ฟรอมม์]] ผู้บัญชาการกองกำลังสำรอง บุคคลเดียวนอกจากฮิตเลอร์ที่มีอำนาจสั่งใช้แผนปฏิบัติการวัลคือเรอ]]
 
แผนการดั้งเดิมได้รับการออกแบบมาเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินภายในประเทศ โดยกองเสนาธิการของพลเอกฟรีดริช ออลบริชท์<ref name="Ref-1">Joachim Fest, ''Plotting Hitler's Death: The German Resistance to Hitler, 1933–1945'', 1996, p219</ref> และได้รับการรับรองเห็นชอบจากฮิตเลอร์เอง อันที่จริง แนวคิดในการวางแผนดึงเอากองกำลังสำรองของกองทัพบกเยอรมันในแนวหลัง (ในดินแดนเยอรมันเองหลังแนวรบ) มาใช้ในการก่อ[[รัฐประหาร]]เคยมีการหยิบยกขึ้นพิจารณากันมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่การปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในการก่อรัฐประหารของพลเอกอาวุโส [[ฟรีดริช ฟรอมม์]] ผู้บังคับบัญชากองกำลังสำรองอันเป็นนายทหารคนเดียวที่จะสามารถออกคำสั่งเริ่มปฏิบัติการวัลคือเรอได้ ถือเป็นอุปสรรคต่อคณะรัฐประหารอย่างร้ายแรง แต่กระนั้น หลังจากบทเรียนที่ได้รับมาหลังจาก[[:en:Operation Spark (1940)|ความพยายามลอบสังหารฮิตเลอร์]] ในวันที่ [[13 มีนาคม]] [[ค.ศ. 1943]] แล้ว พลเอกออลบริชท์รู้สึกว่าแผนการก่อรัฐประหารดั้งเดิมนั้นไม่เพียงพอ และจะต้องมีการดึงเอากองกำลังสำรองมาใช้ในการก่อรัฐประหารด้วยให้ได้ แม้ว่าจะไม่ได้รับความร่วมมือจากพลเอกอาวุโสฟรอมม์ก็ตาม
[[ไฟล์:Claus von Stauffenberg (1907-1944).jpg|200px|thumb|พันเอก[[เคลาส์ ฟ็อน ชเตาเฟินแบร์ค]] ผู้นำหลักในการรัฐประหาร]]
แผนการวัลคือเรอดั้งเดิมมีเจตนาเพียงที่จะจัดยุทธศาสตร์เพื่อเตรียมความพรั่งพร้อมและความพร้อมรบของกองกำลังสำรองที่มีหน่วยในสังกัดต่างๆ กระจายกันอยู่เท่านั้น แต่พลเอกออลบริชท์อ็อลบริชท์ได้ดัดแปลงโดยการเพิ่มเติมส่วนที่สองของแผนการดังกล่าวเข้าไป ซึ่งทำให้กลายเป็นการเรียกระดมหน่วยต่างๆ ในกองกำลังสำรองให้มาประกอบกำลังกันโดยเร่งด่วน เพื่อจัดตั้งเป็นกองทัพที่พร้อมสามารถปฏิบัติการรบได้ทันที ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน ค.ศ. 1943 พันเอกเทรสคอว์พบว่าเทร็สโคพบว่า การดัดแปลงแก้ไขของพลเอกออลบริชท์อ็อลบริชท์ก็ยังคงไม่เพียงพอ จึงได้ขยายแผนการวัลคือเรอออกไปอีก และร่างคำสั่งเพิ่มเติม โดยกำหนดให้มีการออกประกาศลับที่ขึ้นต้นด้วยด้วยประโยค (ลวง) ที่ว่า:
 
{{quotation|
:''I. [[ฟือเรอร์|ท่านผู้นำ]]ฮิตเลอร์ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว!
{{คำพูด|[[ฟือเรอร์|ท่านผู้นำ]]ฮิตเลอร์เสียชีวิตแล้ว! ::''พวกคนไร้คุณธรรมในกลุ่มผู้นำทรยศของพรรคนาซี กำลังพยายามใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้โดยทำการแทงข้างหลังกองทัพ และยึดอำนาจไว้เอง}}เพื่อประโยชน์ของตน''
:''II. ในยามวิกฤตยิ่งเช่นนี้ รัฐบาลไรช์ขอประกาศภาวะฉุกเฉินทางทหารเพื่อรักษากฎระเบียบ พร้อมกันนี้ ได้โอนอำนาจบริหาร[[กองบัญชาการใหญ่แห่งแวร์มัคท์]]มายังข้าพเจ้า''
:''III. ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงขอสั่งการ:''
::: ''1. โอนอำนาจบริหาร พร้อมสิทธิ์มอบช่วงต่อ ให้กับผู้บัญชาการบนดินแดนดังต่อไปนี้ –ในเขตสงครามเคหะได้แก่ผู้บัญชาการกองทัพสำรอง พร้อมกันนี้ได้ตั้งเป็นผู้บัญชาการใหญ่เขตสงครามเคหะ –เขตยึดครองตะวันตกได้แก่ผู้บัญชาการใหญ่ตะวันตก –ในอิตาลีได้แก่ผู้บัญชาการใหญ่ตะวันตกเฉียงใต้ –เขตยึดครองตะวันออกได้แก่เหล่าผู้บัญชาการใหญ่กลุ่มทหารบกและผู้บัญชาการทหารแวร์มัคท์แดนตะวันออกตามลำดับพื้นที่บัญชาการ –ในเดนมาร์กและนอร์เวย์ได้แก่ผู้บัญชาการทหารแวร์มัคท์
::: ''2. ให้ผู้ถืออำนาจบริหารเข้าบังคับเหนือ:
:::: ''a) ทหารแวร์มัคท์ทุกกรมกอง ตลอดจน[[วัฟเฟิน-เอ็สเอ็ส]] กองแรงงานไรช์ และ[[องค์การท็อท]] ในพื้นที่ใต้บังคับ
:::: ''b) อำนาจฝ่ายรัฐทั้งหมด (ของไรช์, เยอรมนี, รัฐ และเทศบาล) โดยเฉพาะตำรวจรักษาความสงบ, ตำรวจรักษาความมั่นคง และตำรวจอำนวยการ
:::: ''c) เจ้าหน้าที่และหน่วยงานย่อยทั้งหมดของพรรคกรรมกรชาติสังคมนิยมเยอรมัน ตลอดจนสมาคมในสังกัด
:::: ''d) บริการคมนาคมขนส่งและสาธารณูปโภค
::: ''3. ให้ผนวกวัฟเฟิน-เอ็สเอ็สทั้งหมดเข้ากับกองทัพบก มีผลในทันที''
::: ''4. ให้ผู้ถืออำนาจบริหารรับผิดชอบรักษาระเบียบและความมั่นคงของส่วนรวม และให้ประกันเป็นพิเศษต่อ''
:::: ''a) ความมั่นคงในการข่าวสาร
:::: ''b) การกำจัด[[ซิชเชอร์ไฮทซ์ดีนสท์|ทบวงเอ็สเด]]
 
:''การขัดขืนใดๆต่อคำสั่งนี้จะถูกปราบอย่างเด็ดขาด''
:''ในยามวิกฤตของปิตุภมิเช่นนี้ ความสมานฉันท์ของกองทัพและการรักษาระเบียบวินัยคือสิ่งที่จำเป็นที่สุด''
 
:''ผู้บัญชาการใหญ่แห่งแวร์มัคท์''
แผนการวัลคือเรอดั้งเดิมมีเจตนาเพียงที่จะจัดยุทธศาสตร์เพื่อเตรียมความพรั่งพร้อมและความพร้อมรบของกองกำลังสำรองที่มีหน่วยในสังกัดต่างๆ กระจายกันอยู่เท่านั้น แต่พลเอกออลบริชท์ได้ดัดแปลงโดยการเพิ่มเติมส่วนที่สองของแผนการดังกล่าวเข้าไป ซึ่งทำให้กลายเป็นการเรียกระดมหน่วยต่างๆ ในกองกำลังสำรองให้มาประกอบกำลังกันโดยเร่งด่วน เพื่อจัดตั้งเป็นกองทัพที่พร้อมสามารถปฏิบัติการรบได้ทันที ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน ค.ศ. 1943 พันเอกเทรสคอว์พบว่า การดัดแปลงแก้ไขของพลเอกออลบริชท์ก็ยังคงไม่เพียงพอ จึงได้ขยายแผนการวัลคือเรอออกไปอีก และร่างคำสั่งเพิ่มเติม โดยกำหนดให้มีการออกประกาศลับที่ขึ้นต้นด้วยด้วยประโยค (ลวง) ที่ว่า:
:''จอมพล[[แอร์วีน ฟ็อน วิทซ์เลเบิน]]''
{{คำพูด|[[ฟือเรอร์|ท่านผู้นำ]]ฮิตเลอร์เสียชีวิตแล้ว! พวกผู้นำทรยศของพรรคนาซีกำลังพยายามใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้โดยการแทงข้างหลังกองทัพ และยึดอำนาจไว้เอง}}
}}
 
คำสั่งอย่างละเอียดได้ถูกร่างขึ้น เพื่อเตรียมสำหรับการเข้ายึดครองกระทรวงต่างๆ ของรัฐบาลใน[[เบอร์ลิน|กรุงเบอร์ลิน]] กองบัญชาการใหญ่ของฮิมม์เลอร์ใน[[ปรัสเซียตะวันออก]] สถานีวิทยุและสถานีโทรศัพท์ และกลไกของระบอบนาซีในมณฑลทหารบกต่างๆ และ[[ค่ายกักกัน]]<ref name="Ref-1"/> (ก่อนหน้านี้ เป็นที่เชื่อกันว่าพันเอก[[เคลาส์ ฟอนฟ็อน ชเตาฟ์เฟนแบร์กชเตาเฟินแบร์ค]]รับผิดชอบต่อแผนการวัลคือเรอ แต่ในเอกสารที่ถูกค้นพบหลังจากสงครามยุติโดยสหภาพโซเวียต ซึ่งเผยแพร่ในปี ค.ศ. 2007 ได้ชี้ว่า แผนการดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นโดยพันเอกเทรสคอว์เทร็สโค ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี ค.ศ. 1943<ref> [http://www.atypon-link.com/OLD/doi/pdf/10.1524/VfZg.2007.55.2.331 Peter Hoffmann, "Oberst i. G. Henning von Tresckow und die Staatsstreichpläne im Jahr 1943]</ref>) ข้อมูลทั้งหมดถูกเขียนขึ้นและเก็บรักษาไว้โดยภรรยาและเลขานุการของพันเอกเทรสอคว์ ซึ่งทั้งสองคนใส่ถุงมือเพื่อปิดบังรอยนิ้วมือเอาไว้ตลอดเวลา<ref>Joachim Fest, ''Plotting Hitler's Death: The German Resistance to Hitler, 1933–1945'', 1996, p220</ref>
 
ใจความหลักของแผนการดังกล่าว คือการหลอกให้กองกำลังสำรองเข้ายึดอำนาจและล้มล้างรัฐบาลฮิตเลอร์ โดยให้ข้อมูลเท็จว่า หน่วยเอ็สเอ็สพยายามจะก่อการรัฐประหารและได้ลอบสังหารฮิตเลอร์แล้ว ปัจจัยที่สำคัญคือ นายทหารระดับล่าง (ผู้ซึ่งแผนการนี้ถือว่าจะเป็นผู้นำแผนการไปปฏิบัติ) จะถูกลวงและกระตุ้นให้กระทำการดังกล่าว จากความเชื่อผิด ๆ ที่ว่า กลุ่มผู้นำรัฐบาลนาซีไม่มีความจงรักภักดีและทรยศต่อรัฐ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องล้มล้างลงเสีย เหล่าผู้สมคบคิดในแผนการนี้ตั้งความหวังไว้กับการที่เหล่าทหารที่ได้รับคำสั่งจะยอมทำตามคำสั่ง (หลอก) ของพวกเขาด้วยดี หากคำสั่งดังกล่าวมาจากช่องทางการสั่งการและบังคับบัญชาที่ถูกต้อง กล่าวคือ ผ่านทางกองบัญชาการกองกำลังสำรองมา โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉินหลังจากฮิตเลอร์ถูกสังหารแล้ว
เส้น 19 ⟶ 42:
 
== การลงมือปฏิบัติ ==
[[ไฟล์:ClausBundesarchiv vonBild 146-1984-079-02, Führerhauptquartier, Stauffenberg, (1907-1944)Hitler, Keitel.jpg|200px|thumb|พันเอก[[เคลาส์ ฟอนฟ็อน ชเตาเฟินแบร์ค (ซ้ายสุด) ชเตาฟ์เฟนแบร์ก]]และฮิตเลอร์ที่รังหมาป่า ผู้นำหลักในก่อนเริ่มปฏิวัติการรัฐประหารวัลคือเรอ]]
บุคคลหลักของแผนการ คือ พันเอก[[เคลาส์ ฟอนฟ็อน ชเตาฟ์เฟนแบร์กชเตาเฟินแบร์ค]] ก่อนที่จะลงมือปฏิบัติการจริงหลังจากการลอบสังหารฮิตเลอร์ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1944 พันเอกชเตาฟ์เฟนแบร์กเตาเฟินแบร์คยังได้ปรับปรุงแผนการวัลคือเรอเพิ่มเติม ตำแหน่งหัวหน้ากองเสนาธิการของกองกำลังสำรองทำให้เขาสามารถเข้าถึงตัวฮิตเลอร์ในการรายงานต่าง ๆ ได้ ในตอนแรก พันเอกเทรสคอว์เทร็สโคและพันเอกชเตาฟ์เฟนแบร์กเตาเฟินแบร์คได้พยายามเสาะหานายทหารคนอื่นๆ ที่สามารถเข้าถึงตัวฮิตเลอร์และสามารถลงมือลอบสังหารเขาได้ ซึ่งพลเอก[[:en:Helmuth Stieff|เฮลมุธลมูท สตีฟฟ์ชตีฟ]] ผู้บัญชาการฝ่ายการจัดกำลังของกองบัญชาการทหารสูงสุด ก็ได้อาสาที่จะเป็นมือสังหารฮิตเลอร์ แต่ได้ถอนตัวออกไปในภายหลัง เทรสคอว์เทร็สโคพยายามหลายครั้งที่จะได้รับบรรจุในกองบัญชาการใหญ่ของฮิตเลอร์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ท้ายที่สุด พันเอกชเตาฟ์เฟนแบร์กเตาเฟินแบร์คจึงตัดสินใจที่จะลงมือเองในการปฏิบัติการลอบสังหารฮิตเลอร์และปฏิบัติการวัลคือเรอไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งเป็นการลดโอกาสที่จะสำเร็จเป็นอย่างมาก หลังจากความพยายามสองครั้งไม่ประสบผล ชเตาฟ์เฟนแบร์กชเตาเฟินแบร์คจึงแอบลอบวางระเบิดไว้ในห้องประชุมในกองบัญชาการสนาม "รังหมาป่า" ของฮิตเลอร์ (มณฑลปรัสเซียตะวันออก)ในวันที่ 20 กรกฎาคม เพื่อสังหารฮิตเลอร์ ส่วนตนเองก็รีบออกจาก "รังหมาป่า" บินกลับมาดำเนินการตามแผนการต่อในกรุงเบอร์ลิน อย่างไรก็ดี ฮิตเลอร์รอดชีวิตมาจากการลอบวางระเบิดดังกล่าวมาได้
 
หลังจากที่พลเอกอาวุโสฟรอมม์รับรู้ว่าฮิตเลอร์ไม่ได้ถูกสังหารโดยการลอบวางระเบิด เขาจึงออกคำสั่งให้ประหารชีวิตพลเอกออลบริชท์อ็อลบริชท์ พันเอกอัลบรีชต์ ริทเทอร์ เมอร์ทซ์ ฟอนฟ็อน เควอร์นไฮม์ (หัวหน้านายทหารเสนาธิการของพลเอกออลบริชท์อ็อลบริชท์) พันเอกชเตาฟ์เฟนแบร์กเตาเฟินแบร์ค และร้อยโทเวอร์เนอร์ ฟอนฟ็อน เฮฟเทน (นายทหารคนสนิทของพันเอกชเตาฟ์เฟนแบร์กเตาเฟินแบร์ค) ผู้ที่ถูกตัดสินประหารชีวิตทั้งหมดถูกนำตัวไปยิงทิ้งภายในลานของกองบัญชาการใหญ่[[:en:Bendlerblock|เบนด์เลอร์บล็อก]]<ref>Rupert Butler, The Gestapo: A History of Hitler's Secret Police 1933-45. London: Amber Books Ltd. 2004. pg. 149.</ref> ไม่นานหลังจากเที่ยงคืน วันที่ 21 กรกฎาคม 1944
 
อย่างไรก็ตาม หลังการสั่งประหารผู้สมคบก่อการในปฏิบัติการวัลคือเรอแล้ว ต่อมา ตัวพลเอกอาวุโสฟรอมม์เองก็ไม่สามารถรอดพ้นไปจากชะตากรรมเดียวกันได้ เขาถูกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคนาซี กล่าวหาว่า จงใจเร่งสั่งประหารชีวิตผู้ร่วมก่อการพยายามรัฐประหารดังกล่าว (แทนที่จะเก็บตัวไว้ก่อนเพื่อไต่สวนต่อไป) เพื่อปิดปากมิให้มีการให้การพาดพิงมาถึงตัวพลเอกอาวุโสฟรอมม์เองว่าเคยมีส่วนรู้เห็นในแผนการดังกล่าวด้วย พลเอกอาวุโสฟรอมม์ถูกสอบสวน ถูกถอดยศ และถูกประหารชีวิตในวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 1945 ที่บรันเดินบวร์ค จากความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาดร้ายแรงและล้มเหลวในการรายงานผู้บังคับบัญชาเกี่ยวกับความพยายามก่อรัฐประหาร แม้ทางการนาซีเยอรมันจะไม่สามารถหาหลักฐานที่ชัดเจนว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับปฏิบัติการวัลคือเรอก็ตาม
เส้น 49 ⟶ 72:
* [http://www.valkyrie-plot.com ขบวนการกู้ชาติเยอรมนีจากฮิตเลอร์ - แผนสมคบคิดวัลคือเรอ] {{en icon}}
* [http://germanhistorydocs.ghi-dc.org/sub_image.cfm?image_id=2233&language=english ห้องประชุมใน "รังหมาป่า" หลังจากการพยายามลอบสังหารฮิตเลอร์ (20 กรกฎาคม 1944)] จาก [http://germanhistorydocs.ghi-dc.org/index.cfm?language=english เอกสารและภาพประวัติศาสตร์เยอรมนี] โครงการของ[http://ghi-dc.org/ สถาบันประวัติศาสตร์เยอรมนี]
* [http://www.germanhistorydocs.ghi-dc.org/sub_document.cfm?document_id=1518&language=english ข้อความโทรเลขโดยกลุ่มสมคบคิดชเตาฟ์เฟนแบร์กชเตาเฟินแบร์คไปยังผู้ถืออำนาจบริหาร (20 กรกฎาคม 1944)] จาก [http://germanhistorydocs.ghi-dc.org/index.cfm?language=english เอกสารและภาพประวัติศาสตร์เยอรมนี] โครงการของ[http://ghi-dc.org/ สถาบันประวัติศาสตร์เยอรมนี]
* [http://www.stmuk.bayern.de/blz/web/20juli/index.html ความพยายามลอบสังหาร วันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1944 และปฏิบัติการวัลคือเรอ] {{de icon}}
* [http://www.stmuk.bayern.de/blz/web/20juli/6.html Consequences] {{de icon}}