ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โรเบร์โต ดูรัน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Ice 4402 (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
Ice 4402 (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 16:
| เสมอ = 0
}}
[[ไฟล์:Leonard v.s. duran vo.1.jpg|thumb|200px|ภาพการชกครั้งแรกระหว่างดูรันกับเลียวนาร์ดเลนเนิร์ด ในครั้งแรก เมื่อปี [[ค.ศ. 1980]] ซึ่งดูรันสามารถเอาชนะคะแนนไปได้ นับเป็นนักมวยรายแรกที่สร้างความปราชัยแก่เลียวนาร์ดเลนเนิร์ดได้และนับเป็นหนึ่งในการชกที่ดีที่สุดในชีวิตของดูรัน]]
'''โรเบร์โต ดูรัน ซามานิเอโก''' ({{lang-es|Roberto Durán Samaniego}}) วีรบุรุษนักชกแห่ง[[ปานามา]] และอดีตแชมป์โลก 4 รุ่น ดูรันถือได้ว่าเป็นยอดนักมวยขวัญใจชาวปานามา เช่นเดียวกับ[[ฆูลิโอ เซซาร์ ชาเบซ]] ที่เป็นยอดนักมวยขวัญใจชาว[[เม็กซิโก]]
 
ดูรันเกิดเมื่อวันที่ [[26 มิถุนายน]] [[ค.ศ. 1951]] ที่เมืองเอลชอร์ริโยลโชร์ริโย ประเทศปานามา เริ่มชก[[มวยสากล|มวยสากลอาชีพ]]ครั้งแรกเมื่อปี [[ค.ศ. 1967]] ในรุ่น[[ไลท์เวท|ไลต์เวต]] ทำสถิติชนะรวดจนได้ชิงแชมป์โลกในรุ่นไลต์เวตไลต์เวท [[สมาคมมวยโลก]] (WBA) กับ เคน บูชาแนน นักชาว[[สกอตแลนด์]] ที่[[นครนิวยอร์กซิตี]] เมื่อวันที่ [[26 มิถุนายน]] [[ค.ศ. 1972]] ดูรันสามารถเอาชนะ[[น็อก]]บูชาแนนไปได้ในยกที่ 13 จากนั้นดูรันได้ชกนอกรอบอีก 3 ครั้ง 2 ครั้งแรกสามารถเอาชนะน็อกนักมวยโนเนมได้เพียงยกแรก แต่ในครั้งที่ 3 ดูรันต้องพบกับความพ่ายแพ้ครั้งแรกในชีวิตแก่นักมวยชาว[[เปอร์โตริโกปวยร์โตรีโก]] [[เอสเตบัน เด เฮซุส]] ซึ่งต่อมากลายมาเป็นคู่ปรับคนสำคัญอีกคนหนึ่งของดูรัน
 
ดูรันป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกไลต์เวตของไลต์เวทของ WBA ไว้ได้ถึง 12 ครั้ง นับว่าเป็นสถิติการป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกสูงสุดของรุ่นไลต์เวตไลต์เวทมาจนถึงปัจจุบัน
 
ซึ่งครั้งสุดท้ายในการป้องกันตำแหน่งรุ่นนี้คือ การเดิมพันแชมป์ในรุ่นด้วยกันกับแชมป์โลกของ[[สภามวยโลก]] (WBC) กับเอสเตบัน เด เฮซุส คู่ปรับเก่า ผลปรากฏว่าดูรันสามารถเอาชนะน็อกได้ในยกที่ 12 เมื่อวันที่ [[21 มกราคม]] [[ค.ศ. 1978]]
 
ต่อมา ดูรันสละแชมป์ไลต์เวตไลต์เวท 2 สถาบันนี้ไป เพื่อก้าวขึ้นไปชกในรุ่นที่ใหญ่กว่า คือ [[เวลเตอร์เวท|เวลเตอร์เวต]] ซึ่งในขณะนั้น [[ชูการ์ เรย์ เลียวนาร์ดเลนเนิร์ด]] ยอดนักชกชาว[[อเมริกัน]]เป็นเจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกของสภามวยโลก และยังมีสถิติไม่เคยแพ้ใคร
 
เมื่อทั้งคู่มาพบกัน ไม่มีใครคาดคิดว่ามวยบู๊อย่างดูรันจะเอาชนะมวยที่มีชั้นเชิงอย่างเลียวนาร์ดได้ แต่ทว่าดูรันก็ใช้ความแข็งแกร่ง ทรหดกว่า เดินบดเข้าหาเลียวนาร์ดตลอดการชกทั้ง 15 ยก จนในที่สุดก็สามารถเอาชนะคะแนนเลียวนาร์ดได้เลนเนิร์ดได้ ในวันที่ [[20 มิถุนายน]] [[ค.ศ. 1980]] ที่[[มอนทรีออล]] [[ประเทศแคนาดา]] ได้เป็นแชมป์โลกในรุ่นที่ 2
 
อีก 5 เดือนต่อมา ทั้งคู่ได้มีโอกาสล้างตากันอีกครั้งที่[[นิวออร์ลีนส์]] คราวนี้เลียวนาร์ดเลนเนิร์ดเตรียมตัวมาดีกว่าเก่า สามารถแก้ทางของดูรันได้ จนดูรันไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนครั้งแรก จนดูรันเป็นฝ่ายขอยอมแพ้ไปเองดื้อ ๆ ในระหว่างพักยกที่ 7 ขึ้นยกที่ 8 โดยบอกเป็น[[ภาษาสเปน]]ว่า ''"No Más"'' (ไม่เอาแล้ว) เมื่อวันที่ [[28 พฤศจิกายน]] ปีเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่ดูรันก็สามารถชกต่อไปอีกได้
 
ต่อมาดูรันก็สามารถได้เป็นแชมป์โลกในรุ่นที่ 3 ได้ เมื่อเอาชนะน็อกยก 8 เดวี่วี มัวร์ นักมวยชาวอเมริกัน เมื่อวันที่ [[16 มิถุนายน]] [[ค.ศ. 1983]] ได้แชมป์โลกในรุ่น[[ซูเปอร์เวลเตอร์เวต|จูเนียร์มิดเดิลเวตเวลเตอร์เวท]] สมาคมมวยโลก ซึ่งก่อนหน้านั้นดูรันเกือบได้เป็นแชมป์โลกรุ่นที่ 3 มาแล้ว แต่เป็นฝ่ายแพ้คะแนน 15 ยก แก่ วิลเฟรด เบนิเตซ นักมวยชาวเปอร์ปวยร์โตริรีกัน เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกซูเปอร์เวลเตอร์เวตเวลเตอร์เวท สภามวยโลก เมื่อปี [[ค.ศ. 1982]]
 
ในทศวรรษที่ 80 นี้ โรเบร์โต ดูรัน ถือได้ว่าเป็น 1 ใน 4 ยอดนักชกแห่งรุ่นกลาง (ตั้งแต่เวลเตอร์เวตจนถึงเวลเตอร์เวท จนถึง[[ซูเปอร์มิดเดิลเวตเดิลเวท]]-ประกอบไปด้วย ชูการ์ เรย์ เลียวนาร์ดเลนเนิร์ด, โรเบร์โต ดูรัน, [[โธมัส เฮิร์นส์|ทอมัส เฮินส์]] และ[[มาร์วิน แฮ็กเลอร์]] ซึ่งนักมวยทั้ง 4 นี้จะพบกันเองตลอด และผลัดแพ้-ผลัดชนะกัน)
 
ต่อมา ดูรันได้ขึ้นชิงแชมป์โลกรุ่นที่ 4 กับ มาร์วิน แฮ็กเลอร์ เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลก[[มิดเดิลเวตเดิลเวท]] 3 สถาบันใหญ่ แต่เมื่อครบ 15 ยกแล้ว ดูรันเป็นฝ่ายแพ้คะแนนขาดลอย เมื่อวันที่ [[10 พฤศจิกายน]] [[ค.ศ. 1983]] ต่อมา ดูรันก็เป็นฝ่ายแพ้น็อกแค่ยก 2 แก่ทอมัสโทมัส เฮินส์ ในการชิงแชมป์โลกซูเปอร์เวลเตอร์เวตเวลเตอร์เวท สภามวยโลก ที่เฮิร์นส์เป็นแชมป์โลกอยู่อย่างชนิดที่สู้ไม่ได้เลย เพราะดูรันเป็นฝ่ายที่รับหมัดของเฮิร์นส์แต่เพียงฝ่ายเดียว เมื่อวันที่ [[15 มิถุนายน]] [[ค.ศ. 1984]] ที่[[ลาสเวกัส]]
 
จากนั้นดูรันก็ไม่ได้ขึ้นเวตีอีกลย จนหลายฝ่ายคิดว่าเขาคงจะแขวนนวมไปแล้ว แต่ดูรันก็หวนกลับมาชกอีกครั้งในปี [[ค.ศ. 1986]] ชนะทั้งหมด 7 ครั้ง มีสะดุดแพ้อยู่ครั้งเดียวเมื่อแพ้คะแนนต่อร็อบบี ซิมส์
 
[[24 กุมภาพันธ์]] [[ค.ศ. 1989]] ดูรันก็ได้ครองแชมป์โลกรุ่นที่ 4 เมื่อชนะคะแนน 12 ยก ต่อ [[ไอแรน บาร์กเลย์]] นักมวยชาวอเมริกัน ได้เป็นแชมป์โลกในรุ่นมิดเดิลเวตเดิลเวทของสภามวยโลกที่[[แอตแลนติกซิตี]]
 
ครั้งถัดมา ดูรันพยายามที่จะเป็นแชมป์โลกรุ่นที่ 5 ให้ได้ โดยข้ามขึ้นไปชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวตเดิลเวท สภามวยโลก กับ ชูการ์ เรย์ เลียวนาร์ดเลนเนิร์ด อดีตคู่ปรับเก่า แต่ดูรันก็เป็นฝ่ายแพ้คะแนนไปอย่างขาดลอยอีก เมื่อวันที่ [[7 ธันวาคม]] [[ค.ศ. 1989]] ที่ลาสเวกัส
 
ด้วยอายุที่มากขึ้น แต่โรเบร์โต ดูรัน ก็ยังไม่มีความตั้งใจที่เลิกชกมวย เขายังคงพากเพียรขึ้นเวทีอีกเรื่อย ๆ จนกระทั่งทำฟอร์มชนะอีก 8 ครั้ง ก็ขึ้นชิงแชมป์โลกอีกครั้งในรุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวตเดิลเวท สถาบันเล็ก ๆ อย่าง [[สภามวยนานาชาติ|IBC]] กับ วินนี่ ปาเซียนซ่า แต่ก็เป็นฝ่ายแพ้คะแนนไปอีกถึง 2 ครั้ง เมื่อปี [[ค.ศ. 1994]] และ [[ค.ศ. 1995]] รวมทั้งชิงแชมป์ในรุ่นเดียวกันนี้ กับสถาบันแห่งนี้ กับ [[เอกตอร์ กามาโช]] ยอดนักมวยจอมลีลาชาวเปอร์ปวยร์โตริรีกัน เมื่อปี [[ค.ศ. 1996]] ก็เป็นฝ่ายแพ้คะแนน 12 ยกไปอีก
 
ดูรันยังคงพยายามชิงแชมป์ต่อไป ในปี [[ค.ศ. 1998]] ดูรันเป็นฝ่ายแพ้เคะแนน 12 ยก แก่ วิลเลียม จอปปี เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกมิดเดิลเวตเดิลเวท สมาคมมวยโลก ชาวอเมริกัน ดูรันชกมวยเป็นครั้งสุดท้ายเป็นฝ่ายแพ้คะแนน 12 ยก แก่ เอกตอร์ กามาโช อีกครั้ง เมื่อปี [[ค.ศ. 2001]] ที่[[เดนเวอร์]] [[โคโลราโด]] โดยที่ดูรันมีอายุถึง 50 ปีแล้ว
 
โรเบร์โต ดูรัน ถือได้ว่าเป็นวีรบุรุษนักชกชาวปานามา เป็นนักมวยที่มีสภาพร่างกายแข็งแกร่ง หมัดหนักทั้งซ้ายและขวา เป็นมวยในสไตล์ไฟเตอร์เดินหน้าเข้าชนกับคู่ต่อสู้ตลอด เป็นนักมวยที่ไว้[[หนวด]]ทำให้หน้าตาดูดุดัน จนได้ฉายาใน[[ภาษาอังกฤษ]]ว่า ''"Hands of Stone"'' ในขณะที่แฟนมวย[[ชาวไทย]]ให้ฉายาว่า ''"มนุษย์หิน"''