ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มหาสติปัฏฐานสูตร"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 135:
# ก่อน[[สติปัฏฐานสูตร]] ใน[[มัชฌิมนิกาย]] มีสูตรชื่อว่า [[สัมมาทิฏฐิสูตร]] ซึ่งท่านพระ[[สารีบุตร]]บอกกรรมฐานไว้มากกว่า'''สติปัฏฐานสูตร'''อีก โดยกล่าวไว้ถึง 32 [[กรรมฐาน]] ในขณะที่'''สติปัฏฐานสูตร'''กล่าวไว้เพียง 21 กรรมฐานเท่านั้น. ในบรรดาพระสูตรด้วยกัน [[สัมมาทิฏฐิสูตร]]จึงถูกจัดว่า เป็นสูตรที่แสดง[[กรรมฐาน]]ไว้มากที่สุด.
# ใน[[อรรถกถา]]และ[[ฏีกา]]ท่านอธิบายคำว่า [[เอกายนมรรค]] ไว้ว่า หมายถึง ทางมุ่งสู่พระ[[นิพพาน]]อย่างเดียว. ซึ่งจากคำอธิบายและตัวอย่างในฏีกานั้น ทำให้ทราบได้ว่า เอกายนมรรคอาจจะมีข้อปฏิบัติหลายอย่างได้ เช่น ในสติปัฏฐานสูตรก็มี[[กรรมฐาน]]ถึง 21 ข้อ ในสัมมาทิฏฐิสูตรก็มีกรรมฐานถึง 32 ข้อ เป็นต้น.
# จากการที่สติปัฏฐานเป็นได้ทั้ง[[สมถะ]]และ[[วิปัสสนา]]จึงทำให้ทราบได้
# ในสติปัฏฐานสูตรจะเน้นให้พิจารณาทั้งสิ่งที่เป็นของตนและของคนอื่นเพราะมี ข้อความว่า "พหิทฺธา วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ-เป็นผู้หมั่นพิจารณากายในกายอยู่" อยู่ในทุก[[บรรพะ]]ทั้ง 21 บรรพะเลยทีเดียว ซึ่งพระอรรถกถาและพระฏีกาจารย์ก็ย้ำไว้อีกในอรรถกถาของทุกบรรพะเช่นกันว่า ''"พิจารณาภายนอก หมายถึง ของคนอื่น"''. คำนี้ก็สอดคล้องกับสูตรทั่วไป เช่นที่เรามักได้ยินคำว่า ''"รูปที่เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน ภายใน ภายนอก หยาบ ละเอียด เลว ประณีต ไกล ใกล้"''เป็นต้น.
# สาเหตุที่คนมักเข้าใจว่า ท่านให้พิจารณาแค่จิตของตนเท่านั้น กายของตน เท่านั้น เป็นต้น อย่างหนึ่งน่าจะมาจากข้อความว่า "กายยาววาหนาคืบ"ซึ่งมีต้นเค้ามาจากพระไตรปิฎก แต่คำนี้ท่านก็ไม่ได้ระบุว่าหมายถึงของตนเองเท่านั้น.
|