ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มหาสติปัฏฐานสูตร"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 134:
# ใน[[อรรถกถา]]ใช้หลัก[[ปริญญา 3]] เป็นเกณฑ์ในการอธิบายเนื้อความทั้งหมด และท่านขยายความ[[ปริญญา 3]] ไว้แล้ว ในนิทเทสของวิสุทธิ 3 ได้แก่ [[ทิฏฐิวิสุทธิ]] [[กังขาวิตรณวิสุทธิ]] และ[[มัคคามัคญาณทัสสนวิสุทธิ]] ซึ่งเมื่อรวมพื้นฐานแล้วก็ได้[[วิสุทธิ]]ทั้ง 7 หรือ [[วิสุทธิมรรค]]ทั้งเล่มนั่นเอง. ฉะนั้นท่านจึงอ้างถึง[[วิสุทธิมรรค]]ไว้บ่อยมาก และใครที่ไม่เคยอ่าน[[วิสุทธิมรรค]] หรืออ่านแล้วแต่ไม่รู้เรื่องเพราะไม่ชำนาญพระอภิธรรม หากไปอ่านอรรถกถาของ[[มหาสติปัฏฐานสูตร]]เป็นต้น และอรรถกถาส่วนใหญ่ที่เป็นข้อปฏิบัติอาจจะไม่เข้าใจเลย เพราะข้ามลำดับการศึกษาไปนั่นเอง แต่ทั้งนี้หากจะอ่านให้ผ่านตาไว้ก่อนในระหว่างศึกษาคัมภีร์พื้นฐานอยู่ก็ควรทำ เพราะจะสะสมเป็นอุปนิสัย ให้สามารถเข้าใจในอนาคตได้ในที่สุด.
# ก่อน[[สติปัฏฐานสูตร]] ใน[[มัชฌิมนิกาย]] มีสูตรชื่อว่า [[สัมมาทิฏฐิสูตร]] ซึ่งท่านพระ[[สารีบุตร]]บอกกรรมฐานไว้มากกว่า'''สติปัฏฐานสูตร'''อีก โดยกล่าวไว้ถึง 32 [[กรรมฐาน]] ในขณะที่'''สติปัฏฐานสูตร'''กล่าวไว้เพียง 21 กรรมฐานเท่านั้น. ในบรรดาพระสูตรด้วยกัน [[สัมมาทิฏฐิสูตร]]จึงถูกจัดว่า เป็นสูตรที่แสดง[[กรรมฐาน]]ไว้มากที่สุด.
# ใน[[อรรถกถา]]และ[[ฏีกา]]ท่านอธิบายคำว่า [[เอกายนมรรค]] ไว้ว่า หมายถึง ทางมุ่ง
# จากการที่สติปัฏฐานเป็นได้ทั้ง[[สมถะ]]และ[[วิปัสสนา]]จึงทำให้ทราบได้ ว่าสติปัฏฐานมีทั้งบัญญัติและปรมัตถ์เป็นอารมณ์ เพราะสมถะ เช่น นิมิต ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า[[นิมิต]]เป็นบัญญัติ, ส่วน[[วิปัสสนา]] เช่น [[อิริยาบถบรรพะ]] ก็มี[[อิริยาบถ]]และ[[ไตรลักษณ์]]เป็นต้น ซึ่งเป็นบัญญัติ เป็นอารมณ์ได้.
# ในสติปัฏฐานสูตรจะเน้นให้พิจารณาทั้งสิ่งที่เป็นของตนและของคนอื่นเพราะมี ข้อความว่า "พหิทฺธา วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ-เป็นผู้หมั่นพิจารณากายในกายอยู่" อยู่ในทุก[[บรรพะ]]ทั้ง 21 บรรพะเลยทีเดียว ซึ่งพระอรรถกถาและพระฏีกาจารย์ก็ย้ำไว้อีกในอรรถกถาของทุกบรรพะเช่นกันว่า ''"พิจารณาภายนอก หมายถึง ของคนอื่น"''. คำนี้ก็สอดคล้องกับสูตรทั่วไป เช่นที่เรามักได้ยินคำว่า ''"รูปที่เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน ภายใน ภายนอก หยาบ ละเอียด เลว ประณีต ไกล ใกล้"''เป็นต้น.
|