ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ศิลาโรเซตตา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
YURi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
YURi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 13:
'''ศิลาโรเซตตา''' ({{lang-en|Rosetta Stone}}) เป็น[[ศิลาจารึก]]ทำจากหิน[[แกรนด์โอไดโอไรต์]] บันทึก[[กฤษฎีกาโรเซตตา|กฤษฎีกา]]ซึ่งตราขึ้นในพระนามาภิไธยพระเจ้า[[ทอเลมีที่ 5]] (Ptolemy V) ณ เมือง[[เมมฟิส]] [[ประเทศอียิปต์]] เมื่อ 196 ปีก่อนคริสตกาล กฤษฎีกานี้เขียนด้วยอักขระสามชนิด ตอนต้นเขียนด้วยอักขระ[[ไฮเออโรกลีฟอียิปต์]] ตอนกลางเขียนด้วยอักขระ[[Demotic (Egyptian)|ดีมอติกอียิปต์]] และตอนท้ายเขียนด้วยอักขระ[[กรีกโบราณ]] ทั้งสามตอนมีเนื้อหาอย่างเดียวกัน ศิลานี้จึงเป็นเครื่องไขความหมายของอักขระ[[ไฮเออโรกลีฟอียิปต์]] และเปิดช่องให้เข้าถึงประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณ
 
เชื่อกันว่า ศิลานี้เดิมตั้งแสดงไว้ที่[[วัดอียิปต์]]แห่งหนึ่งซึ่งน่าจะอยู่ใกล้เมือง[[เซอีส]] ต่อมาในราว[[สมัยต้นคริสตกาล|ต้นคริสตกาล]]หรือราว[[สมัยกลาง|มัชฌิมยุค]] มีการย้ายศิลาไปที่อื่น และในที่สุดมีการใช้ศิลานี้เป็นวัสดุก่อสร้าง[[ปราการจูเลียน]]ใกล้เมือง[[โรเซตตา]]ที่[[ดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำไนล์]] ครั้น ค.ศ. 1799 [[ปีแยร์-ฟร็องซัว บูว์ชาร์]] นายทหารชาวฝรั่งเศสในกองทัพของ[[นโปเลียน]] พบศิลานี้เข้า นับเป็นจารึกสองภาษาจากสมัยอียิปต์โบราณจารึกแรกที่ค้นพบในสมัยปัจจุบัน จึงกระตุ้นความสนใจของสาธารณชนอย่างกว้างขวาง และก่อให้เกิดความพยายามถอดความหมายภาษาอียิปต์โบราณอันเป็นภาษาที่ไม่เคยได้รับการแปลความหมายมาก่อน ฉะนั้น นักวิชาการและพิพิธภัณฑ์ในยุโรปจึงเริ่มคัดลอกเนื้อความของศิลาออกเผยแพร่ ขณะนั้น [[กองทัพอังกฤษ]]เอาชัยชนะเหนือกองทัพฝรั่งเศสในประเทศอียิปต์ได้ใน ค.ศ. 1801 และเมื่อฝรั่งเศส[[การยอมจำนนที่อเล็กซานเดรีย (1801)|ยอมจำนนที่อะเล็กซานเดรีย]]แล้ว อังกฤษจึงได้ศิลาไว้ในความครอบครอง และขนศิลาไปไว้ในกรุง[[ลอนดอน]] แล้วจัดแสดงแก่สาธารณชน ณ [[พิพิธภัณฑ์บริติช]]ตั้งแต่ ค.ศ. 1802 เรื่อยมาจนปัจจุบัน ถือเป็นวัตถุที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมบ่อยครั้งที่สุดในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
 
ส่วนการศึกษาเกี่ยวกับกฤษฎีกาบนศิลานั้นเริ่มขึ้นเมื่อมีการแปลเนื้อความภาษากรีกบนศิลาอย่างเต็มรูปแบบใน ค.ศ. 1803 จนราวยี่สิบปีให้หลัง คือ ใน ค.ศ. 1822 [[ฌ็อง-ฟร็องซัว ช็องปอลียง]] (Jean-François Champollion) นักวิชาการชาวฝรั่งเศส จึงแถลงในกรุง[[ปารีส]]ว่า สามารถอ่านอักขระอียิปต์ได้เป็นผลสำเร็จ อย่างไรก็ดี นับแต่ค้นพบศิลาหลักนี้เป็นต้นมา ตัวศิลานั้นตกเป็นข้ออ้างในความขัดแย้งทางชาตินิยมหลายต่อหลายครั้ง และนับแต่ ค.ศ. 2003 สืบมา มีการเรียกร้องอยู่เสมอว่า ให้คืนศิลากลับสู่อียิปต์