ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่น"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
JBot (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนการแก้ไขที่อาจเป็นการทดลอง หรือก่อกวนด้วยบอต ไม่ควรย้อน? แจ้งที่นี่
ป้ายระบุ: เพิ่มรายการยาว
บรรทัด 1:
{{Issues|ต้องการอ้างอิง=yes|ปรับรูปแบบ=yes|โปร=yes|รวม=อาณาจักรล้านนา}}
{{แยก|อาณาจักรเงินยาง}}{{ประวัติศาสตร์ไทย}}
'''โยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่น''' หรือ '''แคว้นโยนก''' <ref>สรัสวดี อ๋องสกุล. ''ประวัติศาสตร์ล้านนา''. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ:อมรินทร์, 2552. หน้า 42</ref> (พ.ศ. 1835–2435) เป็นรัฐของชาว[[ไทยวน]] ที่ตั้งอยู่แถบลุ่มน้ำโขงตอนกลาง อันเป็นที่ราบลุ่มของน้ำแม่กก เป็นที่ตั้งของชุมชนที่มีมาช้านาน แม้จะเป็นรัฐชายขอบที่ตั้งอยู่ใกล้กับอาณาจักรขนาดใหญ่ ขอม พุกาม และยูนนาน แต่ก็มีพัฒนาการที่รวดเร็วช่วงพุทธศตวรรษที่ 17 ก่อนที่จะพัฒนาจนสถาปนา[[อาณาจักรล้านนา]]ในกาลต่อมา มีเรื่องราวปรากฏอยู่ในตำนานสิงหนติกุมาร(มีหลายชื่อเรียก เช่น ตำนานโยนกนครเชียงแสน ตำนานโยนกนคร ตำนานโยนกไชยบุรีศรีช้างแส่น แล้วแต่ผู้จารจะเขียนกำกับ แต่เนื้อหาคล้ายกันหมด) และตำนาน[[วัดพระมหาชินธาตุเจ้า (ดอยตุง)|พระธาตุดอยตุง]] ถ้ำปุ่ม ถ้ำปลา ถ้ำเปลวปล่องฟ้า แต่ยังไม่มีการค้นพบหลักฐานที่เก่าถึงยุคสมัยจรจริง
 
== ตำนานสิงหนติกุมาร ==
# งค์มหาวัน
ตามตำนานสิงหนติกุมาร (ไม่ใช่สิงหนวัติ หรือ สิงหนวติ เพราะไม่ปรากฏในเอกสารใบลานชั้นต้น ซึ่งปรากฏเพียง สิงหนติ) กล่าวว่า '''เจ้าสิงหนติราชกุมาร''' โอรสของพระเจ้าเทวกาลแห่งนครไทยเทศ หรือ เมืองราชคฤห์ ได้ทำการอพยพผู้คนออกจากนครไทยเทศ เดินทางไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ จนมาถึงชัยภูมิที่เคยเป็นแคว้นสุวรรณโคมคำในอดีต ไม่ไกลแม่น้ำโขงมากนัก ซึ่งตอนนั้นมีชาวลัวะอาศัยอยู่ตามป่าเขาในบริเวณดอยดินแดน (ดอยตุง) มีหัวหน้าชื่อ '''ปู่เจ้าลาวกุย''' เจ้าสิงหนติได้พบกับพญานาคชื่อพันธุนาคราช ซึ่งจำแลงกายเป็นพราหมณ์มาพูดคุย และแนะนำให้สร้างเมืองในที่บริเวณนั้น แล้วกลับเป็นพญานาคช่วยขุดคูเมืองให้ เจ้าสิงหนติจึงตั้งเมืองบริเวณนั้น และนำชื่อตนประสมกับชื่อพญานาคเป็นชื่อเมืองว่า '''เมืองนาคพันธุสิงหนตินคร''' จากนั้นเจ้าสิงหนติได้แผ่อำนาจปราบปรามเมืองอุโมงคเสลานคร ซึ่งเป็นเมืองของพวกขอม และมีอำนาจเหนือกลุ่มชนพื้นถิ่นดั้งเดิมในแถบนั้นทั้งหมด ในสมัย'''พญาพันธนติ''' กษัตริย์องค์ที่2 ได้เปลี่ยนชื่อเมืองมาเป็น '''เมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่น''' โดยเอาเหตุนิมิตเมื่อช้างมงคลของพญาสิงหนติเห็นพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ก็เกิดการตกใจร้องเสียงดัง "'''แส่นสะเคียร'''" (ช้างแส่น คือ ช้างสั่น ส่วน แส่นสะเคียร แปลว่า สั่นสะเทือน เป็นอากัปกิริยาของช้างคำรามเสียงดังสนั่นหวั่นไหว)
# พระองค์มหาไชยชนะ สิ้นสุดราชวงศ์สิงหนติ เมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่นล่มสลาย
 
ในสมัย'''พญาอชุตราช''' กษัตริย์องค์ที่3 ได้มีการสร้างพระธาตุดอยตุง พระธาตุดอยกู่แก้ว พระธาตุในถ้ำปุ่ม ถ้ำเปลวปล่องฟ้า เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าเริ่มมีพระพุทธศาสนาเข้ามาแล้ว (ซึ่งเป็นเพียงตำนานเท่านั้น ในปัจจุบันยังไม่ค้นพบหลักฐานที่เก่าถึงยุคสมัยโยนกนคร) สมัยพญามังรายนราช กษัตริย์องค์ที่4 พระองค์ไชยนารายณ์ โอรสองค์สุดท้องของพระองค์ได้ไปตั้งเมืองใหม่ คือ '''เวียงไชยนารายณ์เมืองมูล''' (สันนิฐานว่าควรอยู่บริเวณ ปงเวียงไชย บ้านปง ต.เวียงชัย อ.เวียงชัย จ.เชียงราย)
 
เมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่นมีกษัตริย์ปกครองต่อๆกันมา จนสมัย'''พระองค์พังคราช''' กษัตริย์องค์ที่42 เสียเมืองให้กับพระยาขอม เมืองอุโมงคเสลานคร และถูกเนรเทศไปเป็นแก่บ้าน'''เวียงสี่ทวง''' ส่งส่วยให้พระยาขอมเป็นทองคำปีละ4ทวงหมากพินน้อย(คือมะตูมลูกเล็ก) นำมาผ่าซีก4ส่วน นำทองคำหลอมลงไปเพียง1ซีก ที่เวียงสี่ทวง พระองค์พังคราชมีลูกชาย2คน คนโตชื่อ '''ทุกขิตะกุมาร''' คนที่2ชื่อ '''พรหมกุมาร''' เมื่อพรหมกุมารอายุได้13ปี จึงมีความคิดที่จะสู้กับพระยาขอม ได้ไปจับช้างที่แม่น้ำโขงและตีพานคำ(พาน อ่านว่าปาน คือเครื่องดนตรีล้านนาชนิดหนึ่ง คล้ายฆ้องแต่ไม่มีโหม่ง ใช้ตี)แห่เข้าเวียงสี่ทวง และทำการขุดคูเมือง ปรับปรุงกำแพงและประตูเมือง แล้วเปลี่ยนชื่อ'''เวียงสี่ทวง'''เป็น '''เวียงพานคำ''' (สันนิฐานว่าเวียงสี่ทวงและเวียงพานคำควรอยู่บริเวณเมืองโบราณที่เรียกว่าเวียงแก้ว บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน และเวียงสี่ทวงกับเวียงพานคำไม่ควรอยู่บริเวณเมืองโบราณที่ อ.แม่สาย เพราะตำนานหลายฉบับกล่าวว่าบริเวณนั้นเป็นเมืองหิรัญนครเงินยาง) และทำการซ่องสุมผู้คน สู้รบกับพระยาขอมจนได้รับชนะ ขับไล่พวกขอมและสามารถชิงเมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่นกลับคืนมาได้ ถวายเมืองคืนพระองค์พังคราช ส่วนพระองค์พรหมราช(พรหมกุมาร) ได้กลัวว่าจะมีข้าศึกมาอีก จึงไปสร้างเมืองใหม่ คือ '''เวียงไชยปราการ'''(สันนิฐานว่าควรอยู่บริเวณ บ้านร่องห้า (ร่องห้าทุ่งยั้ง) ต.ผางาม อ.เวียงชัย จ.เชียงราย) เมื่อสิ้นพระองค์พรหมราชแล้ว พระองค์ไชยสิริ พระโอรสได้ครองเวียงไชยปราการต่อมา แต่ถูกเมืองสุธรรมวดีเข้ามาคุกคามอีก พระองค์ไชยสิริจึงพาชาวเมืองอพยพลงไปทางใต้ และตั้งเมืองที่เมืองกำแพงเพชร
 
ส่วนเมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่นนั้น มีกษัตริย์ครองเมืองต่อมา จนถึงสมัยพระองค์มหาไชยชนะ ชาวเมืองจับได้ปลาไหลเผือกยักษ์จากแม่น้ำกก แล้วนำมาแบ่งกันกินทั้งเมืองยกเว้นแม่หม้ายเฒ่าหนึ่งคน และในคืนนั้นเมืองโยนกก็ล่มสลายลงกลายเป็นหนองน้ำใหญ่ ยกเว้นแม่หม้ายเฒ่าเพียงคนเดียวที่รอดตาย (สันนิฐานว่าอาจเกิดแผ่นดินไหวจนเมืองถล่มลง จึงมาผูกเรื่องในตำนาน ปัจจุบันสันนิฐานว่าเวียงโยนกฯอยู่บริเวณ'''เวียงหนองหล่ม''' ตั้งอยู่ระหว่าง ต.โยนก อ.เชียงแสน กับ ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย) ขุนพันนาและนายบ้านกับประชาชนที่รอดตายจึงรับเลี้ยงดูแม่หม้ายเฒ่า และประชุมปรึกษาเลือกนายบ้านผู้หนึ่ง ชื่อ'''ขุนลัง''' ให้เป็นผู้นำ และช่วยกันสร้างเมืองใหม่ริมฝั่งแม่น้ำโขงฝั่งตะตก และอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองโยนกนครฯ เรียกว่า'''เวียงเปิกสา (เวียงปรึกษา)''' ผู้ที่ครองเวียงเปิกสานั้นจะต้องได้รับการปรึกษาคัดเลือกจากประชาชนในเมืองทั้งหมด คล้ายกับแนวทางของ[[ระบอบประชาธิปไตย]] เรียกว่า '''ไพร่แต่งเมือง''' รวมเป็นขุนผู้ครองเวียงเปิกสา 16 คน เป็นอันจบตำนานสิงหนติกุมาร<ref>. ''ใบลานตำนานโยนกนครเชียงแสน ฉบับวัดเชียงมั่น เชียงใหม่''.</ref> <ref>. ''ใบลานตำนานสิงหนติโยนก ฉบับวัดลำเปิง เชียงราย''.</ref> <ref>อภิชิต ศิริชัย. ''วิเคราะห์ตำนานจากเอกสารพื้นถิ่น ว่าด้วย โยนกนคร เวียงสี่ตวง เวียงพานคำ เมืองเงินยาง และ ประวัติวัดพระธาตุจอมกิตติ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย''. พิมพ์ครั้งที่ 1. เชียงราย:ล้อล้านนา, 2560.</ref>
 
== สิงหนติ หรือ สิงหนวัติ ==
ในประชุมพงศาวดาร ภาคที่61 ตำนานสิงหนวติกุมาร เรียกชื่อเจ้าสิงหนติราชกุมารว่า สิงหนวติกุมาร และมีการเผยแพร่และเพี้ยนไปเป็น สิงหนวัติกุมาร และเป็นชื่อที่แพร่หลายใช้ในปัจจุบัน แต่จากการสำรวจและปริวรรตเอกสารใบลานต้นฉบับภาษาล้านนาของตำนานโยนกแล้ว กลับพบว่าเขียนว่า สิงหนติ ไม่พบว่ามีการเขียนชื่อ สิงหนวติ หรือ สิงหนวัติ ในตำนานทุกฉบับ จึงสรุปว่าควรใช้ สิงหนติ ซึ่งเป็นชื่อที่ถูกต้อง<ref>มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16 - 22 ธันวาคม 2559,วันพฤหัสที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2559,เพ็ญสุภา สุขคตะ. "ปริศนาโบราณคดี : ส่งท้าย “777 ปีชาตกาลพระญามังราย” ภารกิจสะสางประวัติศาสตร์ยังไม่จบสิ้น (1)" .[https://www.matichonweekly.com/column/article_18712]</ref>
 
== รายพระนามกษัตริย์ผู้ครองเมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่น ==
 
===ยุคเมืองนาคพันธุสิงหนตินคร===
# พญาสิงหนติ (เจ้าสิงหนติราชกุมาร)
 
===ยุคเมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่น===
# พญาพันธติ
# พญาอชุตราช
# พญามังรายนราช (พระองค์มังรายนราช)
# พระองค์เชือง
# พระองค์ชืน
# พระองค์คำ
# พระองค์เพิง
# พระองค์ชาต
# พระองค์เวา
# พระองค์แวน
# พระองค์แก้ว
# พระองค์เงิน
# พระองค์แวน (คนละองค์กับพระองค์แวนในลำดับที่10)
# พระองค์งาม
# พระองค์ลือ
# พระองค์รอย
# พระองค์เชิง
# พระองค์พัน
# พระองค์เพา
# พระองค์พิง
# พระองค์สี
# พระองค์สม
# พระองค์สวน
# พระองค์แพง
# พระองค์พวน
# พระองค์จัน
# พระองค์ฟู
# พระองค์ฝัน
# พระองค์วัน
# พระองค์มังสิง
# พระองค์มังแสน
# พระองค์มังสม
# พระองค์ทิพ
# พระองค์กอง
# พระองค์กม
# พระองค์ชาย
# พระองค์ชื่น
# พระองค์ชม
# พระองค์พัง
# พระองค์พิง (คนละองค์กับพระองค์พิงในลำดับที่20)
# พระองค์เพียง
# พระองค์พัง (พระองค์พังคราช)
# พระองค์ทุกขิตะ (เจ้าทุกขิตะกุมาร)
# พระองค์มหาวัน
# พระองค์มหาไชยชนะ สิ้นสุดราชวงศ์สิงหนติ เมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่นล่มสลาย
(หมายเหตุ รายชื่อกษัตริย์ราชวงศ์สิงหนติ อ้างอิงจากตำนานสิงหนติโยนก ฉบับวัดลำเปิง จ.เชียงราย เป็นหลัก)