ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ยูโรปา (ดาวบริวาร)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาดบทความด้วยบอต
แปลเพิ่มจากภาษาอังกฤษและแก้ไขลิงก์เสีย
บรรทัด 1:
{{ลิงก์ไปภาษาอื่น}}
{{ชื่ออื่น|||ยูโรปา (แก้ความกำกวม)}}
{{กล่องข้อมูล ดาวเคราะห์
| ชื่อดาว = ยูโรปา
| ชื่ออื่น ๆ = จูปิเตอร์Jupiter II
| ภาพ = [[ไฟล์:Europa-moon.jpg|275300px|ภาพถ่ายสีจริง โดยยานกาลิเลโอ]]
| คำอธิบายภาพ = ภาพดาวบริวารยูโรปาซีกด้านหลังทิศทางโคจร สีตามธรรมชาติ (โดยประมาณ) ถ่ายจากยานกาลิเลโอ เมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2539
| สีพื้นหลัง = #a0ffa0
| ใส่การค้นพบ? (yes/no) = yes
| ผู้ค้นพบ = [[กาลิเลโอ กาลิเลอี]]<br />[[ไซมอน มาริอุส]]
| วันค้นพบ = 78 มกราคม .ศ. 16102152
| orbit_ref = <ref name=horizons>{{cite web |url=http://ssd.jpl.nasa.gov/horizons.cgi |title=JPL HORIZONS solar system data and ephemeris computation service |work=Solar System Dynamics|publisher=NASA, Jet Propulsion Laboratory |accessdate=2007-08-10}}</ref>
| จุดเริ่มยุค = 8 มกราคม 2004พ.ศ. 2547
| รัศมีวงโคจรเฉลี่ย = 670&nbsp;900&nbsp;kmกม.<ref name=factsheet>{{cite web|title=Overview of Europa Facts|work=NASA|url=http://www2.jpl.nasa.gov/galileo/europa/|accessdate=2007-12-27}}</ref>
| ความเยื้องศูนย์กลาง = 0.009<ref name=factsheet />
| periapsisระยะจุดใกล้ศูนย์กลางวงโคจรที่สุด = 664&nbsp;862&nbsp;kmกม.<ref name="stub1stub1" />
| apoapsisระยะจุดไกลศูนย์กลางวงโคจรที่สุด = 676&nbsp;938&nbsp;kmกม.<ref name="stub1stub1" />
| periodคาบการโคจร = 3.551&nbsp;181&nbsp;dวัน (บนโลก) <ref name="factsheet" />
| orbit_circ = 4&nbsp;216&nbsp;100&nbsp;kmกม.
| อัตราเร็วเฉลี่ยในวงโคจร = 13.740&nbsp;kmกม./sว.<ref name="factsheet" />
| ความเอียง = 0.470° (toกับแนวเส้นศูนย์สูตรของดาวพฤหัสบดี)<br Jupiter's/>1.791° equator(กับระนาบ[[สุริยวิถี]]) <ref name="factsheet" />
| ดาวบริวารของ = [[ดาวพฤหัสบดี]]
| ใส่ลักษณะเฉพาะทางกายภาพ? (yes/no) = yes
| รัศมีเฉลี่ย = 1569{{val|1560.8|.5}}&nbsp;กม. (0.245 ของรัศมีโลก) <ref name="factsheet" />
| พื้นที่ผิว = {{val|3.09{{e|e=7}}&nbsp;กม.<sup>2</sup> (0.061 ของโลก) <ref name=surfacearea>ใช้ค่ารัศมีเฉลี่ย</ref>
| ปริมาตร = {{val|1.593{{e|e=10}}&nbsp;กม.<sup>3</sup> (0.015 ของโลก) <ref name= surfacearea />
| มวล = 4.80{{eval|4.799844|.000013|e=22}}&nbsp;kgกก. (0.008 ของโลก) <ref name=factsheet />
| ความหนาแน่น = {{val|3.01013|.005}}&nbsp;ก./ซม.<sup>3</sup> <ref name= factsheet />
| ความโน้มถ่วง = {{val|1.314}}&nbsp;mม./sว.<sup>2</sup> (0.134 gก.) <ref name="stub1">คำนวณจากค่าพารามิเตอร์พื้นฐานอื่น</ref>
| อัตราส่วนโมเมนต์ความเฉื่อย = {{val|0.346|0.005}} <ref name="Showman1999">{{cite journal|last1= Showman|first1=A. P.|last2= Malhotra|first2= R.|title=The Galilean Satellites|journal= Science|volume= 286|issue= 5437|date= 1 October 1999|pages =77–84|doi= 10.1126/science.286.5437.77|pmid=10506564}}</ref> (โดยประมาณ)
| ความเร็วหลุดพ้น = 2.025&nbsp;kmกม./sว.<ref name="stub1" />
| rotationคาบการหมุนรอบตัวเอง = [[:en:synchronous rotation|Synchronousคาบหมุนสมวาร]] <ref>See Geissler et al. (1998) in [[Europa (moon) #orbit|orbit]] section for evidence of non-synchronous orbit.</ref>
| ความเอียงของแกน = 0.1° <ref name=Bills2005>{{cite journal|last=Bills|first=Bruce G.|title=Free and forced obliquities of the Galilean satellites of Jupiter|year=2005|volume=175|pages=233–247|doi=10.1016/j.icarus.2004.10.028| url=http://adsabs.harvard.edu/abs/2005Icar..175..233B | journal = Icarus}}</ref>
| อัตราส่วนสะท้อน = 0.67&nbsp;±&nbsp;0.03 <ref name=jplfact>{{cite web|last=Yeomans|first=Donald K.|date=2006-07-13|title=Planetary Satellite Physical Parameters|publisher=JPL Solar System Dynamics|url=http://ssd.jpl.nasa.gov/?sat_phys_par|accessdate=2007-11-05}}</ref>
| ความส่องสว่างปรากฏ = 5.29 ([[Opposition (astronomy and astrology)|opposition]]) <ref name=jplfact/>
| โชติมาตรปรากฏ = 5.29 <ref name=jplfact/> ([[:en:Opposition (astronomy and astrology)|ตำแหน่งตรงข้ามดวงอาทิตย์]])
| ใส่หลายอุณหภูมิ? (yes/no) = yes
| ชื่ออุณหภูมิ1 = พื้นผิว
| อุณหภูมิ1_ต่ำสุด = ~50 [[เคลวิน|K]]<ref name=cyclo>{{cite encyclopedia|title=The Encyclopedia of the Solar System|first1=Lucy-Ann|last1=McFadden|first2=Paul|last2=Weissman|first3=Torrence|last3=Johnson|edition=2|publisher=Elsevier|year=2007|pages=432|isbn=9780080474984}}</ref>
| อุณหภูมิ1_เฉลี่ย = 102&nbsp;K
| อุณหภูมิ1_สูงสุด = 125&nbsp;K <ref name=cyclo>{{cite encyclopedia|title=The Encyclopedia of the Solar System|first1=Lucy-Ann|last1=McFadden|first2=Paul|last2=Weissman|first3=Torrence|last3=Johnson|edition=2|publisher=Elsevier|year=2007|pages=432|isbn=9780080474984}}</ref>
| อุณหภูมิ1_สูงสุด = 125&nbsp;K
| ใส่บรรยากาศ? (yes/no) = yes
| ความดันบรรยากาศที่พื้นผิว = 0.1 µ[[ปาสคาลปาสกาล_(หน่วยวัด)|µPa]] (10<sup>-12</sup> [[บาร์_(หน่วยวัด)|barบาร์]]) <ref name="McGrathChapter">{{cite book |author=McGrath |editor1-last=Pappalardo|editor1-first= Robert T.|editor2-last= McKinnon|editor2-first=William B.|editor3-last=Khurana|editor3-first=Krishan| title=Europa |year=2009 |publisher=University of Arizona Press |isbn=0-816-52844-6 |chapter=Atmosphere of Europa }}</ref>
| องค์ประกอบบรรยากาศ = [[ออกซิเจน]]
}}
'''ยูโรปา''' ({{lang-en|Europa}};, {{langAudio|En-elEuropa.ogg|Ευρώπη/jʊəˈroʊpə/|help=no}}, <small>[[บุพบท]]:</small> Europan) เป็น[[ดาวบริวาร]]ดวงหนึ่งของ[[ดาวพฤหัสบดี]] ค้นพบในปี พ.ศ. 2152 (ค.ศ. 1610) โดย [[กาลิเลโอ กาลิเลอี]] (เชื่อว่าในเวลาเดียวกันนั้น ไซมอน มาริอุส ก็ค้นพบด้วยเช่นเดียวกัน) ชื่อของดาวมาจากนางกษัตริย์ใน[[ตำนานเทพเจ้ากรีก|ตำนานปกรณัมกรีก]]คือ[[ยูโรปา]] ({{lang-grc|Εὐρώπη}}) ผู้ได้แต่งงานกับเทพ[[ซูส]]และได้เป็นราชินีแห่งครีต ยูโรปาเป็นดาวบริวารดวงเล็กที่สุดในบรรดา[[ดวงจันทร์ของกาลิเลโอ‎]]ทั้ง 4 ดวง
 
ยูโรปามีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 30003,000 กิโลเมตร มีบรรยากาศที่เบาบางประกอบไปด้วย[[ออกซิเจน]]เป็นส่วนใหญ่ พื้นผิวที่เป็น[[น้ำแข็ง]]และมีความเรียบมากนี้ประกอบไปด้วยรอยแตกและเส้นริ้วบาง ๆ โดยมีหลุมอุกกาบาตอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น พื้นผิวที่เรียบและดูใหม่นี้เองที่ทำให้เกิดสมมติฐานว่า มีมหาสมุทรอยู่ข้างใต้ซึ่งสามารถเป็นแหล่งที่อยู่ของ[[สิ่งมีชีวิตต่างดาว]]ได้ โดยสมมติฐานนี้เสนอว่าแรงดึงดูดที่มีมากของ[[ดาวพฤหัสบดี]]สร้างความร้อนให้กับยูโรปา
 
ในเดือนธันวาคม .ศ. 20132556 [[นาซา]]ได้รายงานการตรวจพบ[[แร่ธาตุ]]ที่คล้ายกับ[[ดิน]] (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง [[ซิลิเกต|ฟิลโลซิลิเกต]]) ซึ่งปะปนอยู่กับอินทรียวัตถุบนเปลือกน้ำแข็งของยูโรปา นอกจากนี้[[กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล]]ยังตรวจพบพลูมไอน้ำคล้ายกับพลูมที่ตรวจพบใน[[เอนเซลาดัส]] ดาวบริวารของ[[ดาวเสาร์]]
 
ปฏิบัติการของ[[กาลิเลโอ_(ยานอวกาศ)|ยานสำรวจกาลิเลโอ]]ได้ส่งข้อมูลของยูโรปากลับมาเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าปัจจุบันยังไม่มี[[ยานอวกาศ]]ลำใดที่ลงสำรวจในดาวบริวารดวงนี้ แต่ลักษณะพิเศษที่น่าสนใจของยูโรปาก็ทำให้มันเป็นเป้าหมายของปฏิบัติการอันทะเยอทะยานหลายปฏิบัติการ [[ปฏิบัติการสำรวจดวงจันทร์น้ำแข็งดาวพฤหัส]] (JUICE) ของ[[องค์การอวกาศยุโรป]]นั้นมีกำหนดการในปี .ศ. 20222565<ref name="selection">{{cite news|first= Jonathan |last= Amos |url= http://www.bbc.co.uk/news/science-environment-17917102 |title= Esa selects 1bn-euro Juice probe to Jupiter |accessdate = 2 May 2012|date= May 2, 2012|work= [[:en:BBC_News_Online|BBC News Online]]}}</ref> ส่วน[[นาซา]]ก็ได้วางแผนส่งหุ่นยนต์ปฏิบัติการบนยูโรปาราวกลาง[[คริสต์ทศวรรษ]]ที่ 2020<ref name="AP-20140304">{{cite news |last=Borenstein |first=Seth |title=NASA plots daring flight to Jupiter's watery moon |url=http://apnews.excite.com/article/20140304/DACB5P9O0.html |date=March 4, 2014 |work=[[:en:AP_News|AP News]] }}</ref>
 
== การค้นพบและตั้งชื่อ ==
ยูโรปาและดวงบริวารที่ใหญ่ที่สุดของดาวพฤหัสบดีอีกสามดวงได้แก่ [[ไอโอ]] [[แกนีมีด]] และ [[คาลลิสโต]] ถูกค้นพบในวันที่ [[8 มกราคม]] พ.ศ. 2152 (ค.ศ. 1610) โดยกาลิเลโอ กาลิเลอี<ref name=IAUMoonDiscoveries>{{cite web |url=http://planetarynames.wr.usgs.gov/append7.html |title=Planet and Satellite Names and Discoverers |work= |publisher=USGS |accessdate= }}</ref> และไซมอน มาริอุส ยูโรปาถูกตั้งชื่อตามสตรีชนชั้นสูงชาว[[ฟินิเชีย]]ใน[[เทพปกรณัมกรีก]]ชื่อ ยูโรปา ผู้เป็นราชินีของ[[ครีต]]และถูก[[ซูส]]เกี้ยวพาราสี
 
กาลิเลโอค้นพบยูโรปาและดวงจันทร์กาลิเลี่ยนดวงอื่นครั้งแรกโดยใช้[[กล้องโทรทรรศน์หักเหแสง]]กำลังขยาย 20 เท่าที่มหาวิทยาลัย[[ปาโดวา]]ในวันที่ [[7 มกราคม]] อย่างไรก็ตามกาลิเลโอยังไม่สามารถแยกไอโอกับยูโรปาได้เนื่องจากประสิทธิภาพของกล้องต่ำเกินไป ดาวบริวารทั้งสองจึงถูกบันทึกเป็นจุดแสงจุดหนึ่งเท่านั้น ไอโอกับยูโรปาถูกค้นพบว่าเป็นคนละดวงได้ในวันต่อมา<ref name="IAUMoonDiscoveries" />
เส้น 56 ⟶ 57:
ยูโรปาถูกตั้งชื่อตามคนรักของ[[ซูส]]เหมือนกับดวงจันทร์แกลิเลี่ยนดวงอื่น ซึ่งในที่นี้คนรักนั้นคือ ยูโรปา ลูกสาวของกษัตริย์แห่ง[[ไทร์_(ประเทศเลบานอน)|ไทร์]] โดยผู้ที่เสนอหลักการตั้งชื่อนี้คือ ไซมอน มาริอุส ที่เชื่อว่าน่าจะค้นพบดาวบริวารกาลิเลี่ยนทั้งสี่ด้วยเช่นกัน (แม้ว่ากาลิเลโอจะกล่าวหาว่าไซมอนเลียนแบบเขา) มาริอุสได้เสนอหลักการตั้งชื่อนี้ให้กับ [[โยฮันเนส เคปเลอร์]]<ref name="SEDS">{{cite web |url=http://web.archive.org/web/20060821060833/http://seds.lpl.arizona.edu/messier/xtra/Bios/marius.html |title=Simon Marius (January 20, 1573 – December 26, 1624) |accessdate=9 August 2007 |publisher=[[:en:University_of_Arizona|University of Arizona]] |work=Students for the Exploration and Development of Space }}</ref><ref name="Marius1614">[[:en:Simon_Marius|Marius, S.]] (1614). ''[[:en:Mundus_Iovialis|Mundus Iovialis]] anno M.DC.IX Detectus Ope Perspicilli Belgici.''; [http://galileo.rice.edu/sci/marius.html Simon Marius], where he [http://galileo.rice.edu/sci/observations/jupiter_satellites.html attributes the suggestion] to [[Johannes Kepler]]</ref>
 
ในบทเรียน[[ดาราศาสตร์]]ยุคแรกๆแรก ๆ ยูโรปาถูกเรียกว่าดาวบริวารดวงที่สองของดาวพฤหัสบดี หรือ Jupiter II ({{lang-la|Iuppiter II}}, ''ยูปิเตอร์ เซกูนโด'') ส่วนชื่อยูโรปาไม่ได้ถูกพูดถึงโดยทั่วไปจนกระทั่งกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20<ref name="marazzini">{{cite journal |last=Marazzini |first=Claudio |year=2005 |title=I nomi dei satelliti di Giove: da Galileo a Simon Marius (The names of the satellites of Jupiter: from Galileo to Simon Marius) |journal=Lettere Italiane |volume=57 |issue=3 |pages=391–407 }}</ref>
 
== การโคจรและการหมุนรอบตัวเอง ==
เส้น 62 ⟶ 63:
ยูโรปา[[วงโคจร|โคจร]]รอบดาวพฤหัสบดีโดยใช้เวลาเพียงสามวันครึ่งด้วยรัศมีวงโคจรประมาณ 670,000 [[กิโลเมตร]] และมี[[ความเยื้องศูนย์กลางของวงโคจร]] เพียง 0.009 วงโคจรจึงมีลักษณะค่อนข้างกลม โดยมี[[ความเอียงของวงโคจร]]อ้างอิงจากระนาบ[[เส้นศูนย์สูตรฟ้า]]เล็กน้อย คือประมาณ 0.470 องศาเท่านั้น<ref name="datasheet">{{cite web|url=http://www2.jpl.nasa.gov/galileo/europa/#overview|archive-url=https://web.archive.org/web/19970105180851/http://www.jpl.nasa.gov/galileo/europa/|archive-date=5 January 1997|title=Europa, a Continuing Story of Discovery|accessdate=9 August 2007|work=Project Galileo|publisher=NASA, [[Jet Propulsion Laboratory]]}}</ref> ยูโรปาการหมุนรอบตัวเองแบบสมวาร คือมีคาบการหมุนรอบตัวเองเท่ากับคาบการโคจรรอบดาวพฤหัสบดีเหมือนดาวบริวารกาลิเลียนดวงอื่นๆ ดวงจันทร์ยูโรปาจึงหันหน้าเข้าหาดาวพฤหัสบดีเพียงด้านเดียวเสมอ ทำให้มีจุดๆหนึ่งบนดวงจันทร์ยูโรปาที่สามารถมองเห็นดาวพฤหัสบดี ณ [[จุดจอมฟ้า]]พอดี [[เส้นเมริเดียน]]ที่ลากผ่านจุดๆนี้ถูกกำหนดให้เป็นเส้นเมริเดียนปฐมของดวงจันทร์ยูโรปา อย่างไรก็ตามผลการค้นคว้าได้ระบุว่าการหมุนของดวงจันทร์ยูโรปาอาจไม่ใช่การหมุนสมวาร เพราะดวงจันทร์ยูโรปาหมุนรอบตัวเองเร็วกว่าโคจรรอบดาวพฤหัสบดี ทำให้เกิดการกระจายที่ไม่สมดุลของมวลภายในดวงจันทร์ยูโรปา และการมีน้ำในรูปของเหลวอยู่ระหว่างเปลือกน้ำแข็งและแกนหินข้างใน<ref name=Geissler>{{cite journal |author1=Geissler P. E. |author2=Greenberg, R. |author3=Hoppa, G. |author4=Helfenstein, P. |author5=McEwen, A. |author6=Pappalardo, R. |author7=Tufts, R. |author8=Ockert-Bell M. |author9=Sullivan, R.<!-- Greeley, R.; Belton, M. J. S.; Denk, T.; Clark, B. E.; Burns, J.; Veverka, J.--> |display-authors=2 |year=1998 |title=Evidence for non-synchronous rotation of Europa |journal=[[:en:Nature_(magazine)|Nature]] |volume=391 |pages=368–70 |bibcode=1998Natur.391..368G |doi=10.1038/34869 |pmid=9450751 |issue=6665}}</ref>
 
วงโคจรที่เบี้ยวไปเล็กน้อยของดวงจันทร์ยูโรปา เกิดจากการรบกวนทางแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์กาลิเลียนดวงอื่น ทำให้จุดที่มองเห็นดาวพฤหัสบดี ณ จุดจอมฟ้าของยูโรปาแกว่งไปเล็กน้อย เมื่อดวงจันทร์ยูโรปาเข้าใกล้ดาวพฤหัสบดี แรงดึงดูดของดาวพฤหัสบดีจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ยูโรปาขยายตัวในทิศทางเข้าหาและออกจากดาวพฤหัสบดี เมื่อยูโรปาเคลื่อนห่างจากดาวพฤหัสบดี แรงดึงดูดของดาวพฤหัสบดีจะลดลง ทำให้ยูโรปากลับมาอยู่ในสภาพที่เป็นทรงกลมกว่า นอกจากนี้ดวงจันทร์ไอโอที่ส่งอิทธิพลกับความเยื้องศูนย์กลางของวงโคจรของยูโรปาอยู่ตลอดเวลา<ref name="Showman1997">{{cite journal|doi=10.1006/icar.1996.5669|last1=Showman|first1=Adam P.|last2=Malhotra|first2=Renu|title=Tidal Evolution into the Laplace Resonance and the Resurfacing of Ganymede|journal=Icarus|volume=127|year=1997|issue=1|pages=93–111|
url=http://www.lpl.arizona.edu/~showman/publications/showman-malhotra-1997.pdf | format=PDF | bibcode=1997Icar..127...93S}}</ref>ก็ทำให้เกิด[[แรงไทดัล]]ขึ้น ทั้งสองปรากฏการณ์นี้ทำให้ภายในยูโรปาเปลี่ยนแปลงและเกิดความร้อน และอาจส่งผลให้มีมหาสมุทรอยู่ในรูปของเหลวได้<ref name="Showman1997" /><ref name="geology">{{cite web | url=http://geology.asu.edu/~glg_intro/planetary/p8.htm | title=Tidal Heating | work=geology.asu.edu | archiveurl=http://web.archive.org/web/20060329000051/http://geology.asu.edu/~glg_intro/planetary/p8.htm | archivedate=2006-03-29 | deadurl=no }}</ref>
 
นักวิทยาศาสตร์ได้วิเคราะห์รอยแตกบนพื้นผิวน้ำแข็ง อันเป็นเอกลักษณ์ของยูโรปาว่าเกิดจากการที่ดวงจันทร์ดวงนี้เคยหมุนรอบตัวเองตามแกนที่เอียงมาก่อน หากสมมติฐานนี้เป็นจริง แกนที่เคยเอียงนี้จะสามารถอธิบายลักษณะพิเศษต่างๆต่าง ๆ บนดวงจันทร์ดวงนี้ได้หลายอย่าง เช่น ร่างแหของรอยร้าวขนาดมหึมาบนยูโรปาเป็นร่องรอยของ[[ความเค้น]]ของพื้นผิวที่เกิดจากคลื่นขนาดยักษ์ของมหาสมุทรภายในดวงจันทร์ เนื่องจากการเอียงของยูโรปาส่งอิทธิพลต่อการคำนวณและวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ในพื้นผิวน้ำแข็ง, ปริมาณความร้อนที่มหาสมุทรภายในสร้างขึ้น หรือแม้กระทั่งระยะเวลาที่มหาสมุทรเป็นของเหลว พื้นผิวของดวงจันทร์จำเป็นต้องยืดออกเพื่อทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ และการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวนี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยแตกนั่นเอง<ref>{{cite web|last=Cook|first=Jia-Rui C.|date=September 18, 2013|url=http://www.jpl.nasa.gov/news/news.php?release=2013-283|title=Long-stressed Europa Likely Off-kilter at One Time|website=jpl.nasa.gov}}</ref>
 
== ลักษณะทางกายภาพ ==
[[ไฟล์:Europa Earth Moon Comparison.png|thumb|260px|right|เมื่อเปรียบเทียบยูโรปา (''ซ้ายล่าง'') กับดวงจันทร์ (''ซ้ายบน'') และโลก (''ขวา'') ตามมาตราส่วนโดยประมาณ]]
ยูโรปามีขนาดเล็กกว่า[[ดวงจันทร์]]ของ[[โลก]]เล็กน้อย คือมี[[เส้นผ่านศูนย์กลาง]]ประมาณ 3,100 กิโลเมตร (1,900 ไมล์) มันเป็นดาวบริวารที่ใหญ่เป็นอันดับที่หกและวัตถุที่ใหญ่เป็นอันดับที่สิบห้าของ[[ระบบสุริยะ]] แม้ว่ายูโรปาจะมีมวลน้อยที่สุดในบรรดาดาวบริวารดวงจันทร์กาลิเลี่ยนของดาวพฤหัส แต่ก็มีมวลมากกว่าดาวบริวารอื่นๆอื่น ๆ ในระบบสุริยะที่เล็กกว่ามันรวมกัน<ref name="Masses">มวลของยูโรปา: 48{{e|21}} กก. มวลของ[[ไทรทัน]]รวมกับดวงจันทร์ที่เล็กกว่า: 39.5{{e|21}} กก.)</ref> ความหนาแน่นของยูโรปาบ่งบอกถึงองค์ประกอบพื้นฐานที่เป็นหิน[[ซิลิเกต]] คล้ายกันกับองค์ประกอบพื้นฐานของ[[ดาวเคราะห์คล้ายโลก|ดาวเคราะห์ชั้นใน]]
 
=== โครงสร้างภายใน ===
เส้น 75 ⟶ 76:
 
=== ลักษณะพื้นผิว ===
[[ไฟล์:PIA01295 Europa Global Views in Natural and Enhanced Colors.jpg|thumb|260px|right|สีตามธรรมชาติโดยประมาณ (ซ้าย) และสีที่ได้รับการปรับแต่งแล้ว (ขวา) ภาพซีกด้านนำทิศทางโคจร]]
ยูโรปาเป็นหนึ่งในวัตถุที่เรียบที่สุดในระบบสุริยะ เนื่องจากมีลักษณะทางกายภาพขนาดใหญ่เช่นภูเขาหรืออุกกาบาตอยู่ไม่มาก<ref name="waterworld">{{cite web |url=http://teachspacescience.org/cgi-bin/search.plex?catid=10000304&mode=full |title=Europa: Another Water World? |year=2001 |accessdate=9 August 2007 |publisher=[[NASA]], Jet Propulsion Laboratory |work=Project Galileo: Moons and Rings of Jupiter }}</ref> อย่างไรก็ตาม มีทฤษฎีกล่าวว่าบริเวณ[[เส้นศูนย์สูตร]]ของยูโรปานั้นถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งที่มีลักษณะแหลมเรียกว่า เพนิเทนเทส (Penitentes) สูงราว 10 เมตร ซึ่งเกิดจากการที่บริเวณดังกล่าวมีดวงอาทิตย์อยู่ในทิศเหนือศีรษะโดยตรง น้ำแข็งจึงละลายในแนวดิ่ง<ref>[http://www.bbc.co.uk/news/science-environment-21341176 Ice blades threaten Europa landing]</ref> ร่างแหของเส้นที่ตัดกันเป็นเอกลักษณ์ของพื้นผิวของยูโรปาส่วนใหญ่จะเป็น[[ลักษณะแอลบีโด]] (albedo features) ที่ชี้ให้เห็นถึงภูมิประเทศที่ต่ำ ยูโรปามีหลุมอุกกาบาตอยู่ไม่มากเพราะพื้นผิวของมันค่อนข้างแข็งแรงและยังใหม่อยู่<ref name="Arnett1996">{{cite web|last=Arnett|first=Bill|date=November 7, 1996|url=http://www.astro.auth.gr/ANTIKATOPTRISMOI/nineplanets/nineplanets/europa.html|title=Europa|website=astro.auth.gr}}</ref><ref name="EuropaAlbedo">{{cite web |url=http://www.solarviews.com/eng/europa.htm |last=Hamilton|first=Calvin J. |title=Jupiter's Moon Europa|work=solarviews.com }}</ref> เปลือกน้ำแข็งของยูโรปาทำให้อัตราส่วนสะท้อนของมันอยู่ที่ 0.64 ทำให้มันเป็นหนึ่งในดาวบริวารที่มีอัตราการสะท้อนแสงมากที่สุดในบรรดาดาวบริวารทั้งหมด<ref name="datasheet" /><ref name="EuropaAlbedo" /> ซึ่งน่าจะชี้ให้เห็นได้ถึงพื้นผิวที่ใหม่และมีพลัง โดยพื้นผิวดวงจันทร์ยูโรปามีอายุประมาณ 20 ถึง 180 ล้านปีเมื่อคำนวณจากความถี่ของการถูกดาวหางพุ่งชน<ref name="Schenk">{{cite book|last1=Schenk|first1=Paul M.|last2=Chapman|first2=Clark R.|last3=Zahnle|first3=Kevin|last4=Moore|first4=Jeffrey M.|display-authors=2|date=2004|url=http://books.google.com/books?id=8GcGRXlmxWsC&pg=PA427|title=Chapter 18: Ages and Interiors: the Cratering Record of the Galilean Satellites|pages=427 ff.|work=Jupiter: The Planet, Satellites and Magnetosphere|publisher=Cambridge University Press|isbn=0-521-81808-7}}</ref> อย่างไรก็ตาม
ขณะนี้ยังไม่มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถอธิบายถึงลักษณะพื้นผิวของดวงจันทร์ยูโรปาทั้งหมดได้โดยสมบูรณ์<ref name="Astrobio2007">{{cite web |url=http://www.astrobio.net/exclusive/603/high-tide-on-europa |title=High Tide on Europa |year=2007 |accessdate=20 October 2007 |publisher=astrobio.net |work=Astrobiology Magazine }}</ref>
 
ระดับการแผ่รังสีบนพื้นผิวของยูโรปามีค่าเทียบเท่ากับการได้รับปริมาณรังสี 54005,400 [[ซีเวอร์ต|มิลลิซีเวอร์ต]] (540 [[เรม]]) ต่อวัน<ref name="ringwald">{{cite web |date=29 February 2000 |title=SPS 1020 (Introduction to Space Sciences) |publisher=California State University, Fresno |first=Frederick A. |last=Ringwald |url=http://zimmer.csufresno.edu/~fringwal/w08a.jup.txt |accessdate=4 July 2009}} [http://www.webcitation.org/5jwBSgPuV (WebcitedArchived] fromSeptember 20 September, 2009) at the [[:en:WebCite|WebCite]]</ref> ซึ่งเป็นปริมาณที่สามารถทำให้มนุษย์เกิดอาการเจ็บป่วยร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ภายในหนึ่งวัน<ref name="remeffects">[http://archive.org/details/TheEffectsOfNuclearWeapons ''The Effects of Nuclear Weapons''], Revised ed., US DOD 1962, pp. 592–593</ref>
 
=== [[ลิเนีย|เส้นบนพื้นผิวดาว]] ===
[[ไฟล์:europa g1 true.jpg|left|thumb|ลิเนียบนดวงจันทร์ยูโรปาโดยยานอวกาศกาลิเลโอ]]
[[ไฟล์:PIA01092 - Evidence of Internal Activity on Europa.jpg|thumb|260px|ภาพโมเสกจากยานอวกาศกาลิเลโอแสดงให้เห็นถึงลักษณะของลิเนีย, เนิน, หลุมบ่อ และภูมิประเทศที่ยุ่งเหยิงชื่อ โคนามารา เคออส (Conamara Chaos)]]
ลักษณะทางพื้นผิวที่โดดเด่นที่สุดบนยูโรปาคือ ''ลิเนีย'' (lineae) หรือ ลายเส้นยาวจำนวนมากที่ครอบคลุมไปทั่วดาว จากการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดพบว่าขอบของรอยแตกมีการเคลื่อนที่อย่างสัมพันธ์กัน แถบเส้นที่มีขนาดใหญ่ที่มีระยะทางมากกว่า 20 กิโลเมตร (12 ไมล์) มักจะเกิดริ้วลายที่มืดขนานกันไป<ref name="Geissler1998">{{cite journal|title=Evolution of Lineaments on Europa: Clues from Galileo Multispectral Imaging Observations|first1=Paul E.|last1=Geissler|first2=Richard J.|last2=Greenberg|first3=Gregory V.|last3=Hoppa||display-authors=2|journal=Icarus|volume=135|issue=1|date=September 1998|pages=107-126|publisher=Academic Press|doi=10.1006/icar.1998.5980|url=https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0019103598959802?via%3Dihub}}</ref> สมมติฐานที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดกล่าวว่าลิเนียบนยูโรปา อาจเกิดจากการปะทุอย่างต่อเนื่องของน้ำแข็งที่อุ่นกว่าภายใต้พื้นผิวดวงจันทร์<ref>{{cite journal|last1=Figueredo|first1=Patricio H.|last2=Greeley|first2=Ronald|date=February 2004|title=Resurfacing history of Europa from pole-to-pole geological mapping|journal=Icarus|volume=167|issue=2|page=287|doi= 10.1016/j.icarus.2003.09.016}}</ref> คล้ายกันกับการเกิดของ[[เทือกเขากลางสมุทร|เทือกเขาสมุทร]]บนโลก รอยแตกหักแบบต่าง ๆ เหล่านี้มีสาเหตุมาจากการปะทุขึ้นโดยการแปรผันของ[[แรงน้ำขึ้นลง|แรงไทดัล]]ซึ่งกระทำโดยดาวพฤหัส เนื่องจากยูโรปาถูกตรึงไว้ด้วยปรากฎการณ์ไทดัลล็อคกับดาวพฤหัสบดีอย่างเป็นระเบียบ และดังนั้นจึงรักษาทิศทางในการหันด้านหนึ่งเข้าหาดาวพฤหัสบดีอยู่เสมอ รูปแบบความเครียดจึงควรมีรูปแบบที่ชัดเจนและคาดการณ์ได้ อย่างไรก็ตามมีเพียงรอยแตกที่อายุน้อยที่สุดของยูโรปาที่สอดคล้องกับรูปแบบที่คาดการณ์ไว้ รอยแตกอื่น ๆ ดูเหมือนจะเกิดขึ้นในทิศทางที่ต่างกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุที่มากขึ้น สิ่งนี้สามารถอธิบายได้ว่าพื้นผิวของยูโรปา หมุนเร็วกว่าภายในเล็กน้อย เหตุที่เป็นไปได้คือเนื่องจากมหาสมุทรใต้พื้นผิว โดยกลไกที่แยกตัวออกจากชั้นพื้นผิวของยูโรปา จากชั้น[[เนื้อโลก|แมนเทิล]]ที่เป็นหิน และผลกระทบของแรงโน้มถ่วงของดาวพฤหัสบดีบนเปลือกน้ำแข็งชั้นนอกของยูโรปา<ref name="Hurford2006">{{Cite journal | last1 = Hurford | first1 = T. A. | last2 = Sarid | first2 = A. R. | last3 = Greenberg | first3 = R. | title = Cycloidal cracks on Europa: Improved modeling and non-synchronous rotation implications | doi = 10.1016/j.icarus.2006.08.026 | journal = Icarus | volume = 186 | issue = 1 | page = 218 | year = 2007 | pmid = | pmc = |bibcode = 2007Icar..186..218H }}</ref> การเปรียบเทียบภาพถ่ายยานอวกาศ[[โครงการวอยเอจเจอร์|วอยเอจเจอร์]] และกาลิเลโอ นั้นให้ความเป็นไปได้มากที่สุดในสมมติฐานของการเลื่อนไถลของชั้นผิวดาวนี้ การเปลี่ยนแปลงเต็มรูปแบบของเปลือกนอกแข็งที่สัมพันธ์กับภายในของยูโรปา ใช้เวลาอย่างน้อย 12,000 ปี<ref name="Kattenhorn1">{{cite journal |last=Kattenhorn |first=Simon A. |title=Nonsynchronous Rotation Evidence and Fracture History in the Bright Plains Region, Europa |journal=Icarus |volume=157 |issue=2 |pages=490–506 |date=2002 |doi=10.1006/icar.2002.6825 |bibcode=2002Icar..157..490K }}</ref> การศึกษาภาพของวอยเอจเจอร์ และกาลิเลโอ ได้เปิดเผยหลักฐานการมุดตัวของพื้นผิวของยูโรปา ซึ่งบอกว่ารอยแตกมีความคล้ายคลึงกับแนวสันเขาในมหาสมุทร<ref name="Schenk1989">{{cite journal | title=Fault Offsets and Lateral plate motions on Europa: Evidence for a mobile ice shell | last=Schenk | first=Paul |author2=McKinnon, William B. | journal=Icarus | volume=79 | issue=1 | pages=75–100 | date=1989 | doi=10.1016/0019-1035(89)90109-7 |bibcode=1989Icar...79...75S }}</ref><ref name="Katternhorn2">{{cite journal | title=Evidence for subduction in the ice shell of Europa | last=Kattenhorn | first=Simon |author2=Prockter, Louise | journal=Nature Geoscience | volume=7 | issue=9 | page=762 | date=2014 | doi=10.1038/ngeo2245 |bibcode = 2014NatGe...7..762K }}</ref> ดังนั้นแผ่นเปลือกน้ำแข็งจึงมีความคล้ายคลึงกับแผ่นเปลือก[[ธรณีภาค]]บนโลก ซึ่งจะม้วนตัวกลับลงไปในชั้นหินหลอมเหลวภายใน ขณะเดียวกันหลักฐานการแพร่กระจายของเปลือกที่แถบ<ref name="Schenk1989"/> และการบรรจบกันที่พื้นที่อื่น<ref name="Katternhorn2" /> นับเป็นหลักฐานแรกของ[[การแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค]] ในดาวดวงอื่นที่ไม่ใช่โลก<ref>{{cite web|last1=Dyches|first1=Preston|last2=Brown|first2=Dwayne|last3=Buckley|first3=Michael|date=8 September 2014|title=Scientists Find Evidence of 'Diving' Tectonic Plates on Europa|publisher=Caltech/JPL, NASA|access-date=15 November 2019|url=https://www.jpl.nasa.gov/news/news.php?release=2014-300}}</ref>
 
</ref> คล้ายกันกับการเกิดของ[[เทือกเขากลางสมุทร|เทือกเขาสมุทร]]บนโลก จุดพื้นที่สีคล้ำราบเรียบอาจเกิดขึ้นได้เมื่อน้ำที่เป็นของเหลว ถูกปลดปล่อยทะลุผ่านพื้นผิวเมื่อน้ำแข็งมีอุณหภูมิสูงขึ้นและแตกออก พื้นที่ลักษณะขรุขระยุ่งเหยิงปะทุนูนขึ้น (เรียกว่าพื้นที่ของ "ความโกลาหล"; โคโนมารา เคออส) จะถูกสร้างขึ้นจากแผ่นเปลือกที่เป็นเศษเล็กเศษน้อยที่มีสีเข้มหลายชิ้นก่อตัวเรียงเป็นชั้น ๆ จะปรากฏเหมือนภูเขาน้ำแข็งในทะเลเยือกแข็ง<ref name="Goodman">{{cite journal|doi=10.1029/2003JE002073|title=Hydrothermal plume dynamics on Europa: Implications for chaos formation|journal=Journal of Geophysical Research|volume=109|issue=E3|pages=E03008|year=2004|last1=Goodman|first1=Jason C.|url=http://www-paoc.mit.edu/paoc/papers/europa_plume.pdf|bibcode=2004JGRE..109.3008G|archiveurl=https://web.archive.org/web/20120308061644/http://www-paoc.mit.edu/paoc/papers/europa_plume.pdf|archivedate=8 March 2012}}
=== คุณสมบัติทางธรณีวิทยาอื่น ๆ ===
</ref>
</ref> คล้ายกันกับการเกิดของ[[เทือกเขากลางสมุทร|เทือกเขาสมุทร]]บนโลก จุดพื้นที่สีคล้ำราบเรียบอาจเกิดขึ้นได้เมื่อน้ำที่เป็นของเหลว ถูกปลดปล่อยทะลุผ่านพื้นผิวเมื่อน้ำแข็งมีอุณหภูมิสูงขึ้นและแตกออก พื้นที่ลักษณะขรุขระยุ่งเหยิงปะทุนูนขึ้น (เรียกว่าพื้นที่ของ "ความโกลาหล"; โคโนมารา เคออส, Conamara Chaos) จะถูกสร้างขึ้นจากแผ่นเปลือกที่เป็นเศษเล็กเศษน้อยที่มีสีเข้มหลายชิ้นก่อตัวเรียงเป็นชั้น ๆ จะปรากฏปรากฎเหมือน[[ภูเขาน้ำแข็ง]]ในทะเลเยือกแข็ง<ref name="Goodman">{{cite journal|doi=10.1029/2003JE002073|title=Hydrothermal plume dynamics on Europa: Implications for chaos formation|journal=Journal of Geophysical Research|volume=109|issue=E3|pages=E03008|year=2004|last1=Goodman|first1=Jason C.|url=http://www-paoc.mit.edu/paoc/papers/europa_plume.pdf|bibcode=2004JGRE..109.3008G|archiveurl=https://web.archive.org/web/20120308061644/http://www-paoc.mit.edu/paoc/papers/europa_plume.pdf|archivedate=8 March 2012}}</ref>
 
สมมติฐานอีกทางหนึ่งชี้ให้เห็นว่า รอยนูน (lenticulae) แท้จริงแล้วเป็นพื้นที่เล็ก ๆ ของความโกลาหล และที่อ้างว่าเป็นหลุม จุดและโดม เป็นการสังเคราะห์ข้อสรุปที่เกิดจากการตีความภาพที่มีความละเอียดต่ำจากยานกาลิเลโอในระยะแรกมากจนเกินไป ความหมายก็คือน้ำแข็งนั้นบางเกินไปที่จะรองรับแบบจำลองการก่อตัวของรอยนูนของชั้นเปลือก ซึ่งเกิดจากการไหลเวียนของ[[หินหนืด]]
 
== ดูเพิ่ม ==
เส้น 95 ⟶ 99:
 
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
{{วิกิซอร์ซภาษาอื่น|la|Sidereus_nuncius|Sidereus nuncius<br/>(จุลสาร Sidereal Messenger<br/>โดย กาลิเลโอ กาลิเลอี)}}
{{คอมมอนส์}}
*{{คอมมอนส์-บรรทัด|Europa_(moon)|ยูโรปา}}
* [http://www.jpl.nasa.gov/galileo/europa/ Europa, a Continuing Story of Discovery at NASA/JPL]
* [http://solarsystem.nasa.gov/planets/profile.cfm?Object=Jup_Europa Europa Profile] ข้อมูลจากโครงการสำรวจระบบสุริยะของ[[องค์การนาซา]]