ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรพรรดินีวั่นหรง"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
CommonsDelinker (คุย | ส่วนร่วม)
แทนที่ภาพ Flag_of_the_Qing_Dynasty_(1889-1912).svg ด้วย Flag_of_China_(1889–1912).svg จากวิกิพีเดียคอมมอนส์
Darksteam (คุย | ส่วนร่วม)
แก้ไขการเขียนคำทับศัพท์ให้มีการผันเสียงภาษาจีนที่ถูกต้อง
บรรทัด 22:
}}
 
'''สมเด็จพระจักรพรรดินีเสี้ยวเค่อหมิ่น''' ({{zh-all|c=孝恪愍|p=xiàokèmǐn}}) หรือ '''สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหรงนีหว่านหรง'''หรือชื่อเล่น ๆ ว่า '''วั่นจิงว่านจิง''' ({{zh-all|c=婉容|p=wǎnróng|w=wan-jung}}) หรือพระนามแรกประสูติว่า '''โกวปู้โลว วั่นหรงหว่านหรง''' ({{zh-all|c=郭布羅·婉容|p=guōbùluō·wǎnróng}}) (13 พฤศจิกายน 2449 - 20 มิถุนายน 2489) เป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีพระองค์สุดท้ายของประเทศจีนด้วยเหตุที่เป็นสมเด็จพระมเหสีใน[[ผู่อี๋|ผู่อี๋ฮ่องเต้]] สมเด็จพระจักรพรรดินีพระองค์สุดท้ายของจีน จักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงทรงสืบเชื้อสายจากวงศ์สกุล[[ด๋าหว่อ]] ([[Daur People]]) จาก[[มองโกเลีย]]ลึกตั้งแต่ครั้งโบราณกาล สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงนั้นต่อมาได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่ง[[แมนจูกัว]] (หรือเป็นที่รู้จักกันในนามของ "จักรวรรดิแมนจูกัว")
[[ไฟล์:Empress Gobele Wan-Rong (01).JPG|200px|thumbnail|left|สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงกับฉลองพระองค์สมเด็จพระจักรพรรดินีแบบแมนจู]]
 
== พระราชประวัติ ==
'''โกวปู้โลว วั่นหรงหว่านหรง''' (มีความหมายว่า ผู้มีใบหน้าอันเลอโฉม) เป็นธิดาองค์โตของ [[หร่ง หยวน]] รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายใน ในสมัย[[ราชวงศ์ชิง]] และเป็นบุคคลผู้ที่มีบทบาทอย่างมากในสมัย[[แมนจูกัว]]อีกด้วย วั่นหหว่านหรงจึงมาจากตระกูลที่ร่ำรวยและโดดเด่นที่สุดครั้งหนึ่งในสมัยราชวงศ์ต้าชิง สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงเกิดในบ้านของพระบิดา [[หร่ง หยวน]] ณ บ้านเลขที่ 37 ถนนเม่าเอ๋อ หูท่ง ซอยทิศใต้หลัวกู่ เขตตงเฉง เมือง[[ปักกิ่ง]] (No. 37, Maoer hutong, South Luogu Lane, Dongcheng District, Beijing) เนื่องจากพระบิดาเป็นผู้มีความคิดสมัยใหม่ที่จะให้เหล่าธิดาได้มีการศึกษา วั่นหหว่านหรงจึงได้รับการศึกษาจากโรงเรียนมิชชั่นนารีของ[[อเมริกัน]]ในเมือง[[เทียนสิน]]และระหว่างช่วงเวลาใน[[พระราชวังต้องห้าม]] โดยผู้สอนส่วนตัวชาวอเมริกันชื่อ [[อิซาเบล อินแกรม]] (Isabel Ingram) ผู้ซึ่งได้ให้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษของวั่นหยงว่า อลิซาเบธ<ref>Gunther, John, Inside Asia. pp.146</ref>
 
== อภิเษกสมรส ==
เมื่ออายุ[[สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋]]มีพระชนมายุครบ 16 ปี วั่นหหว่านหรงได้ถูกเลือกจากพระสนมผู้ใหญ่ในวังโดยมีการคัดเลือกหญิงสาวจากตระกูลมั่งคั่งหลาย ๆ คนเป็นรูปภาพ ส่งไปให้[[ผู่อี๋|พระจักรพรรดิซวนถง (ผู่อี๋)]]ซึ่งเป็นจักรพรรดิที่ไม่มีอำนาจแต่ยังได้สิทธิ์ในการดำรงพระอิสริยศและพำนักอยู่ใน[[พระราชวังต้องห้าม]] สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ทรงไม่รู้ว่าพระองค์จะเลือกใครดีกว่ากัน เพราะว่าพระองค์ไม่สามารถแยกหน้าตาของหญิงสาวในรูปภาพที่มีคุณภาพต่ำออกได้ พระองค์จึงทรงเลือก[[เหวินซิ่ว]] แต่พระสนมเก่าในวังกลับไม่พอใจในการตัดสินใจครั้งนี้ของสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ พระสนมเก่าจึงจัดการประชุมขึ้นในวังและสุดท้าย[[สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋]]จึงต้องทรงยอมเลือกวั่นหรงหว่านหรง เพราะว่าหน้าตาของวั่นหหว่านหรงนั้นดีกว่าและวั่นหหว่านหรงก็เกิดมาจากตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยเงินทองมากกว่า นางจึงเหมาะสมกับตำแหน่งจักรพรรดินีมากกว่า[[เหวินซิ่ว]] พระนางเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับ[[ผู่อี๋]]โดยมีพระชนมายุ 16 พรรษาเท่ากัน โดยมี[[เหวินซิ่ว]]ซึ่งมาอยู่ในพระราชวังต้องห้ามก่อนวั่นหหว่านหรงได้ทำการต้อนรับวั่นหหว่านหรงกับการอภิเษกครั้งนี้การอภิเษกสมรสถูกจัดขึ้นในเวลาตีสามของวันที่ 30 พฤศจิกายน [[พ.ศ. 2465]] ในการแต่งงานนั้นไม่ได้ราบรื่นนัก เมื่อสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋แสดงออกในความสนใจในตัวสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงในคืนสมรสอย่างน้อยนิด มีบันทึกว่าผู่อี๋ได้กลับไปบรรทม โดยไม่ได้มีอะไรกันกับวั่นหรงเลยหว่านหรงเลย ในพิธีแต่งงานมีของขวัญราคาแพงจำนวนมากที่มอบให้แก่เจ้าสาวและครอบครัวของสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหรงนีหว่านหรง ถึงแม้ผู่อี๋จะไม่เคยแสดงความสนใจทั้งตัวของสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงเองและสนม[[เหวินซิ่ว]] เลยก็ตาม
[[ไฟล์:Empress Gobele Wan-Rong (06).JPG|200px|thumbnail|รูปของวั่นหหว่านหรงที่ถูกส่งไปให้สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋คัดเลือกในอัลบั้มหญิงสาว]]
[[ไฟล์:皇后婉容在津与满清贵妇合影.jpg|thumb|200px|left|สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหรงนีหว่านหรง (นั่งกลางภาพ) และพระสหายของพระนาง]]
 
== สมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งจีน ==
ทั้งสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋และสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงต่างก็ไม่มีทายาทเลย นักประวัติศาสตร์บางท่านยังได้กล่าวไว้อีกว่าทั้งคู่ไม่เคยมีความสัมพันธ์กันทางเพศเลยตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน บ้างก็ว่าเกิดจากการที่สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋เป็นหมัน บ้างก็ว่า สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ทรงชอบการมีเพศสัมพันธุ์กับเหล่ามหาดเล็ก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการยากยิ่งที่จะอภิปรายกันไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม
 
สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงเริ่มต้นติดฝิ่นตั้งแต่ในขณะที่พระองค์ยังเป็นวัยรุ่น ตามจากบันทึกของสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ ซึ่งแฟชั่นของวัยรุ่นในสมัยนั้นคือการสูบ[[ซิการ์]] และการสูบ[[ฝิ่น]]วันละนิดหน่อยทำให้ลืมความเจ็บปวดไปได้
 
== ชีวิตในพระราชวังต้องห้าม ==
ชีวิตพระนางใน[[พระราชวังต้องห้าม]] มักจะเป็นพระราชกิจวัตรเกี่ยวกับพิธีกรรมและพระราชพิธีอยู่บ่อย ๆ สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงทรงอยู่ดึกติวหนังสือกับอาจาร์ยต่างชาติ อิซาเบล อินแกรม เป็นเวลาถึงตีสองทุก ๆ วัน จักรพรรดิผู่อี๋มักจะขัดจังหวะการเรียนของวั่นหหว่านหรงด้วยการเดินเข้าไปดูว่าสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงกำลังทำอะไรอยู่ ทรงเล่นมุข และ[[โทรศัพท์]]หาวั่นหหว่านหรงอยู่บ่อย ๆ ถึงแม้ว่าสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงจะทรงถูกขัดจังหวะบ้าง แต่พระนางก็ยังคงเป็นนักเรียนเรียนดีและบ่อยครั้งที่จะทำให้อาจาร์ยของพระนางประทับใจในความฉลาดของพระนาง
 
เพื่อน ๆ และครอบครัวของพระนางมักมาเยี่ยมเยีอนวั่นหเยีอนหว่านหรงอยู่บ่อย ๆ เช่นเดียวกันกับการที่สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงทรงใช้เวลากับสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงทรงชอบการอ่านนิยายโรแมนติกและนิยายลึกลับ เล่นเปียโน อ่านเขียนในภาษาอังกฤษ ทรงโปรดสัตว์เลี้ยงสุนัข ทรงโปรดการถอดคำประพันธ์จากยุคราชวงศ์ถังด้วยตัวพระนางเอง และทรงโปรดการฉายพระบรมฉายาลักษณ์ในพระอริยาบถทั้งในแบบสมัยใหม่และแบบเป็นทางการแบบจีนเป็นอย่างมาก
[[ไฟล์:TaitaiWanRongJohnston.jpg|200px|thumbnail|right|วั่นหรงหว่านหรง (นั่ง) เรจินอล จอนห์สตัน (ซ้าย) และอิซาเบล อินแกรม (ขวา)]]
 
== การย้ายออกจากพระราชวังต้องห้าม ==
หลังจากที่จักรพรรดิผู่อี๋ถูกขับออกจากพระราชวังต้องห้ามโดยขุนศึก [[เฟิง ยู่เสียง]] ในปี [[พ.ศ. 2467]] ทั้งสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋และสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงก็ได้หลบหนีเข้าไปอยู่ในเขตปกครองของญี่ปุ่นที่[[เทียนสิน]] และความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ก็เริ่มร้าวฉานขึ้น
[[ไฟล์:Puyi and Wanrong.jpg|200px|thumb|left|สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงและจักรพรรดิผู่อี๋ที่เมืองเทียนจิน]]
 
== สมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งแมนจูกัว ==
ด้วยความหวังที่จะฟื่นฟู[[ราชวงศ์ชิง]]ของสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ เนื่องจากกองทัพของ[[เจียงไคเช็ก]]ได้เข้าบุกรุกและทำลายสุสานบรรพบุรุษของราชวงศ์ชิงรวมทั้งทำลายสุสานและพระศพของพระนาง[[ซูสีไทเฮา]]และยังได้ขโมยไข่มุกดำและพระมาลาของพระนางซูสีไทเฮาไปทำเป็นรองเท้าให้เป็นของขวัญกับภรรยาของเจียงไคเช็ก จึงทำให้สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ทรงพระพิโรธเป็นอย่างมาก พระองค์ทรงยอมรับข้อเสนอของญี่ปุ่นในการเป็นประมุขของรัฐ (หุ่นเชิด) [[แมนจูกัว]] และย้ายที่ประทับไปอยู่ที่เมือง[[ฉางชุน]] และเปลี่ยนชื่อเมืองใหม่เป็น "ซิงกิง" ในเดือนมีนาคม [[พ.ศ. 2475]] ทั้งสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋และสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงก็ได้เข้าไปประทับที่พระราชวังแบบรัสเซีย ทั้งสองพระองค์ต่างใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและทรงพอพระทัยกับชีวิตและการออกงานสังคมสมัยใหม่มาก
 
ที่[[เทียนสิน]] สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงได้ทรงเปลี่ยนพระนามมาใช้เป็น "เอลิซาเบธ" และสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ได้ทรงใช้พระนามแบบตะวันตกว่า "เฮนรี่" สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ได้ทรงใช้เวลาร่วมกับสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงมากขึ้น แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋และสมเด็จพระจักรพรรดินีวันหรงก็ทรงเข้าสู่จุดตึงเครียด เมื่อในที่สุดนางสนม[[เหวินซิ่ว]]ได้ขอร้องให้สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ทำการหย่ากับนางในปี [[พ.ศ. 2474]] สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ได้ทรงดุด่าว่ากล่าวสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงเป็นอย่างมาก ยังไงก็ตามไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าสนมเหวินซิ่วได้ถูกบังคับโดยสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงให้หย่ากับสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋จริงหรือไม่ มีหลายทฤษฎีว่าพระนางสนมเหวินซิ่วทรงเบื่อกับชีวิตที่ไร้ความสุขด้วยตัวของพระนางเอง พระสนมเหวินซิ่วต้องการความรักมากกว่าความมั่งคั่งในยศและทรัพย์สิน พระนางจึงได้ขอให้หย่าสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ทำการหย่าให้กับพระนาง หลังจากการหย่าสนมเหวินซิ่วก็ไม่ได้กลับมาหาสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋อีกเลย
 
สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงทรงโปรดการสูบ[[ยาสูบ]] ซึ่งเป็นสิ่งธรรมดาทั่วไปของผู้หญิงจีนในสมัยนั้น สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงทรงผสมยาสูบของพระนางกับ[[ฝิ่น]]ในปริมาณเล็กน้อยเพื่อเป็นการผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม พระนางทรงเป็นนักสูบตัวยง ผสานกับการที่สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ทรงไม่สนพระทัยในพระนางและการใช้ชีวิตอยู่อย่างอ้างว้างของพระนาง ต่อมาสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋และสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงจึงแยกห้องกันนอน นาน ๆ ทีจะออกมาเสวยพระกระยาหารพร้อมกับสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงตระหนักได้ว่าผู่อี๋พระสวามีของเธอเป็นได้เพียงแค่จักรพรรดิหุ่นเชิดเท่านั้น ไม่มีอำนาจใด ๆ ทั้งสิ้น
 
== ความล้มเหลวในชีวิตคู่ ==
ข่าวลือในปี [[พ.ศ. 2483]] สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงทรงครรภ์กับคนรับใช้ของพระองค์ซึ่งเป็นคนขับรถและยังเป็นคนหาฝิ่นมาให้วั่นหหว่านหรงอีกด้วย ผู่อี๋มีอำนาจที่จะสั่งประหารก็ได้แต่ผู่อี๋ไม่ทำ สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋เพียงแค่เนรเทศคนขับรถนั้นออกไปเท่านั้น พอสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงให้กำเนิดเด็กหญิงคนนั้นขึ้นมา แพทย์ทำคลอดชาวญี่ปุ่นได้ฉีดยาให้เด็กคนนั้นเสียชีวิตทันทีที่เกิด แต่ในบันทึกของสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋กล่าวว่า สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ได้ฆ่าเด็กคนนั้นด้วยการโยนใส่เตาไฟ ซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ก็ได้เขียนสิ่งเหล่านี้ลงในหนังสือชีวประวัติของตนเอง แต่ได้ถูกลบข้อความนี้ออกก่อนที่หนังสือจะถูกตีพิมพ์ และหลังจากนั้นสมเด็จพระจักรพรรดินีวันหรงก็ทรงติดฝิ่นอย่างหนัก โดยพระนางสูบฝิ่นถึงวันละ 2 ออนซ์ เป็นจำนวนปริมาณมหาศาลในช่วงระหว่าง กรกฎาคม [[พ.ศ. 2481]] ถึง กรกฎาคม [[พ.ศ. 2482]] โดยคำกล่าวของหมอ [[เอ็ดเวิร์ด เบอฮ์]] (Edward Behr) สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงได้สูบฝิ่นไปทั้งสิ้นตลอดระยะเวลาหนึ่งปีเต็มไปกว่า 740 ออนซ์
 
เนื่องจากการติดฝิ่นอย่างหนัก พฤติกรรมของพระนางเริ่มมีอาการวิกลจริต สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงไม่ได้เข้าร่วมงานวันเกิดหรือแม้กระทั่งงานเลี้ยงวันปีใหม่ และความสัมพันธ์ระหว่างสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ได้หยุดลง เมื่อบิดาของวั่นหหว่านหรงไม่มาเยี่ยมวั่นหรงที่หว่านหรงที่[[แมนจูกัว]]อีกเลยเนื่องจากรับไม่ได้ที่ลูกสาวได้เปลี่ยนไปแล้ว แล้วยังมีเรื่องว่า ในงานเลี้ยงพระกระยาหารมื้อค่ำครั้งหนึ่ง สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงได้ทรงเสวยพระกระยาหารตะวันตกอย่างมูมมาม ทำให้เป็นที่สะอิดสะเอียนของแขกทั้งหลายผู้มาร่วมงาน
 
สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ยังกล่าวด้วยว่า สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงได้งมงายกับความเชื่อในโชคชะตา และถ้าพระนางได้เจอกับอะไรที่เป็นโชคร้าย พระนางจะกระพริบตาหรือเดินหนี ผู่อี๋กล่าวว่าวั่นหหว่านหรงได้มีอาการจิตวิตกอย่างหนักเหมือนกับคนที่ป่วยเป็นโรคทางจิตและสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ได้ให้รายละเอียดด้วยว่า "นางไม่เคยบอกข้าพเจ้าถึงความรู้สึก ความหวัง และความโศกเศร้าเสียใจของนางให้กับข้าพเจ้าเลยแม้แต่น้อย" สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ยังทรงทราบอีกด้วยว่าพระนางทรงกำลังติดฝิ่นอย่างหนักและไปในเส้นทางที่พระองค์สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ไม่สามารถยอมรับและอดทนได้อีกต่อไป
[[ไฟล์:Empress Wan-Rong 1.JPG|thumbnail|right|สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงทรงฉายพระฉายาลักษณ์ ณ พระราชวังต้องห้าม]]
 
[[ไฟล์:川岛芳子.jpg|thumbnail|left|[[คะวะชิมะ โยะชิโกะ]] หรือ อ้ายซินเจว๋หลัว เสียนยฺหวี่ เจ้าหญิงเชื้อสายราชวงศ์แมนจู ที่ทำงานให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น]]
จากบันทึกของสายลับ[[ญี่ปุ่น]] [[คะวะชิมะ โยะชิโกะ]] (川岛芳子, Kawashima Yoshiko) หรือในชื่อรองที่รู้จักกันดีว่า 'ตงเจิน' (東珍, Eastern Jewel - มณีบูรพา) ระบุว่า วั่นหหว่านหรงทรงเกลียดแมนจูกัวและรัฐบาลญี่ปุ่นมาก อันเนื่องมาจากการที่พระนางต้องสภาพภูมิอากาศที่หนาวเย็นและต้องตกอยู่ในสภาวะที่สภาพทางจิตใจต้องตกต่ำ สุขภาพกายอ่อนแอลง และที่สำคัญที่สุดคือความรักของพระนางที่ต้องล่มลงอย่างน่าเศร้าเนื่องมาจากความเย็นชามากเกินความจำเป็นของสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋
 
สืบเนื่องมาจากการที่สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ทรงไม่เอาพระทัยใส่กับสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหรงนีหว่านหรง ต่อมาไม่นานสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ทรงอภิเษกกับเด็กสาวนักเรียนอายุ 16 ปีชื่อ [[ถัน อวี้หลิง]]ในปี [[พ.ศ. 2480]] โดยที่พระสนมถัน อวี้หลิง ไปรับตำแหน่งแทนที่กับพระสนมเหวินซิ่ว พระองค์ทรงเรียกถัน อวี้หลิง 'ว่าเป็นการทำโทษแก่วั่นจิง' แต่[[สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋]]ไม่ทรงมองสนมถัน อวี้หลิง เป็นภรรยา กลับมองว่านางเป็นเพียงของประดับชิ้นหนึ่ง พระองค์ได้ทรงอธิบายเพิ่มเติมว่า "นางเป็นแค่สนมในนามนำหน้าเท่านั้น ข้าพเจ้าประสงค์จะเก็บนางไว้เหมือนนกที่ถูกเลี้ยงอยู่ในกรง จนกระทั่งนางได้เสียชีวิตลงในปี [[พ.ศ. 2485]]" และนี่ยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ถูกเชื่อโดยองค์หญิง[[ซะงะ ฮิโระ]]ว่า สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ทรงโปรดการเล่นสวาทกับผู้ชายด้วยกันเอง และทรงมีมหาดเล็กซึ่งเป็นชายรักชาย (ฺBisexual) อยู่ด้วย ทรงโปรดการมีเพศสัมพันธ์แบบนี้อยู่ตลอดชีวิตของพระองค์
[[ไฟล์:Empress Gobele Wan-Rong (03).JPG|thumbnail]]
 
สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ทรงอยากรู้ความเป็นจริงอย่างมาก ว่าสาเหตุอะไรจึงทำให้วั่นหหว่านหรงยังทรงยังอยู่ต่อ เนื่องจากการที่วั่นหหว่านหรงได้ถูกละเลยมาเป็นเวลานาน แต่ยังทรงอดทนที่จะอยู่ต่อ ซึ่งไม่น่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงจีนสมัยใหม่ และยังทรงสงสัยอีกว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงทรงขอหย่ากับพระองค์ สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ยังคงเชื่อด้วยว่าสาเหตุที่สนมเหวินซิ่วขอหย่ากับพระองค์ทรงเป็นเพราะว่าสนมเหวินซิ่วมองเห็นว่าความรักและการดูแลเอาใจใส่นั้นสำคัญมากกว่าเงินทองและยศฐาบรรดาศักดิ์ และทรงคิดว่านั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้วั่นหหว่านหรงยังคงประทับอยู่กับพระองค์ เพื่อแค่ที่จะได้อยู่ในนามของสมเด็จพระจักรพรรดินีเท่านั้น
 
ในขณะที่[[ญี่ปุ่น]]พ่ายแพ้[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] ในปี [[พ.ศ. 2488]] [[สหภาพโซเวียต]]ก็ได้บุกเข้ามายึด[[แมนจูกัว]] สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋พยายามจะหลบหนีจากแมนจูกัวทาง[[เครื่องบิน]] และทิ้ง สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงเอาไว้ และพระญาติในราชวงศ์คนอื่น ๆ ก็พยายามที่จะหลบหนีทหาร[[โซเวียต]]ด้วยเช่นกัน
 
สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงและน้องสะใภ้ องค์หญิง[[ซะงะ ฮิโระ]] และสมาชิกคนอื่น ๆ ถูกจับในขณะที่พยายามที่จะหลบหนีเข้าชายแดน[[เกาหลี]] ซึ่งจุดหมายปลายทางคือญี่ปุ่น โดยทหารโซเวียต ในเดือนมกราคม [[พ.ศ. 2489]]
 
== บั้นปลายชีวิตของจักรพรรดินีวั่นหรงนีหว่านหรง ==
[[ไฟล์:Empress_Gobele_Wan-Rong_ (04).JPG|thumbnail|left|จักรพรรดินีวั่นหรงนีหว่านหรง]]
ในยุคบั้นปลายชีวิตของจักรพรรดินีวั่นหรงนีหว่านหรง ครั้งสุดท้ายที่สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ได้เห็นสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงคือที่[[แมนจูกัว]] ตอนที่พระองค์กำลังขึ้นเครื่องบินเพื่อหลบหนีไปที่[[ประเทศญี่ปุ่น]] เนื่องจากเครื่องบินมีขนาดเล็ก [[ผู่อี๋]]เลือกเฉพาะ[[ผู่เจี๋ย]]ผู้เป็นพระอนุชาของพระองค์ พระนัดดาชาย 3 องค์ และหมอหนึ่งคนให้ไปกับพระองค์ พระองค์ทรงเลือกเฉพาะคนที่สำคัญกับอาณาจักรใหม่ของพระองค์เท่านั้น สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ทรงมีแนวโน้มที่จะรักษาชีวิตของพระองค์เองมากกว่าคนอื่น ๆ ในพระราชวงศ์ บางข้อมูลกล่าวว่าพระองค์ทรงมีความคิดว่าทหารจะประนีประนอมกับนักคุมขังเพศหญิงมากกว่าเพศชาย พระองค์จึงเห็นสมควรว่า พระนางวั่นหหว่านหรงและพระสนมจะไม่ต้องมาระเหเร่ร่อนกับพระองค์ พระองค์จึงปล่อยพระนางเดินทางด้วยรถไฟ แต่แผนหลบหนีของพระองค์ก็ทรงล้มเหลวโดยกองพันทหารของโซเวียตเป็นผู้บุกมาจับกุมเองระหว่างที่กำลังเตรียมการนำเครื่องบินหลบหนีของพระองค์ขึ้น
 
สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงเป็นที่อยากรู้อยากเห็นอย่างมากกับสายตาของสาธารณชนที่ตั้งใจมาดูพระนางในห้องคุมขังที่คุกใน[[หยานจิ]] พระนางทรงหมดสติบนพื้นที่มีแต่กองพระบังคนเบาและพระอาเจียนของพระนางวั่นหรงเองหว่านหรงเอง ทำให้เป็นที่น่าหดหู่กับผู้ที่มาพบเห็นเป็นอย่างมาก บ่อยครั้งที่สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงจะตะโกนออกคำสั่งผู้คุมห้องคุมขังเหมือนสมัยที่พระนางยังพำนักอยู่ที่พระราชวังต้องห้ามเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ พวกผู้คุมจะหัวเราะทุกครั้งที่พระนางแสดงพระอิริยาบถเหมือนสมัยที่ยังอยู่พำนักในพระราชวังต้องห้าม วั่นหหว่านหรงทรงมีเจ้าหญิงซะงะ ฮิโระและพระราชธิดาคอยดูแลสรงน้ำให้กับพระนางวั่นหหว่านหรงผู้กำลังจะสิ้นพระทัยขณะที่ยังทรงถูกขังอยู่ด้วยกันในห้องคุมขัง จนกระทั่งเจ้าหญิงซะงะ ฮิโระะและพระราชธิดา ได้ทรงถูกย้ายออกจากคุก ทรงเหลือแต่เพียงสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงอยู่พระนางเดียวในคุกอย่างสิ้นหวังและเดียวดาย
 
สมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงสิ้นพระชนม์ในคุกที่เมือง[[หยานจิ]] ในวันที่ 20 มิถุนายน [[พ.ศ. 2489]] เพราะพระอาการข้างเคียงที่มีผลมาจากที่พระองค์ทรงพยายามเลิกฝิ่น ด้วยพระชนมายุเพียง 39 พรรษา พระศพถูกเผาในสุสานของคุกที่เมือง[[หยานจิน]] เป็นงานศพที่เรียบง่ายและไม่สมกับพระอิสริยยศของจักรพรรดินี โดยที่สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ทราบข่าวของวั่นหหว่านหรงในอีก 3 ปีต่อมาขณะที่สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋เองก็ยังทรงถูกคุมขังอยู่ในคุก จากคำพูดของสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋เองว่า "ทางของเราแยกจากกันตอนที่ทหารญี่ปุ่นยอมแพ้ การเสพติดฝิ่นของเธอหนักมากและร่างกายของเธอได้อ่อนแอลงไปอย่างมาก เธอตายในอีกไม่กี่ปีต่อมาในคุกที่หยานจิน"
 
แต่สิ่งที่น่าสนใจจริง ๆ คือคำพูดในบันทึกของสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ "ข้าพเจ้าได้สมรสกับภรรยาสี่คน มเหสีหนึ่งคน สนมเอกหนึ่งคน และสนมรองอีกสองคน แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเธอไม่ได้เป็นภรรยาจริงของข้าพเจ้า พวกเธอมีไว้เพื่อประดับหน้าเท่านั้น พวกเธอทั้งหมดเป็นผู้โชคร้ายของข้าพเจ้า...ถ้าโชคชะตาของพวกเธอไม่ได้มาพร้อมกับการเกิดของพวกเธอ บั้นปลายชีวิตของพวกเธอคงจะไม่ได้เป็นเช่นนี้" เป็นการยากที่จะบอกได้ว่าข้อมูลส่วนนี้ได้ถูกผู้อื่นแต่งเติมลงไปหรือไม่ อย่างไรก็ดีก็เป็นข้อความที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
 
== ข้อมูลจากในประเทศจีน ==
เป็นการยากที่จะอธิบายได้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองพระองค์นั้น แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร บ้างก็หาว่าสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋เป็นเกย์บ้าง เป็นหมันบ้าง เห็นภรรยาสตรีทุกคนเป็นเพียงเครื่องมือบ้าง แต่ว่ามีนักวิชาการหลายรวมทั้ง[[โกวปู้โลว หลั่นเคี๋ยว]]พระอนุชาต่างมารดาของสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงคนแย้งว่าหนังสือบันทึกของหมอ [[เอ็ดเวิร์ด เบอฮ์]] และจากภาพยนตร์ [[The Last Emperor]] นั้นถูกบิดเบือนความจริงเป็นอย่างมาก หลักฐานทั้งสองนั้นอยู่บนพื้นฐานของบันทึกสารภาพของผู่อี๋ซึ่งเป็นบันทึกสารภาพที่ผู่อี๋ถูกบังคับให้เขียนขึ้นในคุกนักโทษทางการเมืองเพื่อที่จะให้ผู่อี๋ได้มีโอกาสกลับตัวกลับใจและถูกปล่อยตัวเป็นอิสระจากคุก หลังจากนั้นบันทึกสารภาพเหล่านี้ก็ได้ถูกนำไปเป็นโฆษณาชวนเชื่อโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนเพื่อแสดงให้เห็นว่าทางพรรคนั้นมีความเมตตาและทำให้เห็นว่าทางพรรคได้ชี้ทางแสงสว่างในชีวิตใหม่ให้กับทุก ๆ คนได้ ข้อมูลที่เกี่ยวกับประวัติของผู่อี๋ถูกเขียนโดยชาวอเมริกันนั้นส่วนใหญ่นั้นมักจะเป็นเรื่องอื้อฉาว, แบ่งชนชั้น และไม่แม่นยำ หรือไม่ก็รวมทั้งสามอย่างไว้ด้วยกัน เพราะในสมัยนั้นโลกตะวันตกยังใส่ร้ายป้ายสีโลกตะวันออกอย่างมากต่อเนื่องมาจนถึงสมัยของประเทศจีนคอมมิวนิสต์ในปัจจุบันด้วย แต่ในทางกลับกัน ข้อมูลที่ถูกเขียนขึ้นมาจากในประเทศจีนนั้นมีข้อมูลมากมายที่ล้นหลาม สามารถที่จะล้มล้างข้อมูลที่ถูกเขียนโดยชาวตะวันตกได้อย่างรุนแรง
 
ข้อมูลจากในประเทศจีนแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองค่อนข้างจะเป็นความสัมพันธ์แบบพี่น้องหรือเพื่อนสมัยเด็กมากกว่าความสัมพันธุ์แบบสามี-ภรรยา เพราะว่าสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋นั้นแทบจะไม่มีเพื่อนเลยตั้งแต่พระองค์ยังเด็กเนื่องจากการที่ถูกควบคุมให้เป็นเพียงสัญลักษณ์อยู่ในพระราชวังต้องห้ามเท่านั้นและทั้งสองพระองค์ต่างมารู้จักกันได้จากการ[[คลุมถุงชน]] พระนางวั่นหหว่านหรงเข้ามามีบทบาทในชีวิตของสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ครั้นการอภิเษกสมรสโดยการถูก[[คลุมถุงชน]] (โดยมีเหล่าพระสนมเก่าของฮ่องเต้องค์เก่าก่อนหน้านั้นในวังเป็นผู้เลือกให้ ถึงแม้ว่าผู่อี๋จะเลือก[[เหวินซิ่ว]]ก่อนแล้วก็ตาม) ตั้งแต่ทั้งสองมีพระชนมมายุเพียงแค่ 16 พรรษา สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋มักจะใช้เวลาแทบทั้งชีวิตของพระองค์ไปกับวั่นหหว่านหรงและค่อนข้างที่จะแสดงออกถึงความหึงหวงและเอ็นดูในพระนางอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่พระนางทรงเรียนหนังสือและเล่นกับเพื่อน ๆ ด้วย พฤติกรรมเช่นนี้ยังเป็นที่ปฏิบัติโดยจักรพรรดิผู่อี๋ต่อเนื่องไปจนถึงภายหลังที่ย้ายไปหนีภัยอยู่ที่เทียนสิน แต่ผู่อี๋ก็ได้เกิดความวิตกและเครียดเพิ่มมากขึ้นด้วยหลังจากหลายเหตุการณ์ เช่นที่สนมเอก[[เหวินซิ่ว]]ได้หย่าจากพระองค์ไป, การถูกไล่ออกจาก[[พระราชวังต้องห้าม]]ไปอยู่ที่[[แมนจูกัว]]ภายใต้การควบคุมของ[[ญี่ปุ่น]]และรวมถึงการที่[[สุสานราชวงศ์ชิง]]ถูกทำลายและปล้นโดย[[กองทัพก๊กมินตั๋ง]]ของนายพล[[เจียงไคเช็ก]]อีก แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าพระนางวั่นหรงนั้นหว่านหรงนั้น ทรงเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของสมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ผู้ซึ่งสูญเสียแทบทุกสิ่งที่พระองค์รัก และเนื่องด้วยจากการที่จักรพรรดิผู่อี๋ทรงสนิมสนมกับผู่เจี๋ย ลูกพี่ลูกน้องของพระองค์และเช่นเดียวกันกับ[[โกวปู้โลว หลั่นเคี๋ยว]]ผู้ซึ่งเป็นน้องชายแท้ ๆ ของวั่นหรงด้วยหว่านหรงด้วย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพระนางวั่นหหว่านหรงทรงเป็นศูนย์รวมความมั่นคงทางความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องของทั้งสามเข้าไว้ด้วยกัน
 
== อนุสรณ์สถาน ==
ใน[[เดือนตุลาคม]]ปี [[พ.ศ. 2549]] พระอนุชาต่างมารดาของสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหรงนีหว่านหรง [[โกวปู้โลว ลุ่นฉี]] (Gobulo Runqi) ได้สร้าง[[อนุสรณ์สถาน]]ให้กับสมเด็จพระจักรพรรดินีวั่นหนีหว่านหรงในด้านทิศตะวันตกของ[[สุสานราชวงศ์ชิง]] ถึงแม้ว่าในสุสานของพระนางจะไม่ได้บรรจุพระศพของพระนางไว้ก็ตาม แต่สุสานของพระนางนั้นได้รับการบรรจุพระฉาย (กระจก) ถือส่วนพระองค์ไว้แทน<ref>http://brianthompson32.wordpress.com/2012/12/25/the-last-empress-of-china</ref>
[[ไฟล์:Qxl.JPG|thumbnail|center|สุสานราชวงศ์ชิง]]