ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หลวงจำรูญเนติศาสตร์ (จำรูญ โปษยานนท์)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
123krungthep (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าใหม่: {{กล่องข้อมูล ผู้นำประเทศ | name = หลวงจำรูญเนติศาสตร์<br>(จำรูญ โปษย...
 
123krungthep (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 23:
==ประวัติ==
 
หลวงจำรูญเนติศาสตร์ หรือจำรูญ เป็นคนกรุงเทพฯ เกิดในสกุล “โปษยานนท์” ที่บ้านตำบลถนนราชวงศ์ อำเภอจักรวรรดิ์ จังหวัดพระนคร เมื่อวันที่ 7 เมษายน ปี 2445 บิดาชื่อนายฮง มารดาชื่อนางเน้ย ท่านกำพร้าบิดามาตั้งแต่อายุได้ 10 ปี ได้อาคือ[[พระยาพิพัฒนธนาธรนธนากร (ฉิม โปษยานนท์]]ส่งเสียให้เรียนหนังสือ การศึกษาเริ่มที่โรงเรียนครูแดงกับโรงเรียนทองนพคุณ แล้วจึงไปเรียนที่[[โรงเรียนสวนกุหลาบ]]ตอนที่มีอายุได้ 10 ปี ก่อนที่จะไปเข้าเรียนที่โรงเรียนราชวิทยาลัย จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 8 ท่านดูจะเป็นคนเรียนเก่ง ในปี 2461 ก็ได้เข้าไปเรียนที่โรงเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม จบการศึกษาได้เป็นเนติบัณฑิตไทยในปี 2465 ปีถัดมาจึงได้รับทุนจากกระทรวงยุติธรรมให้ไปศึกษาด้านกฎหมายต่อที่ประเทศอังกฤษ โดยท่านได้เข้าเรียนที่สำนักมิดเดิลเทมเปิล เรียนจบได้เนติบัณฑิตเกียรตินิยมในปี 2471 เดินทางกลับไทยเข้ารับราชการเป็นผู้พิพากษา ในปี 2472 สำหรับชีวิตสมรส ท่านแต่งงานกับคุณอรุณ โปษยะจินดา
 
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองคนที่รับราชการทำงานทางด้านตุลาการดูจะไม่กระทบกระเทือนมากนัก หลวงจำรูญเองก็ก้าวหน้าในตำแหน่งราชการ ได้ขึ้นเป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ในปี 2485 สมัยรัฐบาลของ[[จอมพล ป.พิบูลสงคราม]] ซึ่งอยู่ในช่วงสงคราม และในปี 2487 ท่านก็ได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ดังนั้นต่อมาในปี 2488 ถึงต้นปี 2489 ท่านจึงเป็นหนึ่งในคณะผู้พิพากษาคดีอาชญากรสงคราม คดีนี้เป็นคดีดังและสำคัญที่มีอดีตนายกรัฐมนตรี จอมพล ป. และรัฐมนตรีบางนายที่ร่วมงานในยามสงครามตกเป็นผู้ต้องหาด้วย ศาลพิพากษาว่าโมฆะจะใช้กฎหมายย้อนหลังไม่ได้ ให้ปล่อยตัวผู้ต้องหา
 
ทางด้านวิชาการ หลวงจำรูญฯ ได้เข้ามาเป็นผู้บรรยายหรืออาจารย์พิเศษของ[[มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์]]ตั้งแต่ปี 2483 ตั้งแต่สมัยที่มหาวิทยาลัยยังใช้ชื่อดั้งเดิมว่ามหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง และยังมีศาสตราจารย์ ดร.[[ปรีดี พนมยงค์]] เป็นผู้ประศาสน์การ ท่านได้เป็นอาจารย์พิเศษมากว่า 10 ปีก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยในปี 2497 สมัยที่มีพระยาลัดพลีธรรมประคัลภ์เป็นคณะบดีคณะนิติศาสตร์ และมีอธิการบดีชื่อ[[จอมพล ป.พิบูลสงคราม]] ท้ายที่สุดท่านก็ได้ขึ้นเป็นอธิการบดี[[มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์]]ต่อจากวาระของจอมพล ป. ในวันที่ 23 ธันวาคม ปี 2500 ตอนนั้นเพิ่งจะเสร็จจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 2 ของปี จึงเป็นช่วงเวลาก่อนที่พลโท [[ถนอม กิตติขจร]] จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในตอนต้นปี 2501 ขณะนั้นผู้ที่ช่วยอธิการบดีทำงานประจำคือเลขาธิการมหาวิทยาลัย
 
หลวงจำรูญฯเป็นอธิการบดีอยู่ประมาณ 2 ปี จนถึงต้นปี 2503 ท่านจึงได้พ้นจากตำแหน่งอธิการบดี [[มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์]] เพราะท่านได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา ตั้งแต่ปลายปี 2502 สายงานตุลาการเป็นงานที่ท่านรักและยึดเป็นอาชีพมาตั้งแต่จบการศึกษาจากอังกฤษ ดังนั้นจึงวางมือจากงานมหาวิทยาลัย ตอนที่ท่านขึ้นเป็นประธานศาลฎีกานั้นเป็นเวลาที่จอมพล สฤษดิ์ หัวหน้าคณะปฏิวัติที่ยึดอำนาจในวันที่ 20 ตุลาคม ปี 2501 ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเองแล้ว และต่อมานายกฯ ท่านนี้ก็ได้เข้ามาเป็นนายกสภามหาวิทยาลัย โดยให้นายทหารที่เป็นรองนายกฯ คือพลเอก ถนอมเข้ามาเป็นอธิการบดีสืบต่อจากหลวงจำรูญฯ ทางหลวงจำรูญฯ นั้นท่านได้เป็นประมุขของอำนาจตุลาการอยู่ประมาณ 2 ปี ท่านก็ได้เกษียณอายุราชการจากศาลฎีกาในปี 2504
 
สำหรับตำแหน่งทางการเมืองนั้นหลวงจำรูญฯ ได้เข้ามารับตำแหน่งภายหลังการเกษียณอายุราชการแล้วถึง 8 ปี ท่านได้รับเชิญจากจอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีให้เข้าร่วมรัฐบาลเป็นรัฐมนตรีว่าการ[[กระทรวงยุติธรรม]]ในรัฐบาลของนายกฯจอมพล ถนอม เมื่อภายหลังการเลือกตั้ง ปี 2512 ครั้งนั้นเป็นรัฐบาลที่มี[[พรรคสหประชาไทย]]เป็นพรรครัฐบาล แต่ไม่มีชื่อว่าท่านได้มีบทบาทในการเลือกตั้ง เชื่อว่าท่านเข้ามาสู่ตำแหน่งในฐานะผู้อาวุโสทางศาลที่จะให้ไปดูแลงานเกี่ยวกับกฎหมาย และท่านก็ได้อยู่ร่วมรัฐบาลจนจอมพล ถนอมยึดอำนาจล้มรัฐบาลตัวเองในวันที่ 17 พฤศจิกายน ปี 2514 ครั้นต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2516 เมื่อจอมพล ถนอมตั้งรัฐบาลใหม่ หลวงจำรูญฯได้รับตำแหน่งประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ปีเดียวกันนี้ท่านได้ยังได้รับแต่งตั้งเป็นอนุญาโตตุลาการของศาลโลกที่กรุงเฮกอีกด้วย
 
ศาสตราจารย์ หลวงจำรูญเนติศาสตร์ได้พ้นวงการเมืองไปได้ 2 ปีท่านก็ถึงแก่อสัญกรรมในปี 2518
 
 
== เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ==