ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สภาคริสตจักรในประเทศไทย"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ลบ
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ลบ
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 67:
* [http://www.suriyawongse.ac.th/ โรงเรียนสุริยวงศ์ จ.ราชบุรี<nowiki></nowiki>]
{{ล่าง}}
 
== บทความจากสื่อต่างๆ ต่อกรณีที่เกิดเหตุการณ์ Black Tuesday ==
จากกรณีที่ สภาคริสตจักรในประเทศไทย ได้มีคำสั่งให้ นายศุภกิจ จิตคล่องทรัพย์ ผู้อำนายการโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ไปปฏิบัติงานประจำสำนักพันธกิจศึกษาเป็นการชั่วคราว โดยที่มีข้อกล่าวโทษผู้อำนวยการฯว่ามีการบริหารงานผิดพลาด แต่ในความเป็นจริง สภาคริตจักรในประเทศไทย ยังไม่ได้ตั้งกรรมการสวบสวนขึ้นมาเลย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ได้สร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน ผู้ปกครองนักเรียน และครูในโรงเรียน เป็นอันมาก จึงได้มีการรวมตัวกัน แต่งกายชุดดำ เดินทางมาที่ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนฯ และร่วมกันร้องเพลงโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ในเช้าวันอังคาร ที่ 27 สิงหาคม 2562 อันเป็นเชิงสัญญลักษณ์ของการประท้วง เพื่อให้สภาคริสตจักรในประเทศไทย มีความโปร่งใส ในการทำงาน และเพื่อกู้คืนศักดิ์ศรีให้กับผู้อำนวยการโรงเรียน
 
'''ในเหตุการณ์ดังกล่าว มีสื่อมวลชนจากสำนักข่าวต่างๆในประเทศไทย ได้มาทำข่าวเพื่อร่วมกันตรวจสอบ ความโปร่งใสในการทำงานของสภาฯชุดนี้ด้วย อาทิเช่น'''
 
'''''สกู๊ปข่าวของ ช่อง เวิร์คพ้อยท์'''''
 
ประเด็นร้อนของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ที่นัดกันแต่งชุดดำ พร้อมติดแฮชแท็ก #SaveBCC เรื่องราวมันเป็นอย่างไรกันแน่
 
สิ่งที่นักเรียน ศิษย์เก่า และผู้ปกครองพยายามจะเรียกร้องคืออะไร และ พวกเขาต้องการ "Save" BCC จากใคร
 
Workpoint News จะสรุปสาระสำคัญของเรื่องนี้ ให้เข้าใจภายใน 27 ข้อ
 
1) โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย (BCC) เปิดทำการสอนครั้งแรก เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2395 หรือเมื่อ 167 ปีที่แล้ว นี่คือโรงเรียนเอกชนแห่งแรกของประเทศไทย
 
2) ในปี พ.ศ. 2477 สภาคริสตจักรในประเทศไทย (CCT) ได้ทำการก่อตั้งขึ้น โดยมีหน้าที่รับผิดชอบการเผยแผ่ศาสนา โดยสภาคริสตจักร นอกเหนือจากงานด้านศาสนาแล้ว ยังมีส่วนร่วมทางสังคมหลายอย่าง เช่น การก่อตั้งโรงพยาบาล และสถานศึกษาหลายแห่งขึ้นในประเทศ
 
เมื่อมีสภาคริสตจักร ทำให้ โรงเรียนคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ในประเทศไทย จึงเข้ามาอยู่ในความดูแลของสภาคริสตจักรโดยตรง โดยปัจจุบันมี 28 โรงเรียน ที่อยู่ในสังกัด ซึ่งก็รวมถึง กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ด้วย
 
3) หลักการบริหาร คือองค์กรแม่ สภาคริสตจักรจะทำการคัดเลือกบุคลากร แล้วส่งไปดูแลบริหารโรงเรียนต่างๆ ในเครือ โดยเฉพาะการแต่งตั้งตำแหน่งใหญ่ อย่างผู้อำนวยการโรงเรียน จะมาจากการตัดสินใจของบอร์ดบริหารของสภาคริสตจักรทั้งหมด
 
4) ปี พ.ศ. 2560 สภาคริสตจักร มีมติแต่งตั้ง นายศุภกิจ จิตคล่องทรัพย์ ขึ้นเป็น ผู้อำนวยการโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนคนใหม่ โดยนายศุภกิจ ถือว่ามีความผูกพันกับโรงเรียนเป็นอย่างดี เพราะเป็นศิษย์เก่ามาก่อน (รุ่น 134) หลังเรียนจบมัธยม ไปเรียนต่อปริญญาตรี ที่คณะมนุษยศาสตร์ เอกดนตรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พอเรียนจบ เขากลับมาเป็นครูสอนวิชาดนตรี ที่กรุงเทพคริสเตียนฯ โดยเด็กๆรู้จักเขาในชื่อ "อาจารย์ทอม" ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะก้าวขึ้นมาเป็น ผอ.โรงเรียน
 
5) ในช่วง 2 ปีครึ่งที่รับงานเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ผอ.ศุภกิจ ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างให้เกิดขึ้นกับโรงเรียน โดยวันที่เจ้าตัวรับงานในช่วงแรกๆ เขาประกาศว่า "กรุงเทพคริสเตียนของเราต้อง Go Forward ความตั้งใจของผมคือคนต้องรู้จักกรุงเทพคริสเตียนไม่ใช่แค่ไทย แต่ต้องเป็นถึงเวทีนานาชาติ เด็กเราจะมุ่งเป้าสู่เวทีโลก"
 
6) นายศุภกิจ โดดเด่นทั้งเรื่องนโยบาย และคาแรคเตอร์ ในเรื่องนโยบาย เขาผลักดันโครงการ บีซีซี สเปซโปรแกรม โดยให้กรุงเทพคริสเตียน ลงนามร่วมกับมหาวิทยาลัยโตเกียว และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เพื่อสร้างเสริมความรู้เทคโนโลยีอวกาศให้กับเด็กมัธยม และตั้งเป้าจะส่งดาวเทียม ซึ่งเป็นผลงานของนักเรียน ขึ้นวงโคจรอวกาศให้ได้
 
7) รวมถึงต้นปี 2562 ที่เขาผลักดันแนวคิด ให้นักเรียนใส่ชุดไปรเวทไปโรงเรียนได้ 1 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งเรียกเสียงฮือฮา จากคนในประเทศ ที่เขากล้าคิด กล้าทำ ในประเด็นยูนิฟอร์มที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนกับสังคมไทย
 
8 ) มีการผลักดันสร้างวิชา FE (Free Elective) ซึ่งเพิ่มเติมหลักสูตรขึ้นมาจากวิชาสามัญ แต่เป็นวิชาที่อิงกับชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น วิชาภาษาอังกฤษจาก Netflix , วิชาอาหารนานาชาติ, วิชาการแสดงขั้นพื้นฐาน, การตัดต่อภาพยนตร์เบื้องต้น ,การวางแผนการเงินและการลงทุน ฯลฯ
 
9) รวมถึงมีการสร้างหลักสูตร BCC Next ของม.ปลาย ที่พัฒนากรุงเทพคริสเตียนฯ จากเดิมแบ่งสายหลวมๆ เป็นวิทย์-คณิต  หรือ ศิลป์-ภาษา ได้สร้างเส้นทางหลากหลาย เพื่อให้เหมาะกับเด็กแต่ละคน โดยใช้คำว่า Track
 
เช่นสาขาแพทย์ศาสตร์ , วิศวกรรมการบิน, วิทยาศาสตร์การกีฬา,นิเทศศาสตร์ ภาพยนตร์ และสื่อดิจิตอล , นิติศาสตร์ ฯลฯ เพื่อเป็นการให้ตัวนักเรียน ได้ลงเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ และต่อยอดไปได้เร็วขึ้นในสมัยมหาวิทยาลัย
 
10) ขณะที่คาแรคเตอร์ของผอ.ศุภกิจนั้น เขาก็ถูกพูดถึงในทางบวก  ในวันเปิดเทอม เดือนพฤษภาคม 2561 ผอ.ใส่ชุดนักเรียน ลงมาต้อนรับเด็กๆด้วยตัวเอง เพื่อสร้างความเป็นกันเอง
 
11) รวมถึง เคยให้สัมภาษณ์ในประโยคที่น่าประทับใจว่า "ถ้าเราอยากให้เด็ก Respect เราก็ต้อง Respect เขา แล้วเขาจะ Respect เรา โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจ"  เป็นการแสดงทัศนคติของผู้บริหารยุคใหม่ ที่มีความเข้าใจในตัววัยรุ่นเป็นอย่างดี ที่ไม่ชอบการถูกสั่ง และถูกบังคับ
 
12) อย่างไรก็ตาม หลังจากดำรงตำแหน่ง ผอ.ได้เพียงแค่ 2 ปีครึ่งเท่านั้น วันที่ 30 กรกฎาคม 2562 สภาคริสตจักรในประเทศไทย ได้มีคำสั่งปลด ผอ.ศุภกิจ และ ดร.วัชรพงษ์ อภิญญานุรังสี ผู้จัดการของโรงเรียน ออกจากตำแหน่งทั้ง 2 คน อย่างกะทันหัน ท่ามกลางความสับสนของคณะครู ผู้ปกครอง ว่า ทั้งคู่ไปทำอะไร ถึงโดนเบื้องบนสั่งลงโทษแบบนั้น
 
13) ทางฝั่งสภาคริสตจักรไม่เปิดเผยกับสาธารณชน ถึงความผิดของ ผอ.ศุภกิจ และ ดร.วัชรพงษ์ ดังนั้นวันที่ 2 สิงหาคม ทางโรงเรียนจึงได้เรียกร้องขอความเป็นธรรม ให้มีการสืบสวนขึ้น เพราะการโดนปลดจากตำแหน่ง ถ้ามองในมุมสังคม คือกระทำความผิดร้ายแรง แต่ทั้ง 2 คน ยังไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรในกรณีนี้
 
14) 6 สิงหาคม สภาคริสตจักรยืนยันว่า ผอ.ศุภกิจ และ ดร.วัชรพงษ์ ทำความผิดในเรื่อง "การจัดซื้อที่ดิน และกิจการของโรงเรียนบึงกาฬคริสเตียน" และได้ตั้งคณะกรรมการ 5 คน เป็นผู้สอบสวน โดยมี มัคนายกวิศาล มหชวโรจน์ เป็นประธานในการสอบสวน
 
อย่างไรก็ตาม ในคณะกรรมการทั้ง 5 คน มีถึง 3 คน ที่มีความสัมพันธ์กับบอร์ดบริหารของสภาคริสตจักร
 
ได้แก่ วิศาล มหชวโรจน์ (ปธ.คณะกรรมการสอบสวน) เป็นลูกชายของ ดร.ทวีศักดิ์ มหชวโรจน์ (บอร์ดของสภาคริสตจักร)
 
ศักดิ์สิทธิ์ ม่วงศักดิ์ (คณะกรรมการสอบสวน) เป็นน้องของ สยาม ม่วงศักดิ์ (บอร์ดของสภาคริสตจักร)
 
ดร.อวิรุทธ์ โชตินันทเศรษฐ์ (คณะกรรมการสอบสวน) เป็นญาติกับ ชาญ โชตินันทเศรษฐ์ (บอร์ดของสภาคริสตจักร)
 
15) 11 สิงหาคม ทางโรงเรียนได้ส่งจดหมายไปหาสภาคริสตจักร เพื่อตั้งคำถามว่า การปลดผอ.ออกจากตำแหน่ง ทั้งๆที่ยังไม่ได้สอบสวนใดๆ ถือว่าผิดแปลก และ ทำไมถึงพุ่งเป้ามาที่ ผอ. กับ ผู้จัดการโรงเรียนแค่ 2 คนเท่านั้น
 
รวมถึงตั้งคำถามอีกด้วยว่า คณะกรรมการที่สอบสวน ผอ.ศุภกิจ เป็นเครือญาติโดยตรงกับฝั่งสภาคริสตจักร ซึ่งถ้าแบบนี้ สภาคริสตจักร อยากให้ผลการสอบสวนออกมาแบบไหน ก็สามารถกำหนดได้เลย เพราะก็เป็นเครือญาติกันอยู่แล้ว
 
16) อย่างไรก็ตาม ทางสภาคริสตจักร ไม่เปลี่ยนใจจากคำสั่งตอนแรก พวกเขาส่ง ผอ.ศุภกิจ ไปช่วยงานที่จังหวัดเชียงใหม่ และแต่งตั้ง ดร.บรรจง ชมภูวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการพิเศษ ขึ้นเป็นรักษาการผอ. ชั่วคราว
 
17) ในจุดนี้ นักเรียน ศิษย์เก่า และผู้ปกครอง เริ่มตั้งคำถามกับสภาคริสตจักรว่าทำไมไม่มีความชัดเจน ผอ.ทำผิดส่วนไหน ก็ไม่เคยมีการแถลงต่อสังคมอย่างเป็นทางการ แบบนี้ถ้าอยากปลดใครก็สามารถทำได้ทันทีโดยไม่ต้องถามความเห็นจากศิษย์เก่า หรือผู้ปกครองเลยใช่หรือไม่
 
18) นอกจากนั้นศิษย์เก่า และ ผู้ปกครอง ก็มีความหวั่นใจ เพราะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โรงเรียนกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ดี แต่การปลดผอ.ออกจากตำแหน่ง อาจทำให้โรงเรียนกลับไปถอยหลังลงคลองอีกครั้ง
 
19) ด้วยความคับข้องใจของครูอาจารย์ นักเรียน และผู้ปกครอง ที่รู้สึกเหมือนผอ.ศุภกิจโดนสภาคริสตจักรกลั่นแกล้ง จึงมีการก่อตั้งเพจ "องค์กร SaveBCC" ขึ้นมา ในวันที่ 24 สิงหาคม 2562 เพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมด และเป็นจุดศูนย์กลางให้กับแคมเปญ การเรียกร้องขอความยุติธรรมครั้งนี้
 
20) 26 สิงหาคม SaveBCC ได้ยืนยันว่า จะมีกิจกรรมแต่งกายชุดดำ เพื่อเรียกร้องขอคำตอบจากสภาคริสตจักร เป็นการแสดงพลังของคนในโรงเรียน ว่าจะไม่ยอมให้ ผอ.ศุภกิจ ที่ไม่มีความผิดโดนกลั่นแกล้ง
 
โดยจะรวมตัวกันในวันอังคารที่ 27 สิงหาคม เวลา 6.30 และคาดว่าจะยุติในเวลา 8.00 น. จากนั้นนักเรียนก็สามารถเข้าห้องเรียนได้ตามปกติ
 
21) อย่างไรก็ตาม ช่วงเย็นของวันที่ 26 นั้นเอง ดร.บรรจง รักษาการผอ.โรงเรียน ได้ประกาศหยุดโรงเรียน 1 วัน โดยให้เหตุผลว่า "มีความจำเป็น เพราะต้องการป้องกันสถานการณ์ที่จะสร้างความสับสน"
 
ซึ่งในเรื่องนี้ ทางบุคลากรของกรุงเทพคริสเตียน ก็ไม่พอใจการตัดสินใจของดร.บรรจง เนื่องจากมองว่า ทุกคนมาแสดงพลังแค่ในช่วงเช้า แล้วก็เข้าเรียนได้ตามปกติ แต่การประกาศให้หยุดเรียน มันทำให้ดูเรื่องนี้ มีความรุนแรงเกินเหตุ ทั้งๆที่ เป็นการชุมนุมโดยสันติ
 
22) 27 สิงหาคม 2562 ผู้ปกครอง ศิษย์เก่า และ นักเรียน ได้รวมตัวกันตามนัด ในช่วงเช้าด้วยการแต่งกายชุดดำ  โดยแกนนำของ SaveBCC ได้แถลงการณ์เรียกร้อง ใน 4 ข้อ
 
1- โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ไม่ควรถูกแทรกแซง จากสภาคริสตจักรในประเทศไทย
 
2- การสืบสวน ผอ.ทำได้ แต่ต้องใช้คณะกรรมการที่เป็นกลาง ไม่ใช่มีส่วนได้ส่วนเสีย เป็นญาติกันแบบนี้
 
3- เพื่อความยุติธรรมที่แท้จริงในการสืบสวน ขอเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐ มาเป็นคนกลางในการตัดสินปัญหา
 
4- ขอให้มีการทบทวน คนที่จะมารับหน้าที่ตำแหน่งรักษาการ ผอ.โรงเรียน ใหม่อีกครั้ง โดยกลุ่ม SaveBCC เชื่อว่า ดร.บรรจง มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับ สภาคริสตจักร ดังนั้นอาจคอนโทรลโรงเรียนให้เป็นไปในทิศทางที่สภาคริสตจักรต้องการได้
 
23) กวิณ สันฑกุล ศิษย์เก่ากรุงเทพคริสเตียน รุ่น 127 แกนนำองค์กร SaveBCC เปิดเผยกับ Workpoint News ว่า "จุดยืนของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน คือเราต้องการความยุติธรรมในการสืบสวน ถ้าหากมีการสอบสวนด้วยองค์กรที่เป็นกลาง แล้วปรากฏว่า ผอ.ทำผิดจริง เราจะยอมรับและไม่ปกป้องคนผิดแน่นอน แต่กรณีนี้ สภาสั่งปลดผอ.ด้วยความคลุมเครือ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่า ผอ.ทำผิดตรงไหนกันแน่"
 
24) ขณะที่ผู้ปกครองของนักเรียนคนหนึ่ง ที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อระบุว่า "หากถามว่าเพราะอะไรทำไมเลือกให้ลูกชายเรียนที่นี่ ที่ที่การสอบเข้าแข่งขันกันสูงมาก หนึ่งในเหตุผลคือ ชอบวิสัยทัศน์ของผอ.ที่ทันสมัย มีแนวคิดที่พัฒนา และออกจากกรอบระบบการศึกษาแบบเดิมๆ"
 
"เป็นกำลังใจให้ผอ. ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง และอวยพรให้ผอ.ผ่านพ้นเรื่องราวร้ายๆนี้ไปได้โดยเร็ววัน"
 
25) บทสรุป ในเวลานี้ ผอ.ศุภกิจ และ ดร.วัชรพงษ์ ถูกห้ามเข้าออกในรั้วโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน และโดนย้ายไปช่วยงานในจังหวัดเชียงใหม่ ขณะที่นักเรียน ศิษย์เก่า และผู้ปกครอง ก็ต้องการคำอธิบาย และการสืบสวนที่ชัดเจนว่า เอาเหตุผลอะไรมาปลด
 
กลุ่ม SaveBCC ตั้งคำถามว่า ถ้าหากองค์กรภายนอก สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ ในอนาคตอาจเปลี่ยนทิศทางของโรงเรียนไปทางไหนก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องถามความต้องการของนักเรียน ศิษย์เก่า และ ผู้ปกครองอีกต่อไป ซึ่งในมุมของบุคลากรกรุงเทพคริสเตียน นี่คือการริดรอนเสรีภาพอย่างรุนแรง
 
26) และเพื่อรักษาสปิริตของโรงเรียนเอาไว้ ที่นักเรียน ศิษย์เก่า และผู้ปกครอง มีพลังในการขับเคลื่อนโรงเรียนอย่างแท้จริง โดยไม่โดนอำนาจใดๆมาบีบบังคับ จึงจำเป็นต้องเรียกร้องความยุติธรรมในกรณีนี้
 
27) ล่าสุด สภาคริสตจักรในประเทศไทย ในฐานะองค์กรแม่ ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆในเรื่องนี้ ดังนั้น จึงยังไม่มีใครทราบคำตอบว่า สุดท้ายอนาคตของ "อาจารย์ทอม" ผอ.ศุภกิจ จิตคล่องทรัพย์ จะลงเอยในรูปแบบใด
 
อ้างอิงจาก
[[ไฟล์:SaveBCC 2.jpg|thumb]]
<nowiki>https://m.facebook.com/WorkpointNews/</nowiki>
[[ไฟล์:SaveBcc.jpg|thumb|SaveBCC]]
<nowiki>http://workpointnews.com</nowiki>
[[ไฟล์:SaveBCC 1.jpg|thumb|Save]]
 
 
'''''สกู๊ปข่าวของ The MATTER'''''
 
ทำไมต้อง #SaveBCC สรุปกรณีสอบสวน ผอ.โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน สะท้อนปมขัดแย้งสภาคริสตจักร-สถานศึกษา
 
สภาคริสตจักรคืออะไร? ทำไมถึงเข้าไปมีบทบาทในโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนได้? เหล่านี้เป็นคำถามที่เกิดขึ้นในหลายวันที่ผ่านมาจากกรณีที่ ผอ.กรุงเทพคริสเตียน ถูกสั่งให้พักงาน จนกลายเป็นแฮชแท็ก #SaveBCC ในโซเชียลมีเดีย
 
The MATTER สรุปเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นไว้ในโพสต์นี้แล้ว
 
1.) ประเด็นข่าวเรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคม จากภาพเอกสารที่ ผอ.โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ศุภกิจ จิตคล่องทรัพย์ และผู้จัดการโรงเรียน วัชรพงษ์ อภิญญานุรังสี ได้ทำหนังสือขอให้ประธานกรรมการบริหารโรงเรียน ตั้งกรรมการสอบสวนอย่างเป็นทางการ ในเรื่องปัญหาด้านการบริหารจัดการโรงเรียน
 
2.) แต่ในเอกสารนั้นก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า มันคือการสอบสวนเรื่องอะไร หรือมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ? หลังจากนั้นกระแสเกี่ยวกับปัญหาในโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ก็เกิดขึ้นในโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว
 
3.) ในตอนแรกมีคนตั้งข้อสังเกตว่านโยบายที่ ผอ.ศุภกิจ เคยทำเอาไว้ โดยเฉพาะการให้นักเรียนแต่งชุดไปรเวทนั้นมันทำให้ ‘ผู้ใหญ่’ ที่มีอำนาจตัดสินใจต่อโรงเรียนไม่พอใจรึเปล่า จนกลายเป็นสาเหตุให้เกิดการสอบสวน
 
อย่างไรก็ดี หลังจากที่สื่อต่างๆ ได้เริ่มมีการตรวจสอบและสอบถามจากแหล่งข่าวภายในโรงเรียน ก็พบประเด็นเรื่องที่การจัดซื้อที่ดิน และโรงเรียนบึงกาฬคริสเตียนภายใต้งบกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งสภาคริสตจักรในประเทศไทยมองว่า ผอ.ตัดสินใจซื้อไปโดยพลการ
 
แต่กลุ่ม #SaveBCC ตั้งข้อสังเกตว่า มันเป็นการตัดสินใจที่ได้รับการอนุมัติจากสภาชุดเก่า เช่นเดียวกับกรณี โครงการ Space Program ซึ่งโรงเรียนได้ทำความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก็ได้รับการอนุมัติจากซูเปอร์บอร์ดของสภาคริสตจักรแล้วเช่นกัน
 
4.) ThaiPBS รายงานว่า นอกจากโครงการที่เกิดข้อขัดแย้งกัน เช่น โรงเรียนที่บึงกาฬ หรือ Space Program แล้ว ข้อพิพาทยังเกิดขึ้นในโครงการอื่นๆ อย่างการทำสัญญาเช่าสนามฟุตบอลกับโรงพยาบาลศรีธัญญา และการจัดจ้างพนักงานรักษาความสะอาด และ รักษาความปลอดภัยให้โรงเรียน
 
5.) ประเด็นสำคัญในดราม่านี้ อยู่ตรงที่ ‘กระบวนการตรวจสอบ’ ที่กลุ่มศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน รวมถึงกลุ่มของผู้ปกครองที่เชื่อว่า การตรวจสอบ ผอ.และผู้จัดการโรงเรียนเกิดขึ้นอย่างผิดปกติและไม่โปร่งใส
 
กลุ่มที่คัดค้านระบุว่า คนที่ตั้งข้อกล่าวหานั้นได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบเสียเอง ซึ่งถือว่าผิดหลักการเป็นอย่างยิ่ง และคนที่ถูกตรวจสอบอาจไม่ได้รับความเป็นธรรมได้
 
ขณะเดียวกัน ข้อกล่าวหาที่มีต่อ ผอ.และผู้จัดการโรงเรียน ก็โดนตั้งคำถามถึงความชัดเจนว่า สภาคริสตจักรไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดความผิดที่มีน้ำหนักเพียงพอ
 
6.) อธิบายถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า สภาคริสตจักรคืออะไร แล้วทำไมถึงมีบทบาทกับโรงกรุงเทพคริสเตียนได้?
 
สภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย หรือ The Church of Christ in Thailand เป็นองค์กรด้านศาสนา ก่อตั้งอย่างเป็นทางการปี พ.ศ. 2473 ตามการผลักดันของกลุ่มผู้ถือนิกายโปรเตสแตนต์ในประเทศไทย โดยช่วงแรกอยู่ภายใต้การดูแลของมิชชันนารีชาวต่างประเทศ
 
เมื่อเวลาผ่านไป การทำงานของสภาคริสตจักรก็เริ่มมีคนที่ไม่ใช่มิชชันนารีมากขึ้น และโครงสร้างการทำงานก็ขยายขอบเขต ครอบคลุมไปในด้านต่างๆ อย่างหลากหลาย เช่น ด้านการแพทย์ การศึกษา ด้านงานพัฒนาสังคม  โดยมีหน่วยงานและองค์กรต่างๆ อยู่ใต้โครงสร้างนี้เป็นจำนวนมาก
 
เว็บไซต์สภาคริสตจักร ระบุถึงบทบาทหน้าที่เอาไว้ว่า “องค์กรทางศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแต้นท์ ที่รวมตัวกันเพื่อทำพันธกิจของพระเจ้าในประเทศไทย อันประกอบด้วย พันธกิจด้านการประกาศเผยแพร่พระกิตติคุณ พันธกิจด้านการศึกษา พันธกิจด้านการรักษาพยาบาลและพันธกิจอื่นๆ โดยมีหลักข้อเชื่อ ข้อปฏิบัติ และธรรมนูญเดียวกัน อยู่ภายใต้การปกครองเดียวกัน”
 
7.) สภาคริสตจักร มีโรงเรียนในสังกัดจำนวนมาก และตามโครงสร้างการบริหารงานแล้ว ก็เปิดทางให้สภาคริสตจักรเข้าไปมีส่วนร่วมกับโรงเรียนได้ผ่านบอร์ดที่ตั้งขึ้นมาได้
 
8.) โรงเรียนที่อยู่ภายใต้โครงสร้างบริหารของสภาคริสตจักร มีโรงเรียนชื่อดัง เช่น โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย โดยโรงเรียนเหล่านี้มีเงินหมุนเวียนค่อนข้างมาก (ถ้านับเฉพาะกรุงเทพคริสเตียนก็มีราวๆ 500-600 ล้านบาทต่อปี)
 
9.) ตัดภาพกลับมาที่กรุงเทพคริสเตียน รายงานระบุว่า การเปลี่ยนแปลงบอร์ดบริหารโรงเรียนชุดใหม่เมื่อกลางปีนี้ว่า สภาคริสตจักรได้ส่งคนของตัวเองเข้าไปในบอร์ดบริหารด้วย
 
รายงานระบุด้วยว่า หลังจากบอร์ดชุดใหม่เข้ามา ก็เกิดปัญหาเรื่องการไม่อนุมัติงบประมาณต่างๆ ที่เกี่ยวกับโรงเรียน รวมถึงตั้งข้อกล่าวหา ผอ.และผู้จัดการโรงเรียนได้ทำผิดในหลายเรื่อง
 
ส่วนกลุ่ม #SaveBCC ได้ตั้งคำถามถึง ‘สายสัมพันธ์’ ของคนในสภาคริสตจักรที่เข้ามามีอิทธิพลต่อโรงเรียน และการบริหารงานมากจนเกินไป
 
10.) แม้จะมีการเจรจานอกรอบกันไปแล้ว รวมถึงเปลี่ยนคำสั่งจากพักงาน เป็นย้าย ผอ.ไปปฏิบัติงานที่เชียงใหม่แทน รวมถึงจำกัดบทบาทบางอย่างของ ผอ.รักษาการที่ควบตำแหน่งผู้จัดการโรงเรียน แต่ดูเหมือนว่าความขัดแย้งก็ยังไม่จบลงง่ายๆ
 
กลุ่มศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน รวมถึงผู้ปกครอง ได้ไปรวมตัวกันแต่งชุดดำประท้วงที่หน้าโรงเรียน เพื่อท้วงการทำงานของสภาคริสตจักร และเรียกร้องให้คืน ผอ.และผู้จัดการโรงเรียนคนเดิมกลับมา
 
“คณะกรรมการผู้ดำเนินการสอบสวน ประกอบไปด้วยบุคคลผู้ตั้งข้อกล่าวหาด้วยตนเองและคณะบุคคลผู้ที่ได้มีส่วนได้เสียในประเด็นกล่าวหาโดยตรง และได้มีคำสั่งพักงานหรือโยกย้ายงานซึ่งอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารเป็นกลุ่มคนของตนเอง” คือประเด็นในแถลงการณ์จากกลุ่ม #SaveBCC
 
11.) ข้อเรียกร้องจากกลุ่มดังกล่าวนี้ ยังรวมไปถึงการขอให้การสอบสวนเป็นไปอย่างยุติธรรม เป็นไปโดยหลักธรรมาภิบาล รวมถึงมีการแจ้งข้อกล่าวหาที่มีน้ำหนักเพียงพอ รวมถึงดำเนินกระบวนการตรวจสอบโดยบุคคลที่เป็นกลางจริงๆ
 
12.) สรุปในสรุปก็คือ ประเด็นใหญ่ของกรณีนี้อยู่ตรงนี้ คำถามต่อบทบาทของสภาคริสตจักรที่เข้าไปมีอิทธิพลต่อการบริหารงานโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน
 
และกระบวนการตรวจสอบที่กลุ่ม #SaveBCC เห็นว่าไม่โปร่งใส และขัดต่อหลักธรรมาภิบาล โดยเฉพาะการนำคนที่ตั้งข้อกล่าวหาเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการตรวจสอบเสียเอง อีกทั้งข้อกล่าวหาที่มีต่อ ผอ.และผู้จัดการโรงเรียนก็ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
 
ซึ่งทั้งหมดนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อการบริหารโรงเรียน นโยบายการจัดการศึกษาของโรงเรียน และการศึกษาของเหล่านักเรียนด้วย
 
ด้าน รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียน บรรจง ชมพูวงษ์ บอกว่า กระบวนการสอบสวนต่างๆ จะแล้วเสร็จในวันที่ 7 กันยายานี้ และจะมีการชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง
 
13.) ในภาพใหญ่ๆ แล้ว กรณีของกรุงเทพคริสเตียนได้ชวนให้พวกเราคิดต่อได้ถึงบทบาทของสภาคริสตจักรในประเทศไทย ที่มีต่อสถาบันการศึกษาภายใต้สังกัด และแน่นอนว่า ทิศทางการบริหาร มันก็ย่อมมีส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือ รวมถึงคุณภาพการพัฒนานักเรียนด้วยไม่น้อยเลยทีเดียว
 
หลังจากนี้สถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป สิ่งที่เราต้องจับตากัน คงเป็นจุดยืนของสภาคริสตจักร รวมถึงผลการสอบสวนว่าจะทำให้โรงเรียนแห่งนี้เดินไปในทางไหน?
 
อ้างอิงจาก
 
<nowiki>https://news.thaipbs.or.th/content/283278</nowiki>
 
<nowiki>https://news.thaipbs.or.th/content/282996</nowiki>
 
<nowiki>https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/845180</nowiki>
 
<nowiki>https://www.dailynews.co.th/education/728181</nowiki>
 
 
== อ้างอิง ==