ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การยอมจำนนของญี่ปุ่น"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Wedjet (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 3:
'''การยอมจำนนของ[[จักรวรรดิญี่ปุ่น]]''' เมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1945 ปิดฉาก[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] ก่อนหน้านั้น เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1945 กองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นไม่สามารถดำเนินปฏิบัติการและการบุกครองญี่ปุ่นของฝ่ายสัมพันธมิตรใกล้เข้ามา ผู้นำญี่ปุ่น (สภาสั่งการสงครามสูงสุด หรือ "บิ๊กซิกส์", Big Six) แม้จะแถลงต่อสาธารณะแสดงเจตนาว่าจะต่อสู้ต่อไปจนจบ แต่ร้องขออย่างลับ ๆ ให้[[สหภาพโซเวียต]]ซึ่งเป็นกลางในขณะนั้น เป็นผู้ไกล่เกลี่ยสันติภาพบนเงื่อนไขที่ญี่ปุ่นได้ประโยชน์ ขณะเดียวกัน สหภาพโซเวียตเตรียมโจมตีญี่ปุ่น ตามคำมั่นต่อสหรัฐและสหราชอาณาจักรที่ให้ไว้ในการประชุมเตหะรานและยอลตา
 
วันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 สหรัฐ[[การทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมะและนางาซากิ|ทิ้งระเบิดปรมาณูที่นครฮิโรชิมะ]] เย็นวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1945 สหภาพโซเวียตประกาศสงครามต่อญี่ปุ่น อันเป็นไปตาม[[ความตกลงยอลตา]] แต่ละเมิด[[สนธิสัญญาความเป็นกลางโซเวียต–ญี่ปุ่น]] และไม่นานหลังเที่ยงคืนวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1945 สหภาพโซเวียตบุกครองรัฐหุ่นเชิด[[แมนจูกัว]]ของจักรวรรดิญี่ปุ่น วันเดียวกัน สหรัฐ[[การทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมะและนางาซากิ|ทิ้งระเบิดปรมาณูลูกที่สองที่นางาซากิ]] ความตระหนกจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ทำให้[[สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ]]ทรงเข้าแทรกแซงและบัญชาให้ผู้นำบิ๊กซิกส์ยอมรับเงื่อนไขยุติสงครามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรตั้งไว้ในแถลงการณ์พอตสดัม หลังการเจรจาหลังฉากหลายวันและ[[อุบัติการณ์คีวโจ|รัฐประหาร]]ที่ล้มเหลว]] สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะจึงโระฮิโตะจึง[[เกียวกุองโฮโซ|พระราชทานพระราชดำรัสทางวิทยุ]]ที่บันทึกไว้แพร่สัญญาณทั่วจักรวรรดิเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ในพระราชดำรัสดังกล่าว อันเรียกว่า [[เกียวกุอง โฮโซ]] พระองค์ทรงประกาศว่าญี่ปุ่นยอมจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตร
 
วันที่ 28 สิงหาคม [[การยึดครองญี่ปุ่น]]โดย[[ผู้บัญชาการสูงสุดแทนฝ่ายสัมพันธมิตร]]เริ่มขึ้น พิธียอมจำนนจัดขึ้นเมื่อวันที่ 2 กันยายน บนเรือรบ[[ยูเอสเอส มิสซูรี|ยูเอสเอส ''มิสซูรี'' (BB-63)]] ของกองทัพเรือสหรัฐ ซึ่งข้าราชการจากรัฐบาลญี่ปุ่นลงนาม[[ตราสารยอมจำนนของญี่ปุ่น]] และยุติความเป็นศัตรูกันในสงครามโลกครั้งที่สอง ทั้งพลเรือนและทหารฝ่ายสัมพันธมิตรล้วนเฉลิมฉลอง[[วันแห่งชัยชนะเหนือญี่ปุ่น]] อย่างไรก็ดี ทหารและกำลังพลบางส่วนที่ถูกโดดเดี่ยวของจักรวรรดิญี่ปุ่นทั้งในทวีปเอเชียและหมู่เกาะแปซิฟิกปฏิเสธที่จะยอมจำนนเป็นเวลาหลายเดือนและหลายปีหลังจากนั้น บางคนปฏิเสธกระทั่งคริสต์ทศวรรษ 1970 บทบาทของการทิ้งระเบิดปรมาณูในการยอมจำนนของญี่ปุ่น และจริยธรรมของการโจมตีทั้งสองยังเป็นที่ถกเถียง สถานะสงครามระหว่างญี่ปุ่นและฝ่ายสัมพันธมิตรยุติลงอย่างเป็นทางการเมื่อ[[สนธิสัญญาซานฟรานซิสโก]]มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1952 และอีกสี่ปีให้หลัง ก่อนที่ญี่ปุ่นและสหภาพโซเวียตจะลงนาม[[แถลงการณ์ร่วมโซเวียต–ญี่ปุ่น ค.ศ. 1956]] ซึ่งยุติสถานะสงครามระหว่างสองประเทศอย่างเป็นทางการ