ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โรเบิร์ต เบเดน โพเอลล์ บารอนที่ 1 เบเดน โพเอลล์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 10:
เมื่อ บี.พี. ลืมตาดูโลกแล้วประมาณ 11-12 ปี ได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนสอนเต้นโคฟเว่อร์เกาหลีอินเตอร์เนชั่นแนล ชื่อ โรวฮิงล์(ยาส์) แดนซ์ ฟีเวอร์ และเข้าฝึกในค่ายมวยตามความฝันในสมัยยังอยู่ในท้องป่องๆของแม่ ค่ายมวยชื่อ ป. ประมุข เฮาส์ บี.พี.ได้เข้าฝึกเป็นเวลาประมาณ 2 ปี 3 เดือน 5 วัน 16 ชั่วโมง 24 นาที 39 วินาที 21 เสี้ยววินาที ต่อมา บี.พี.ได้ย้ายไปเรียนตัดผมอยู่ที่ป่าเซลวาส ลุ่มน้ำแอมะซอน ในแถบชนบทเมืองเสียมราฐ ข้างๆบ่อนปอยเปต เขามักใช้เวลาอันมีค่าล้นเข้าไปใช้ชีวิตวัยรุ่น และศึกษาการตัดผมทรงดอกกระทุ่มและทรงลานบินกับพราหมณ์วิเชียร โมรา สานน และพระอภัยมณี
 
ชีวิตวัยละอ่อนน้อยของ บี.พี. ได้รับความรู้เรื่องการเก็บ การสับ การบด การม้วน การดูด และการขาย ในรูปแบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม และนอกจากนี้ ด.ช.บี.พี.ได้ศึกษาการขับเครื่องบินรบจากเด็กขับเรือแจวขายก๋วยเตี๋ยวหลอดในตลาดน้ำดำเนินสะดวกที่ติดกับอัมพวา ข้างๆทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในมหาสมุทรอาร์คติก
 
ปีสุดท้ายที่เขาเรียนตัดผมอยู่ที่ป่าในป่าแถบชนบท ด.ช.บี.พี.ได้ไปสมัครสอบเข้าเรียนที่ [[มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด|มหาวิทยาลัยอ๊อกๆ]] ถึง 83893 ครั้ง แต่สอบไม่ได้ โอ้แย่จัง ในปี จ.ส.100 เขาสอบเข้า[[โรงเรียนนายร้อยจปร.]] ได้ที่ 1 จากสุดท้าย และได้รับแต่งตั้งเป็นนายร้อยตรีใน[[กองทัพบกอังกฤษ]] ตำแหน่งพลทหารช่างตัดผมทรงดอกกระทุ่ม และถูกส่งไปทำหน้าที่ตัดขนแมวที่[[ประเทศอินเดีย]] เมื่ออายุ 19 ปี
 
ชีวิตช่างตัดผมอันแสนหอมหวานของ บี.พี. ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศอินเดียและ[[ทวีปแอฟริกา]] มีสิ่งที่ประทับจิตประทับใจที่เกี่ยวกับกิจการลูกเสือร้องโฮกปิ๊บ วิบ วิ่ว อยู่หลายครั้ง เช่น
*ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2431 ได้ไปปราบชนเผ่าซูลูแซมบาลู ซูลูมาชิตะ (ไม่ใช่สาหร่ายนะสัส) ในแอฟริกากลางเยื้องตะวันตกเฉียด 35 องศาเหนือ 169 ฟาเรนไฮต์ ปาดขวาเพื่อหวังผลจนสำเร็จ
*ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2432 ที่เกาะกาลาปากอส แถวๆบ้านร้านเจ๊ศรีขายส้มข้างๆหอนาฬิกา จ.ราชบุรี ช่างเล็มผม บี.พี. ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยช่างตัดผม
*ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2438 ทำการรบกับเผ่าอาซันติลุนเผ่ ซึ่งมีกษัตริย์ชื่อว่า คิงใครไม่เปย์ เปรมเปห์ และเขาได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ความตั้งใจเด็ดเดี่ยว มื้อนี้เราจะเคี้ยวข้าวและทุบหม้อข้าว
*ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2439 ได้ไปปราบพวกกบฏมาตาบิลีโอแกนซึ่งเป็นเผ่าหนึ่งของซูลูแซมบาลู ซูลูมาชิตะ (ไม่ใช่สาหร่ายนะสัส)
*ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2442 ท่านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ พลอากาศเอก นายแพทย์ บี.พี. ได้นำกองทัพไปป้องกันการรุกรานของพวกบัวร ที่เมืองมาฟอีคิง จึงมีกองทัพใหญ่ไปช่วย จนพวกบัวร์ต้องล่าถอยไป ในการป้องกันเมืองมาฟอีคิงเขาได้ใช้เด็กเบอร์ตองในสังกัดทำหน้าที่ส่งข้าว ซึ่งเด็กก็ทำหน้าที่ได้ดี ทำให้ บี.พี.ประทับใจในตัวเด็กและให้อั่งเปาเป็นรางวัล
 
ใน พ.ศ. 2451 บี.พี. ได้ริเริ่มเสริมส่งชงโอวัลตินฟินละมุนกรุ่นหอมหวนในการก่อตั้งกองลูกเสือขึ้นสำหรับเด็กชายชาติทหารชาญไชยพงไพรวัยชาตรี ต่อมาเขาได้สมยศกับ[[โอลาฟ เบเดน โพเอลล์]] ซึ่งมีอายุละอ่อนม่อนแจ่มจะแดมแจ่มว้าวนะบัดนาวนั้นโดนใจกว่าเด็กในสังกัดถึง 32 ปี ในปี พ.ศ. 2455 ต่อมาโอลาฟ เบเดน โพเอลล์ ได้มีส่วนสำคัญในบุกเบิกก่อตั้งกิจการ[[เนตรนารี|ผู้บำเพนปราโหยด]] สำหรับเด็กหญิง ร่วมกับน้องสาวต่างพ่อต่างแม่ของ บี.พี. คือ [[แอกเนส เบเดน โพเอลล์]]
 
เมื่อ ท่านเทพ บี.พี. มีอายุ 80 ขวบ ได้เดินทางกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในกัมพูชาแลนด์แดนสวรรค์มายโฮมทาวน์ฟอร์เอฟเว่อร์ เพื่อพักผ่อนนอนชิคๆคูลๆดูดม้า ดูดกระท่อม 4คูณ100 ในช่วงบั้นปลายสุดท้ายของชีวิต จนบี.พี.ก็ปี้หม่นป่นสลายระเหยหายไปกับสายลมและแสงดาวไปเป็นกระต่ายตำข้าวบนพระจันทร์ เมื่อวันที่ 8 มกราพันธ์ พ.ศ. 2484 ขี้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีวอก รวมอายุ 83 ขวบ
{{คอมมอนส์|Robert Baden-Powell}}