ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
JMKTIN (คุย | ส่วนร่วม)
Nomedizas (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 125:
[[ไฟล์:RMDvsBAR UCL SF 1.jpg|thumb|เอลกลาซิโก ในแชมเปียนส์ลีก 2011]]
{{บทความหลัก|เอลกลาซิโก}}
มักจะเกิดความดุเดือดในเกมการแข่งขันระหว่างทีมที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศนี้ โดยเฉพาะใน [[ลาลิกา]] โดยเกมการแข่งขันระหว่างบาร์ซาและเรอัลมาดริด เรียกว่า [[เอลกลาซิโก]] ({{lang-es|El Clásico}}) ตั้งแต่เริ่มมีการแข่งขันระดับประเทศ ทั้ง 2 สโมสรเหมือนเป็นตัวแทนของคู่แข่งกันทั้ง 2 ภูมิภาคของสเปน คือ [[กาตาลุญญา]]และ[[กัสคิยากัสติยา]] รวมถึง 2 เมืองด้วย การแข่งขันยังสะท้อนให้เห็นว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองและความตึงเครียดของทั้ง 2 วัฒนธรรม สามารถเห็นได้จากการออกกฎหมายในช่วง[[สงครามกลางเมืองสเปน]]<ref>Ghemawat, Pankaj. p. 2.</ref>
 
ในช่วงการปกครองแบบเผด็จการของ [[ปรีโม เด รีเบรา]] โดยเฉพาะจอมพลฟรันซิสโก ฟรังโก (ค.ศ. 1939–1975) วัฒนธรรมย่อยทั้งหมดถูกปราบปราม ภาษาที่ใช้ในดินแดนสเปนทั้งหมดต้องใช้ภาษาสเปน (ภาษาสเปนกัสติยา) ภาษาอื่นถูกห้ามใช้อย่างเป็นทางการ<ref>Kleiner-Liebau, Désirée. p. 70.</ref><ref>{{Cite news|author=Phil Ball |url=http://www.guardian.co.uk/football/2002/apr/21/championsleague.sport |title=The ancient rivalry of Barcelona and Real Madrid|work=The Guardian|publisher=Guardian News and Media |date= 21 April 2002|accessdate=13 March 2010 | location=London}}</ref> บาร์เซโลนาเป็นเหมือนเครื่องหมายแห่งความต้องการอิสรภาพของชาวกาตาลา บาร์ซากลายเป็นอะไรที่ "มากกว่าสโมสร" ({{lang-es|Més que un club}}) นักเขียนชาวสเปน [[มานวยล์ บัซเกซ มอนตัลบัน]] กล่าวไว้ว่า หนทางที่ดีที่สุดที่ชาวกาตาลาจะพิสูจน์ให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของตัวเอง คือการมาร่วมกับทีมบาร์ซา เป็นการเสี่ยงน้อยกว่าที่จะร่วมกับกลุ่มต่อต้านจอมพลฟรังโกและพอจะอนุญาตให้พวกเขาแสดงการเคลื่อนไหว<ref>Spaaij, Ramón. p. 251.</ref>
 
ในทางกลับกัน เรอัลมาดริด แสดงให้เห็นถึงการเป็นศูนย์กลางอำนาจสูงสุดและระบอบการปกครอง[[ฟาสซิสต์]]<ref>{{Cite news|url=http://www.time.com/time/arts/article/0,8599,1697027,00.html|title=Barcelona vs. Real Madrid: More Than a Game|date=20 December 2007|accessdate=1 July 2009|work=[[Time (magazine)|Time]]|last=Abend|first=Lisa}}</ref><ref>{{Cite news|url=http://www.guardian.co.uk/football/2001/mar/26/newsstory.sport13|title=Morbo: The Story of Spanish Football by Phil Ball (London: WSC Books, 2001)|date=26 March 2001|accessdate=1 July 2009|work=[[The Guardian]]|last=Lowe|first=Sid}}</ref> แต่อย่างไรก็ตามในระหว่าง[[สงครามกลางเมืองสเปน]] สมาชิกของทั้ง 2 สโมสร อย่างเช่น [[ชูเซบ ซุนยอล]] และ [[ราฟาเอล ซานเชซ เกร์รา]] ก็ต่างเจ็บปวดจากผู้สนับสนุนจอมพลฟรังโก
 
ในระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1950 บาร์เซโลนายิ่งแย่ลงไปเมื่อเกิดข้อพิพาทเรื่องการโยกย้ายทีมของ [[อัลเฟรโด ดีดิ สเตฟาโนเอสเตฟาโน]] ที่สุดท้ายลงเอยกับทีมเรอัลมาดริด และต่อมาก็เป็นกุญแจสำคัญในชัยชนะของทีม<ref>Burns, Jimmy. pp. 31–34.</ref> ในคริสต์ทศวรรษ 1960 เรอัลมาดริดเข้าสู่รอบแพ้คัดออกในถ้วยยุโรป ทั้ง 2 ทีมเจอกัน 2 ครั้ง<ref name="rsssf1">{{cite web|url=http://www.rsssf.com/tablesb/barcamadrid.html |title=FC Barcelona vs Real Madrid CF since 1902 |publisher=Rec.Sport.Soccer Statistics Foundation |date=31 January 2000 |accessdate=21 August 2010 |author=García, Javier}}</ref> ส่วนการเจอกันในถ้วยยุโรปครั้งล่าสุดคือในปี ค.ศ. 2002 ที่สื่อสเปนขนานนามว่า "นัดฟุตบอลแห่งศตวรรษ" มีผู้ชมมากกว่า 500 ล้านคน<ref>{{Cite news|url=http://news.bbc.co.uk/sport2/hi/football/7773773.stm |title=Real win Champions League showdown |publisher=BBC News |date=11 December 2008 |accessdate=21 August 2010}}</ref>
 
=== เอลเดร์บีบาร์เซลูนี ===