ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ค่ายมรณะซอบีบูร์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Matable (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
[[ไฟล์:Poland_Sobibor_-_death_camp_mausoleum.jpg|thumb|200x200270px|อนุสรสถาน์ของค่าย: พีระมิดที่มีทรายผสมกับขี้เถ้าของมนุษย์ อนุสรณ์สถานของค่าย]]
 
'''ค่ายมรณะโซซอบีบอร์บูร์''' ({{IPAclang-en|s|oʊ|ˈ|b|iː|b|ɔːrSobibor extermination camp}}) เป็นค่ายมรณะของ[[นาซีเยอรมัน]]ที่ถูกก่อตั้งขึ้นและปฏิบัติการโดย[[ชุทซ์ชตัฟเฟิล|หน่วยเอ็สเอ็ส]]ในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]]ใกล้กับสถานีรถไฟโซซอบีบอร์บูร์ใกล้กับเมืองโวลดา[[ววอดาวา]] (Włodawa) ภายในดินแดนกึ่งอาณานิคมของ[[เขตปกครองสามัญ]]ใน[[การยึดครองโปแลนด์ (ค.ศ. 1939–1945)|เขตการยึดครองโปแลนด์]]
 
ค่ายแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ[[ปฏิบัติการไรน์ฮาร์ท]]ที่ถูกปกปิดเป็นความลับ ซึ่งเป็นช่วงความร้ายกาจของ[[ฮอโลคอสต์ในโปแลนด์]] [[ชาวยิว]]จากโปแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ เชโกสโลวาเกีย และ[[สหภาพโซเวียต]] (รวมถึงเชลยศึกชาวยิว-โซเวียต)<ref>Philip "Fiszel" Bialowitz, Joseph Bialowitz, [https://books.google.com/books?id=hlQ4sqp7d5MC&pg=PA105 ''A Promise at Sobibór: A Jewish Boy’s Story of Revolt and Survival in Nazi-Occupied Poland,''] University of Wisconsin Press, 2010 .105</ref><ref>Thomas Toivi Blatt, [https://books.google.com/books?id=h8nIWNIpHBwC&pg=PA131 ''From the Ashes of Sobibor: A Story of Survival,''] Northwestern University Press, 1997 p.131.</ref><ref>Alan J. Levine,[https://books.google.com/books?id=GstzfO4QN30C&pg=PA205 ''Captivity, Flight, and Survival in World War II,''] Greenwood Publishing Group, 2000 p.205.</ref> ได้ถูกโยกย้ายจากทางรถไฟ คนส่วนใหญ่ล้วนสำลักควันใน[[ห้องรมแก๊ส|ห้องรมแก็ส]]ที่ถูกพ่นใส่โดยจากท่อไอเสียของเครื่องยนต์เบนซินขนาดใหญ่<ref name="Schelvis100">Schelvis 2007, p. 100: ''Testimony of [https://books.google.com/books?id=OB1nAwAAQBAJ&q=Fuchs%20petrol%20engine#v=snippet&q=Fuchs%20petrol%20engine&f=false SS-Scharführer Erich Fuchs] about his own installation of the (at least) 200 HP, V-shaped, 8 cylinder, water-cooled petrol engine at Sobibor.''</ref>
 
มีผู้คนจำนวนประมาณอย่างน้อย 200,000 คนซึ่งถูกสังหารในโซซอบีบอร์บูร์<ref>''[[Raul Hilberg]].'' [[The Destruction of the European Jews]]. Yale University Press, 1985, p. 1219. {{ISBN|978-0-300-09557-9}}</ref> ที่[[การพิจารณาคดีโซซอบีบอร์บูร์]] ซึ่งเป็นการพิจารณาคดีกับพวกอดีตบุคลากรหน่วยเอ็สเอ็สของค่าย ซึ่งถูกเอ็สเอ็สของค่ายและจัดขึ้นใน[[ฮาเกินในช่วงสองทศวรรษที่กลายเป็น]]หลังจากเข้าสู่ยุค[[สงครามเย็น]]ได้ประมาณสองทศวรรษ ศาสตราจาย์ศาสตราจารย์[[ว็อล์ฟกัง Wolfgang Schefflerเช็ฟเฟลอร์]] ได้ตีประมาณจำนวนชาวยิวที่ถูกสังหารซึ่งว่ามีอย่างน้อย 250,000 คน ในขณะที่แก๊สมีสเตอร์ ''กาสไมส์เทอร์'' (หัวหน้าแก็สแก๊ส) [[เอริช เบาเออร์]] ได้ตีประมาณจำนวนว่ามี 350,000 คน{{sfn|Schelvis|2014|p=252}}<ref name="H.H.2006">{{cite book|url=https://books.google.com/books?id=--fhfkLjI8AC&lpg=PA272&ots=Baznxm7jDl&dq=Sobibor%20200%2C000&pg=PA272#v=onepage&q=Sobibor%20200,000&f=false|title=Lessons and Legacies VII: The Holocaust in International Perspective|publisher=Northwestern University Press|year=2006|accessdate=11 October 2014|author=[[Peter Hayes (historian)|Peter Hayes]], [[Dagmar Herzog]]|page=272|quote=Between May 1942 and October 1943 some 200,000 to 250,000 Jews were killed at Sobibor according to the recently published ''Holocaust Encyclopedia'' edited by Judith Tydor Baumel.}}</ref> จำนวนตัวเลขนี้จะทำให้ซอบีบูร์กลายเป็นค่ายมรณะที่ร้ายแรงที่สุดในลำดับที่สี่ รองลงมาจาก[[ค่ายมรณะเบวเชตซ์แบวแชตส์|เบวเชตซ์แบวแชตส์]] เท[[ค่ายมรณะแตรบลิงคากา|แตรบลิงกา]] และ[[ค่ายกักกันเอาชวิทซ์เอาช์วิทซ์|เอาชวิทซ์เอาช์วิทซ์]]
 
ในช่วงนักโทษประมาณ 600 คนพยายามหนีออกจากค่ายระหว่างการก่อจลาจลในวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1943 มีนักโทษประมาณ 600 คนได้พยายามหลบหนีออกมา มีจำนวนประมาณครึ่งหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการสามารถข้ามรั้วกั้นออกไปได้สำเร็จ ในขณะเดียวกันที่มีจำนวนผู้คนนี้มีราว 50 คนที่รอดพ้นจากการถูกจับกลับไปอีกครั้ง รวมทั้ง[[แซ็ลมา Selmaไวน์แบร์ค]] Wijnbergและ[[ไคม์ เอ็งเงิล]] และสามีของเธอในอนาคต Chaim Engel พวกเขาได้แต่งงานกันในเวลาต่อมาและมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นพยานต่อการก่ออาชญากรรมของนาซี ไม่นานหลังจากการก่อจลาจล เยอรมันได้ทำการเยอรมนีก็ปิดค่าย, เกลี่ยพื้นดินให้เรียบ และปลูกต้นสนหลายต้นเพื่อปกปิดพื้นที่ตั้งของค่ายแห่งนี้ ทุกวันนี้สถานที่แห่งนั้นได้ถูกครอบครองโดยกลายเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์โซซอบีบอร์ มันได้ถูกบูร์ซึ่งจัดแสดงโดยพีระมิดที่เก็บขี้เถ้าและกระดูกที่ถูกบดขยี้ของเหยื่อที่ซึ่งถูกเก็บรวบรวมจากหลุมฝังเตาเผาศพ
 
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2014 ทีมนักโบราณคดีได้ขุดค้นซากศพพบซากที่เหลือจากห้องรมแก็สแก๊สที่ถูกฝังอยู่ใต้ถนนยางมะตอย มันได้ถูกค้นพบนอกจากนี้ในปี ค.ศ. 2014 เป็นเดียวกันยังพบจี้ที่ถูกจารึกด้วยคำว่าวลี "ดินแดนแห่งอิสราเอล"ใน เป็นภาษาฮิบรูฮีบรู อังกฤษ และอาหรับ ตั้งแต่ปีมีอายุย้อนไปได้ถึง ค.ศ. 1927,; ต่างหู,; เครื่องมือวงดนตรีงานแต่งแหวนแต่งงานที่ถูกมีคำจารึกคำในภาษาฮิบรูฮีบรู และขวดน้ำหอมที่ตกลงพื้นซึ่งเป็นของเหยื่อชาวยิว<ref>{{cite web|url=http://www.haaretz.com/jewish-world/jewish-world-news/.premium-1.616667|title=Archaeologists make more historic finds at site of Sobibor gas chambers|date=19 September 2014|publisher=Haaretz.com|author=Ofer Aderet}}</ref><ref>{{cite web|last=Pempel|first=Kacper|title=Archaeologists uncover buried gas chambers at Sobibor death camp|website=U.S.|date=18 September 2014|url=https://www.reuters.com/article/us-poland-deathcamp/archaeologists-uncover-buried-gas-chambers-at-sobibor-death-camp-idUSKBN0HD24B20140918|access-date=4 April 2018}}</ref>
 
== อ้างอิง ==